xs
xsm
sm
md
lg

“ศิริกัญญา” ท้า รบ. อนุมัติงบกลาง หากซื้อลิขสิทธิบอลโลก กระตุ้น ศก. เชื่อมีใบสั่ง เพื่อหาเสียงช่วงใกล้เลือกตั้ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ศิริกัญญา” ท้า รบ. อนุมัติงบกลาง หากซื้อลิขสิทธิบอลโลก กระตุ้น ศก. เชื่อมีใบสั่ง เพื่อหาเสียงช่วงใกล้เลือกตั้ง เรียกร้อง กสทช. ปฏิบัติตามหน้าที่ ชี้ กองทุน กทปส. ไม่ใช่ตู้เอทีเอ็มที่ใครจะมาล้วงก็ได้

วันนี้ (9 พ.ย.) นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงถึงกรณีที่วันนี้ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จะมีมติอนุมัติงบถ่ายทอดฟุตบอลโลก

โดยนางสาวศิริกัญญา ระบุว่า มีเรื่องจำเป็นที่จะต้องกับตาและคัดค้านเพราะในวันนี้ กสทช. จะมีการลงมติเห็นว่าจะใช้เงินของกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.) เพื่อเป็นการซื้อลิขสิทธิ์ของฟุตบอลโลก 1600 ล้านบาทมาฉายให้กับพี่น้องประชาชนหรือไม่

โดยสาเหตุที่ตนจำเป็นต้องคัดค้าน ไม่ใช่ต้องการขัดลาภแฟนบอลทุกท่านในประเทศไทย ไม่ให้ได้รับชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกครั้งนี้
แต่เราเห็นว่า กสทช. ไม่ควรที่จะทำผิดกฏหมายเพียงพอทำตามใบสั่งของใครบางคน เพราะตามวัตถุประสงค์ของ กทปส. ที่ไม่ได้มีการบอกว่าจะให้นำเงินไปใช้ในการซื้อลิขสิทธิ์ของการถ่ายทอดสดแต่อย่างใด แต่มีไว้เพื่อวิจัยและพัฒนา ให้เกิดการบริการสาธารณะอย่างทั่วถึง เช่น การส่งสัญญาณไปในพื้นที่ห่างไกล หรือคนพิการ เด็กและเยาวชนได้เข้าถึงการกระจายเสียงของวิทยุโทรทัศน์

นางสาวศิริกัญญา ระบุต่อว่า ดังนั้น ถ้าวันนี้ กสทช. จะบิดเบือนกฎหมายเพื่อทำในสิ่งที่กฎหมายไม่อนุญาตให้ทำ ตนก็คิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควรเพราะก่อนหน้านี้เราเคยเห็นมาแล้วว่า กสทช. มีอำนาจเต็ม แต่กลับไม่ทำตามกฏหมาย อย่างกรณีของทรูและดีแทค

“แน่นอนว่า 1,600 ล้านบาท เป็นเงินจำนวนมากและหลายหลายแหล่งข่าวก็บอกว่านี่เป็นมูลค่าที่แทบจะสูงที่สุดที่แต่ละประเทศจะต้องจ่าย ขณะที่หลายประเทศ เวียดนาม มาเลเซีย ก็จ่ายกันไม่ถึง 1,000 ล้านบาทด้วยซ้ำไป และที่สำคัญที่สุดก็คือจนถึงทุกวันนี้ยังไม่มีเอกชนรายใดที่ติดต่อที่จะซื้อลิขสิทธิ์ในครั้งนี้”

นางสาวศิริกัญญา ระบุต่อว่า ปัญหาดังกล่าว มามาจากกดอันพิลึกพิลั่นของ กสทช. เอง ที่กำหนดให้การถ่ายทอดสดกีฬาสำคัญ จำเป็นจะต้องถ่ายทอดผ่านฟรีทีวีเท่านั้น ทำให้เอกชนที่เป็นระบบกระจายเสียงผ่านการสมัครสมาชิก หรือเพลย์ทีวีคิดว่าไม่คุ้มทุนในการซื้อลิขสิทธิ์ที่แพงมาก

“ดังนั้นจึงเป็นสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้อำนาจต่อรองในการลดราคาเป็นไปไม่ได้ เพราะฟีฟ่าทราบดีว่าเรามีกฎนี้ อีกประเด็นที่ทำให้ต้องจ่ายแพง เนื่องจาก กสทช. ระบุว่าจะต้องถ่ายทอดผ่านทุกช่อง ทำให้ต้องซื้อแพคเกจที่แพงขึ้น”

นางสาวศิริกัญญา ย้ำว่า จำนวน 1,600 ล้านบาท หากเราคำนึงว่าการถ่ายทอดฟุตบอลโลกจะเป็นประโยชน์กับเด็กและเยาวชน ที่จะสนใจในเรื่องของกีฬาและหันมาเล่นกีฬามากขึ้น ก็ควรเป็นหน้าที่ของกองทุนพัฒนากีฬา การกีฬาแห่งประเทศไทย ที่จะต้องจ่ายเงินในส่วนนี้

“ผู้ว่า ททท. ก็ออกมาอ้างว่าการถ่ายทอดสดจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจไปได้ในเวลาเดียวกันถึง 4 หมื่นล้านบาท ดิฉันก็คิดว่าให้ทางคณะรัฐมนตรีกล้าๆ หน่อย ถ้าคิดว่ามันจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง ก็ขอให้อนุมัติงบกลางกันไปเลยนะคะ การถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกครั้งนี้ จะนำไปสู่การกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็ไม่ควรจะไปหลวงเอาเงินของกองทุนที่ตัวเองไม่ได้มีอำนาจตามกฎหมาย”

นางสาวศิริกัญญา ยืนยันว่ากรณีนี้เป็นเรื่องของใบสั่งแน่นอน เพราะ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ออกมาพูดเองว่า ไม่อยากรบกวนเงินของเอกชน และที่สำคัญ กองทุน กทปส. ก็ถูกรัฐหลวงเอาเงินไปตลอดเวลา ตั้งแต่สมัย คสช.

“ในครั้งนั้นมีการอนุมัติเงินไปถึง 14,008 ร้อยล้านบาท ต่อมาก็ใช้มาตรา 44 เช่นเดียวกัน เพื่อจะบอกว่าเงินที่กระทรวงการคลังกู้ยืมไปนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องใช้คืน มันเลยเป็นการติดนิสัยที่จะต้องล้วงเอาเงินที่ตัวเองไม่ได้มีอำนาจ ที่จะใช้ทำเหมือนกับว่าเป็นกองทุน กทปส. เป็นตู้เอทีเอ็มให้ใครจะมากดก็ได้”

นางสาวศิริกัญญา เรียกร้อง กสทช. ให้ปฏิบัติตามกฏหมายที่มี อย่างตรงไปตรงมาไม่ปฏิบัติตามใบสั่งของใคร ใช้เงินเพื่อหาคะแนนเสียงให้กับตัวเองในช่วงใกล้เลือกตั้ง

ส่วนทางออกที่ดีที่สุด ตนมองว่า วันนี้แทนที่จะมีมติอนุมัติเงินหรือไม่ กสทช. ควรจะมีมติทบทวนกติกา Must have Must carry เพื่อเปิดโอกาสให้กับชนเข้ามาซื้อลิขสิทธิ์และทำกำไรได้ มองว่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดให้กับทุกฝ่ายและไม่จำเป็นต้องใช้เงินภาษีของประชาชน และหากพลาดในช่วงแรกไป ก็คงไม่เป็นไร เพราะส่วนตัวเชื่อว่าประชาชนน่าจะอยากดูฟุตบอลโลกรอบลึก

นางสาวศิริกัญญา ระบุว่าเรื่อง การควบรวมทรูดีแทค ตนยังติดตามอยู่ โดยวันพรุ่งนี้ (10 พ.ย.65) เวลา 09.09 น. ตนจะเดินทางไป ยื่นต่อศาลปกครองให้เพิกถอนมติ กสทช. และวันที่ 11 พ.ย. ต้นจะไปยื่นหนังสือถึง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น