เมืองไทย 360 องศา
ต้องบอกว่า ยุคนี้สำหรับคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะคนที่ก้าวเข้ามาสู่วงการเมือง ถือว่าโชคดีเป็นอย่างมาก เพราะการเป็น “คนรุ่นใหม่” มีความได้เปรียบคู่แข่งแบบที่ไม่ต้องออกแรงมากนัก ก็มีสิทธิได้รับชัยชนะ เหมือนกับผลสำรวจที่ออกมาแทบทุกโพลที่มีผลตรงกัน คือ จะได้รับความนิยมสูง และหากโฟกัสไปที่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หากมีการเลือกตั้ง กลับกลายเป็นว่า คนรุ่นใหม่ที่ว่านั้น มีโอกาสชนะได้เป็นผู้นำในอนาคตอีกด้วย
เริ่มจากผลสำรวจของ “ซูเปอร์โพล” ล่าสุด เรื่อง ภาพจำ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ 5 อันดับแรก ภาพจำ ที่ประชาชนประทับใจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้แก่ อันดับแรก มีผลงานเด่น เช่น ความสงบบ้านเมือง แก้ปัญหาค้ามนุษย์ โครงสร้างพื้นฐาน (38.8%) รองลงมาอันดับที่สอง คือ ชัดเจนปกป้อง เสาหลักของชาติ (38.2%) อันดับที่สามคือ เปิดประเทศได้สำเร็จ (34.4%) อันดับที่สี่ คือ มีความอดทน รับแบกภาระหนัก แก้วิกฤตประเทศรอบด้าน (33.8%) อันดับที่ห้า คือ ซื่อสัตย์ สุจริต ไม่โกงกิน (33.5%)
ในขณะที่ 5 อันดับแรก ภาพจำ ที่ประชาชนประทับใจ ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ได้แก่ อันดับแรก คือ เป็นคนรุ่นใหม่ (56.5%) อันดับที่สองคือเป็นบุตรสาวของอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร (56.5%) อันดับที่สาม คือ เป็นผู้หญิง กล้าทำงานการเมือง (51.1%) อันดับที่สี่ คือ รักษาฐานเดิม ของพรรคเพื่อไทย (49.3%) อันดับที่ห้า คือ สุภาพ อ่อนน้อม เรียบง่าย พูดจาดี (47.1%)
นายอนุทิน ชาญวีรกูล มีภาพจำที่ประชาชนประทับใจอันดับแรก คือ มีผลงานแก้วิกฤตโควิด นานาประเทศยอมรับ ยกย่องประเทศไทย (44.8%) อันดับที่สอง คือ จิตใจดี มีน้ำใจช่วยเหลือชีวิตประชาชน กับภารกิจส่งหัวใจ อวัยวะผู้ป่วย (38.5%) อันดับที่สามคือ มีความรู้ความสามารถ การศึกษาดี (31.4%) อันดับที่สี่คือ กล้าคิด กล้าทำ กล้าเปลี่ยนแปลง (30.5%) และอันดับที่ห้าคือ เป็นคนทำงานจริง (30.2%)
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ มีภาพจำที่ประชาชนประทับใจอันดับแรก คือ ชัดเจน จงรักภักดี ปกป้องเสาหลักของชาติ ต่อต้านยกเลิก 112 (42.7%) อันดับที่สอง คือ มีวิสัยทัศน์ เศรษฐกิจโลก นโยบายเศรษฐกิจทันสมัย แก้ปัญหาปากท้อง (39.5%) อันดับที่สาม คือ สุภาพพูดจาดี ไม่ดุดัน (38.8%) อันดับที่สี่ คือ ใกล้ชิด ได้รับการสนับสนุนจาก นายชวน หลีกภัย (37.9%) และอันดับที่ห้า คือ เป็นกันเอง ชาวบ้านเข้าถึงง่ายไม่เรื่องมาก (38.8%)
นอกจากนี้ 5 อันดับแรกของภาพจำที่ประชาชนประทับใจต่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พบว่า อันดับแรกคือ เป็นคนรุ่นใหม่ (48.6%) อันดับที่สอง คือ กล้าเปลี่ยนแปลง (46.0%) อันดับที่สาม คือ มีการศึกษาดี (43.7%) อันดับที่สี่ คือ มีความสามารถ (41.8%) และอันดับที่ห้า คือ เป็นคนทำงาน (41.3%)
ขณะที่ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” เผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “คนที่ใช่ พรรคที่ชอบ ของคนภาคกลาง” สำรวจระหว่างวันที่ 2-5 พ.ย.65 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีสิทธิเลือกตั้งในภาคกลาง (จังหวัดในภาคกลาง ประกอบด้วย ชัยนาท พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง นนทบุรี ปทุมธานี นครปฐม สมุทรปราการ กาญจนบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร) กระจายทุกระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ รวมทั้งสิ้น 2,002 หน่วยตัวอย่าง
เมื่อถามถึงบุคคลที่คนภาคกลางจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 24.18 ระบุว่าเป็น น.ส.แพทองธาร (อุ๊งอิ๊ง) ชินวัตร (พรรคเพื่อไทย) เพราะ ต้องการให้คนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารประเทศ ชื่นชอบอุดมการณ์ของพรรคเพื่อไทย นโยบายของพรรคทำได้จริง ขณะที่บางส่วนระบุว่า ศรัทธาในตระกูลชินวัตร อันดับ 2 ร้อยละ 16.73 เป็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (พรรคก้าวไกล) เพราะ เป็นคนรุ่นใหม่ มีวิสัยทัศน์ในการบริหารประเทศ ขณะที่บางส่วนระบุว่า ชื่นชอบอุดมการณ์ของพรรคก้าวไกล อันดับ 3 ร้อยละ 16.23 ระบุ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะ เป็นคนซื่อสัตย์ สุจริต มีประสบการณ์ด้านการบริหาร ชื่นชอบผลงานของรัฐบาล
ผลสำรวจทั้งสองสำนักดังกล่าวล้วนออกมาใกล้เคียงกัน โดยเฉพาะหากโฟกัสไปที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่เหตุผลที่ได้รับความนิยม และได้รับการสนับสนุนให้เป็นผู้นำ หรือเป็นนายกรัฐมนตรี ล้วนมาจากเหตุผลหลัก คือ “เป็นคนรุ่นใหม่” เท่านั้น ไม่ได้พิจารณาจากผลงาน หรือความสำเร็จในหน้าที่การงานในอดีตเลยแม้แต่น้อย หรือกรณีของ น.ส.แพทองธาร มีอีกเหตุผลหนึ่งคือ เป็นคนในครอบครัวชินวัตร
นี่คือ ตรรกะในการเลือกและสนับสนุนนักการเมืองในดวงใจของพวกเขา ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องผิด เพราะทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับความชอบ รวมไปถึง “แบ็กกราวด์” ทางการเมืองที่สั่งสมกันมากจนกลายเป็น “ภาพจำ” อย่างที่ว่า แต่สิ่งที่สะท้อนออกมาจากผลสำรวจข้างต้น สามารถสรุปได้ว่า เป็นเพราะเป็น “คนรุ่นใหม่” และ คนที่มาจากบางครอบครัว ซึ่งในที่นี้ก็คือ “ครอบครัวชินวัตร”ของ นายทักษิณ ชินวัตร
ขณะเดียวกัน เมื่อเทียบกับภาพจำของผู้นำคนอื่นๆ เช่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย รวมไปถึง นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ล้วนมีเรื่องมาจากผลงานที่น่าจดจำทั้งสิ้น
ดังนั้น หากพิจารณาจากเหตุผลหรือตรรกะในการเลือกผู้นำ หรือให้การสนับสนุนผู้นำ นายกรัฐมนตรีในอนาคตนาทีนี้ถือว่าหาก “เป็นคนรุ่นใหม่” ถือว่าเป็นข้อได้เปรียบหรือเปล่า รวมไปถึงการเป็นทายาทของบางครอบครัว ก็ถือว่าเป็นเครื่องการันตีความสำเร็จไปเกินครึ่งแล้ว เพราะหากพิจารณาจากแบ็กกราวด์ของ ทั้ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร รวมไปถึง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ยังไม่เคยเห็นผลงานที่โดดเด่นให้เห็นเลย ไม่ว่าจะเป็นบทบาทในทางธุรกิจที่ผ่านมาเป็นเครื่องพิสูจน์ แต่ถือว่าเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่จะรักใครชอบใคร เพียงแต่ว่ารู้สึกแปลกใจเท่านั้นเอง !!
