xs
xsm
sm
md
lg

ถ่ายสดบอลโลก อยากดูต้องได้ดู! ค่าลิขสิทธิ์เต็มคาราเบล 1,600 ล้าน งานนี้มีหมูจะหาม? “มาดามเดียร์” โหนแสง ** “ลุงตู่” ตั้ง “ไตรรงค์” เป็นที่ปรึกษานายกฯ แผนยึดหัวหาดที่ “รวมไทยสร้างชาติ” ตามสูตรแยกกันเดิน รวมกันตี ก็ชัดขึ้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว

**ถ่ายสดบอลโลก อยากดูต้องได้ดู! ค่าลิขสิทธิ์เต็มคาราเบล 1,600 ล้าน งานนี้มีหมูจะหาม? “มาดามเดียร์” โหนแสง

“ฟุตบอลโลก 2022” มหกรรมกีฬายอดนิยมของมวลมนุษยชาติ ที่กาตาร์ กำลังจะเตะกันอยู่รอมร่อ แต่ในบ้านเรายังดรามากันอยู่ว่า คนไทยจะได้ดูถ่ายทอดสดกันหรือไม่ และเมื่อ กสทช.เคลื่อนไหวจะเข้ามาแบกรับซื้อลิขสิทธิ์ 1,600 กว่าล้าน ความบันเทิงจึงเกิดขึ้น มีทั้งก้อนอิฐ และเสียงด่า เขวี้ยงใส่หลังคาอาคารสายลมกันกระหน่ำ

หนึ่งในนั้นก็เป็น “มาดามเดียร์” วทันยา บุนนาค อดีต ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ที่เพิ่งย้ายค่ายจากพลังประชารัฐ มาอยู่กับประชาธิปัตย์ ก็ไม่พลาดที่จะกระโดดโหนแสงตามกระบวนแห่กับเขาไปด้วย

งานนี้ “เดียร์ วทันยา” ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟชบุ๊ก จั่วหัว ว่า “#อีก11วันคนไทยจะได้ดูบอลโลกไหม? เมื่อ #MustCarry คืองูที่ กสทช. ขว้างไม่พ้นคอ”

ในเนื้อหาบรรยายว่า เหลือเวลาอีกเพียง 11 วันเท่านั้น ที่บีบใจแฟนบอลไทยให้ลุ้นว่า ปีนี้จะได้ดูฟุตบอลโลกหรือไม่? โดยไม่เห็นด้วยกับ รัฐบาลที่จะให้ กสทช.เอางบกว่า 1,600 ล้านบาท ไปซื้อลิขสิทธิ์ เป็นเรื่องที่ กสทช.ต้องพิจารณาว่า เอาเงินมาอุดหนุนเพื่อให้แฟนบอลไทยได้เชียร์บอลโลกแบบหนำใจ เพื่อรักษาภาพรัฐบาล แบบแพงแสนแพง

เพราะเรื่องนี้ทั้งหมดเกิดขึ้นจากกฎ “Must Carry หรือ Must Have” ที่ กสทช. ออกเป็นกฎไว้หลังจากการประมูลทีวีดิจิทัล เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงรายการถ่ายทอดสดเวทีสำคัญระดับชาติ โดยไม่ถูกปิดกั้นจากเจ้าของผู้ประมูลลิขสิทธิ์ เหมือนเช่นที่เคยเกิดขึ้นในสมัยฟุตบอลโลกปี 2014

แต่ที่ผ่านมา กลับกลายเป็นว่า “กฎ Must Carry” ของ กสทช.เป็นการบิดเบือน แทรกแซงกลไกตลาดในการซื้อขายลิขสิทธิ์ ทำให้ธุรกิจไม่กล้าลงทุน

วทันยา บุนนาค
ดังนั้น “มาดามเดียร์” ฟันโชะ หากจะแก้ปัญหาให้ถูกต้องก็ต้องกลับไปแก้ที่ต้นเหตุด้วยการทบทวนกฎ Must Carry ใหม่ซะ
แหม..ฟัง เดียร์ วทันยา ร่ายยาวฟาด กสทช. ใครอยู่วงนอกก็จะคงจะพยักหน้าเคลิ้มตามด้วย แต่ก่อนจะเออออห่อหมก ก็ต้องไม่ลืม “เดียร์” ไม่ใช่แค่นักการเมืองธรรมดา เธอเป็นถึงเจ้าของสื่อ ค่ายใหญ่อย่างเนชั่นด้วย

การออกมาฟาด กสทช.งวดนี้ ดูออกแหละว่า ต้องการขอแสงทางการเมืองสักหน่อย เพราะมาเป็นสมาชิก ปชป. พรรคที่เรื่องเตะตัดขาคนอื่นเป็นงานถนัด คนมาใหม่ต้องโชว์ฟอร์มให้เข้าตากรรมการ

เรื่องที่ค้าน และให้ทบทวนกฎ Must Carry จริงๆ แล้ว กฎนี้ก็ไม่ได้เลวร้าย มีไฟต์บังคับไว้จะดีกว่ามั้ย ถ้าแสงไม่จ้าเกินไป “เดียร์” ก็น่าจะคิดได้ อย่างน้อยประชาชนได้ประโยชน์ ไม่เสียโอกาส

สิ่งที่มาดามควรตั้งคำถาม คือ มีการใช้ Must Carry เพื่อแสวงหาผลประโยชน์อย่างจงใจ ตั้งใจหรือไม่? ทำไม ราคาลิขสิทธิ์ถึงได้แพงเว่อร์วังอย่างนั้น ควรตั้งคำถามมากกว่าอ๊ะป่าว?

ยิ่งยุคสมัยนี้เป็น “ดิจิทัล” มีโซเชียลมีเดีย มี “ช่องทางธรรมชาติ” ให้เสาะแสวงหารับชมกันดาษดื่น ลิขสิทธิ์แพงนักก็ยุให้ กสทช.ไม่ต้องซื้อ ประเดี๋ยวคอบอลก็หาลิงค์ไปต่อกันได้เอง ไม่ต้องห่วง เว็บพนันออนไลน์ เพจอวตาร มีถมเถ ใช่หรือไม่ใช่ ?

ทว่า ด่าได้ด่า ค้านได้ค้านไป ในที่สุดก็มีเรื่องให้อะเมซิ่งไทยแลนด์ หลังจาก คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) มีมติให่ใช้งบ 600 ล้าน ให้ กกท. ซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้าย ระหว่างวันที่ 20 พ.ย.- 18 ธ.ค.65 ให้คนไทยได้ดู ผ่านฟรีทีวีทุกแพลตฟอร์ม

“ไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล” รักษาการแทน เลขาธิการ กสทช.บอกว่า กรณีการสนับสนุนงบประมาณเพื่อให้มีการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 ได้มีการพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว เห็นว่า การดำเนินการดังกล่าว เป็นการดำเนินการเพื่อให้ประชาชนได้รับบริการ อย่างทั่วถึง (Must Have)

คำถามมีว่า อีกประมาณพันล้านจะหาจากไหน? คนที่งานเข้าก็คือ กกท. เพราะ ค่าลิขสิทธิ์ของฟุตบอลโลก 2022 ที่ กกท. ได้รับแจ้งมาจากเอเยนต์ของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟา) อยู่ที่ 42.5 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราวๆ 1,600 ล้านบาท ซึ่ง “บิ๊กก้อง” ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. ถึงกับหัวจะปวด เรียกทีมงานประชุมเพื่อจะเตรียมหารือว่าจะไปขอสปอนเซอร์รายไหนบ้าง ภายในช่วงระยะเวลาที่เหลืออยู่ไม่กี่วัน

เอาเข้าจริงๆ แล้ว เมื่อรัฐบาลออกหน้าขนาดนี้ เรื่องสปอนเซอร์ลงขันกันพันล้าน เจ้าใหญ่ๆ ใส่กันคนละก้อนสองก้อนก็ไม่เป็นปัญหา ดูอย่างฟุตบอลโลกครั้งที่แล้ว ก็แบบเดียวกัน

ไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล - ดร.ก้องศักดิ์ ยอดมณี
ประเด็นที่น่าสนใจตอนนี้อยู่ที่ รัฐบาลจัดเต็มขนาดนี้ ย่อมหวังผลได้ทั้งคะแนนเสียง เพราะใกล้เลือกตั้ง ซึ่งต้องบอกว่า แต่ไหนแต่ไรมา เรื่องการเอาใจคอกีฬา ด้วยการถ่ายทอดสดอีเวนต์ใหญ่ๆ อย่างฟุตบอลโลก 4 ปีมีครั้ง หรือ ฟุตบอลยูโร ย่อมมีเรื่องของการเมืองเข้ามาเป็นผลพลอยได้ รัฐบาลไหนๆ ก็อยากหาเสียงกับประชาชน

สำคัญที่สุด ใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้? ใครที่วางแผนจัดเต็มคาราเบล ยิงปืนนัดเดียวกะได้นกสองตัว ?

แสร้งประวิงเวลา เตะถ่วงเจรจาลิขสิทธิ์จนผีถึงโลง สบช่องใช้กฎ Must Carry-Must have ของ กสทช. จับประชาชนเป็นตัวประกัน

งานนี้ที่ไทยซื้อลิขสิทธิ์แพงกว่าประเทศอื่นๆ มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง คนคำนวณยังไงก็ไม่สู้ฟ้าลิขิต ควรต้องสงสัยได้ว่า เขามีหมูให้หามกัน..อย่าคิดว่าคนจะไม่รู้

หน้าต่างมีหู ประตูมีช่อง อดใจรอกันนิด เดี๋ยวมีคนมาแฉเบื้องหลังกันมันส์แน่!

** “ลุงตู่” ตั้ง “ไตรรงค์” เป็นที่ปรึกษานายกฯ แผนยึดหัวหาดที่ “รวมไทยสร้างชาติ” ตามสูตรแยกกันเดิน รวมกันตี ก็ชัดขึ้น

เมื่อช่วงปลายเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา “ไตรรงค์ สุวรรณคีรี” กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีดีกรีทางการเมืองเป็นถึง อดีตรองนายกฯ อดีตรองหัวหน้าพรรค และอดีต ส.ส.หลายสมัย ได้ยื่นลาออกจากการเป็นสมาชิก และทุกตำแหน่งในพรรคประชาธิปัตย์

จากนั้นได้โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงเหตุผลของการจากลา ว่า… #ผมขอมีลมหายใจเป็นของตนเอง #ใส่เสื้อฟ้าเป็นครั้งสุดท้าย #36ปีกับพรรคประชาธิปัตย์...

ข่าววงในบอกว่า “ไตรรงค์” เตรียมไปร่วมทำงานการเมืองกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” และศิษย์เก่าประชาธิปัตย์ ไปตั้งพรรคไว้รอก่อนแล้ว และยังจะมี ส.ส.ประชาธิปัตย์อีกส่วนหนึ่งไหลตามออกไปเมื่อถึงเวลาอันควร

และเมื่อวานนี้ (9 พ.ย.) “ลุงตู่” ก็เซ็นตั้ง “ไตรรงค์ สุวรรณคีรี” เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เรียบร้อยเงาะโรงเรียน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ข่าวที่ว่า “ลุงตู่” เตรียมแยกจาก “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มี “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” ที่ปรึกษานายกฯ ฝ่ายการเมือง เป็นหัวหน้าพรรคอยู่ ก็เข้าเค้าความเป็นจริงตามแผน “แยกกันเดิน รวมกันตี” มากขึ้น

เพราะ “ลุงป้อม” พูดชัดแล้วว่า ไม่มีความขัดแย้ง แตกแยก เพราะอยู่กันมา 40-50 ปี หาก “ลุงตู่” จะไปแล้วมี ส.ส.บางส่วนย้ายตามไป ก็จะไม่ห้าม เพราะถือเป็นสิทธิส่วนบุคคล

ขณะเดียวกัน อาจจะเป็นผลดีในแง่การบริหารจัดการพรรคเสียอีก ที่ ส.ส.สายลุงตู่ กับสายลุงป้อม แยกกันอยู่ จะได้ไม่กระทบกระทั่งกันเหมือนที่ผ่านมา

และหาก ส.ส.ระดับแกนนำที่เป็นศิษย์เก่าประชาธิปัตย์ รวมกับ ส.ส.จากพลังประชารัฐ ที่จะย้ายไป เชื่อว่า เลือกตั้งครั้งนี้ “รวมไทยสร้างชาติ” จะต้องได้ ส.ส.เกิน 25 ที่นั่ง ...ไม่เป็นปัญหาที่ “ลุงตู่” จะไปเป็นแคนดิเดตนายกฯ

อย่างตอนนี้ก็พอจะรู้แล้วว่า ส.ส.ประชาธิปัตย์ ใครบ้างที่จะตามไป อาทิ “พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล” ส.ส.นครศรีธรรมราช, “แม่เลี้ยงติ๊ก” ศิริวรรณ ปราศจากศัตรู ส.ส.บัญชีรายชื่อ, “รังสิมา รอดรัศมี” ส.ส.สมุทรสงคราม “สมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล” เลขานุการประธานสภา อดีต ส.ส.ตรัง, “พ.ท.สินธพ แก้วพิจิตร” ส.ส.นครปฐม, “วชิราภรณ์ กาญจนะ” ส.ส.สุราษฎร์ธานี ลูกสาว ชุมพล กาญจนะ อดีต ส.ส.ปชป. ก็จะไปด้วย...

“เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่พา “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รมว.คมนาคม เลขาธิการพรรค เข้าไปขอพร “ลุงตู่” เนื่องในวันเกิดครบ 60 ปี ก็เลยถือโอกาสคุยเรื่องการเมืองไปในตัว

แต่คุยในส่วนของพรรคภูมิใจไทย ว่า ได้เตรียมตัวไปถึงไหน สำหรับการเลือกตั้งครั้งใหม่

ส่วน “ลุงตู่” จะเตรียมตัวไปถึงไหน อย่างไร “อนุทิน” บอก ไม่กล้าถาม เพราะเป็นเรื่องของท่าน

ไตรรงค์ สุวรรณคีรี-อนุทิน ชาญวีรกูล
ในทรรศนะของ “เสี่ยหนู” นั้น หาก “ลุงตู่” จะแยกออกมาจากพลังประชารัฐ แล้วไปนั่งตำแหน่งหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ หรือตำแหน่งอะไรตามในพรรค เห็นว่าเป็นเรื่องที่ดี ... เพราะการเลือกตั้งครั้งหน้า จะเป็นประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์แล้ว ไม่ได้เป็นการเปลี่ยนถ่ายจาก คสช. เหมือนครั้งที่แล้วที่ยังมีบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ มีอะไรต่างๆ นานาเป็นองค์ประกอบอยู่

แยกออกมาเป็นพรรคใครพรรคมันไปเลย...แยกกันเดิน รวมกันตี!!

หากออกมาในแนวทางนี้ก็เหมือนแตกแบงก์พัน ดังนั้น “จิ๊กซอว์” อีกตัวที่จะเป็นองค์ประกอบพาไปถึงจุดหมาย ก็คือ “กฎหมายเลือกตั้ง” ที่สภาออกแบบไว้ เป็น “บัตร 2 ใบหาร 100” ซึ่งไม่เอื้อพรรคขนาดกลาง ขนาดเล็ก แต่ไปเข้าทางพรรคใหญ่ จนทำให้พรรคเพื่อไทย กล้าประกาศแลนด์สไลด์

ขณะนี้กฎหมายเลือกตั้งดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาตีความของศาลรัฐธรรมนูญ และจะชี้ขาดกันในวันที่ 30 พ.ย.นี้ ...หากศาลตัดสินว่าไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ก็ต้องใช้กติกาบัตร 2 ใบ หาร 100 ไป

แต่ถ้าศาลชี้ว่า ขัดรัฐธรรมนูญ สูตรนี้ก็เป็นอันตกไป... แต่ใช่ว่าจะกลับไปใช้กติกาเลือกตั้งครั้งที่แล้วเหมือนเมื่อปี 62 เพราะได้ถูกยกเลิกไปแล้ว...

หากเป็นเช่นนี้ ก็พอจะพูดได้ว่า กติกาเลือกตั้งได้ตกอยู่ในมือ “ลุงตู่” อีกครั้ง จะใช้บัตรเลือกตั้งกี่ใบ หารเท่าไร ขึ้นอยู่กับใจของลุงตู่ !!


กำลังโหลดความคิดเห็น