xs
xsm
sm
md
lg

“ธนกร” ชู “บิ๊กตู่” ใช้ผลงานแทนคำพูด “กลยุทธ์ 3 แกน” ดันไทยเป็นฮับอีวีภูมิภาค ต่างชาติพาเหรดลงทุน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ธนกร” เผย กลยุทธ์ “3 แกน สร้างอนาคต” ดันไทยเป็น EV Hub ในภูมิภาค ขณะนี้ผู้ผลิตรถ EV หลายสัญชาติพาเหรดลงทุนในประเทศไทยแล้ว ชม “บิ๊กตู่” ใช้ผลงานแทนคำพูด สร้างความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจและอนาคตประเทศ หากไปต่อชนะเลือกตั้งแน่ จวกฝ่ายค้านเพลาการเมืองแข่งขันกันทำงานให้ชาวบ้านดีกว่าโจมตีรัฐบาลรายวัน

วันนี้ (12 พ.ย.) นายธนกร วังบุญคงชนะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แสดงความยินดีกับ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในความสำเร็จในการขับเคลื่อนกลยุทธ์ภาพใหญ่ที่มี ภายใต้ “3 แกนหลัก สร้างอนาคต” เพื่อเดินหน้าขับเคลื่อนประเทศ สร้างอนาคตประเทศ โดย 1 ใน 3 แกน จะเกี่ยวกับอุตสาหกรรมยานยนต์และอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่อง เน้นทำให้ไทยเป็น “ศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า” ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่สำคัญของโลก เนื่องด้วยทั่วโลกกำลังเปลี่ยนแปลงไปสู่การใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ด้วยการล็อกผู้ผลิตยานยนต์ทั่วโลก ให้อยู่ในประเทศไทย เพื่อเพิ่มการลงทุนและขยายธุรกิจในประเทศไทย ขณะนี้มีบริษัทผู้ผลิตรถ EV หลายสัญชาติ ได้ตัดสินใจเข้ามาสร้างโรงงานในประเทศไทย อาทิ BYD บริษัทรถยนต์ EV ที่มียอดอันดับ 1 ของจีน ได้ร่วมทุนกับเอกชนไทยตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า BYD และโรงงานผลิตแบตเตอรี่ เพื่อใช้เป็นฐานการผลิตรถยนต์พวงมาลัยขวา เพื่อจำหน่ายในประเทศไทยและส่งออกไปยังภูมิภาคอาเซียน Ford วางแผนใช้ไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า EV ในภูมิภาคเอเชีย รวมทั้ง บริษัท Mercedes Benz, BMW, MG, GWM, Volt ก็เลือกประเทศไทย เป็นฐานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย โดยตั้งให้ประเทศไทยเป็น Hub ผลิตรถ EV ในอาเซียนด้วย นอกจากนี้ ไทยยังมีโรงงานประกอบและผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมใหญ่ที่สุดในอาเซียนนั้น ตั้งอยู่ที่ไทยเป็นของบริษัท EA ตั้งอยู่ นิคมอุตสาหกรรมฉะเชิงเทรา บลูเทค ซิตี้ อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา

ทั้งนี้ ยังเร่งทำการขยายจำนวนแท่นชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าทั่วประเทศ ซึ่งกระทรวงพลังงานตั้งเป้าปี 2573 ควรมีสถานี 1,394 แห่ง และมีเครื่องอัดประจุไฟรวม 13,251 เครื่อง

ขณะเดียวกัน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) บีโอไอ เปิดเผยสถิติคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนในช่วง 9 เดือน (ม.ค.- ก.ย.) ปี 2565 มีโครงการขอรับการส่งเสริมการลงทุน 1,247 โครงการ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 8 และมูลค่ารวม 439,090 ล้านบาท ขณะที่การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) มีมูลค่ารวม 275,624 ล้านบาท ส่วนใหญ่อยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งคาดว่า การลงทุนใน 2 สาขานี้ จะยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมา BOI ได้อนุมัติโครงการยานยนต์ไฟฟ้าไปแล้ว 26 โครงการเป็นของ 17 บริษัท คิดเป็นยอดกำลังการผลิตรถไฟฟ้า 830,000 คัน และมีการคาดการณ์ว่าภายในต้นปี 2566 ประเทศไทยจะสามารถทำได้ตามเป้าหมายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจำนวน 1 ล้านคัน และภายในปี 2573 รถยนต์พลังงานไฟฟ้าจะมีสัดส่วน 30% ของการผลิตรถยนต์ทั้งหมดของประเทศไทย หรือ 700,000 คันต่อปี

นายธนกร กล่าวอีกว่า รัฐบาลได้ผลักดันและส่งเสริมการใช้และผลิตรถยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศ ทั้งมาตรการลดภาษีการนำเข้าของผู้ประกอบการ การลดภาษีสรรพสามิตจาก 8% เหลือ 2% นโยบายเรื่องภาษีรถ EV ของรัฐ รวมถึงการสนับสนุนด้านสิทธิประโยชน์อื่นๆ ที่จะกระตุ้นตลาดให้รถไฟฟ้ามีราคาที่น่าสนใจ ทำให้ประเทศไทยก้าวขึ้นสู่ประเทศชั้นนำของรถ EV ต่อไปคือการผลักดันการผลิตในประเทศให้เร็วขึ้น ตนเองเชื่อมั่นว่า “หนึ่งในสามแกนสร้างอนาคตประเทศ : ด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า” นี้ จะเป็นรากฐานที่สำคัญที่ช่วยหล่อเลี้ยงอุตสาหกรรมต่างๆ เหมือนเช่นเดียวกับที่อุตสาหกรรมยานยนต์ที่ขับเคลื่อนประเทศผ่านมา ซึ่งจะยังคงช่วยสร้างความมั่งคั่งให้กับเศรษฐกิจและประเทศไทยต่อไปได้ อีกเป็น 20-30 ปีข้างหน้า ต้องขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรีพลเอก ประยุทธ์ ที่ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา พาประเทศไทยและคนไทย เดินทางมาได้ไกล และก้าวหน้า ด้วยการทำงานอย่างรวดเร็วและจริงจัง ใช้ผลงานสร้างความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจและอนาคตประเทศแทนคำพูด ไม่ใช่โฆษณาทางการเมืองไปวันๆ ซึ่งในการเลือกตั้งครั้งหน้า หาก พล.อ.ประยุทธ์ ไปต่อ ตนเชื่อว่า จะได้รับความไว้วางใจจากประชาชนเป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัยอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้ฝ่ายค้านได้เข้าใจหันมาแข่งขันกันทำงานให้กับพี่น้องประชาชนดีกว่าการเล่นการเมืองแบบเก่าที่มักใช้วาทกรรมโจมตีรัฐบาลรายวัน


กำลังโหลดความคิดเห็น