วิเคราะห์ขาด! “ปวิน” ซัด “ทักษิณ” แบไต๋ “พูดเรื่องกลับบ้าน” อยากประนีประนอม-ให้ความมั่นใจฐานเสียง “เศรษฐา” อวย “อุ๊งอิ๊ง” นายกฯ ท้อง ก็ทำงานได้ จับตา “จำนำข้าวภาค 2” สองอดีตนายกฯ จะถูกชี้มูลหรือไม่
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (9 พ.ย. 65) เพจเฟซบุ๊ก Pavin Chachavalpongpun ของ นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการประจำสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต และผู้ต้องหาคดี 112 ลี้ภัยในญี่ปุ่น โพสต์ข้อความระบุว่า
“ทักษิณชอบพูดในหลายโอกาสว่าจะได้กลับบ้านละ พูดทุกปี สาเหตุที่ต้องพูดแบบนี้ คิดว่า 1) ต้องการส่งข้อความไปยังศัตรูทางการเมืองว่า ตัวเองพร้อมที่จะประนีประนอม และ 2) ที่สำคัญกว่านั้น คือ การสร้างหลักประกันให้กับฐานเสียงในไทยว่าจะกลับมาสร้างความรุ่งเรืองอีก
...แต่ดิชั้นเชื่อว่า ยังไงทักษิณก็ไม่ได้กลับบ้าน 1) ...ไม่จำเป็นต้องพึ่งทักษิณในการสร้างความชอบธรรมกับมวลชน และ 2) ทักษิณยังมีอิทธิพลมากในไทย การอนุญาตให้กลับบ้านเท่ากับเป็นการยิงปืนที่ขาตัวเอง เพราะจะเป็นการเปิดโอกาสให้ทักษิณเรียกอิทธิพลทางการเมืองกลับมาอีกครั้ง ที่อาจอยู่ในจุดที่ทั้งกองทัพและ...ควบคุมไม่ได้
...เกมที่ทักษิณเล่นอยู่เลยเป็นเกมเดิมๆ คือ 1) พร้อมประนีประนอมกับฝ่ายตรงข้าม โดยเฉพาะ... การไม่สนับสนุนทั้งการปฏิรูปสถาบันและมาตรา 112 และ 2) เปิดโอกาสการเจรจาทางการเมืองกับฝ่ายตรงข้าม อย่าคิดว่าทักษิณไม่โทรคุยกับคนอย่างธรรมนัสหรืออนุทิน อย่าคิดว่าทักษิณไม่มีช่องทางติดต่อกับประวิตร
...คนไทย/เมืองไทยได้อะไร 1) แม้ทักษิณชนะเลือกตั้ง สิ่งที่เปลี่ยนคงเป็นแค่เรื่องเปลือกนอก เช่น การกินดีอยู่ดี แต่สิ่งนี้ไม่จีรังยั่งยืนเพราะมันจะคงอยู่ได้ ทักษิณต้องเล่นเกมในกรอบเท่านั้น 2) แต่ถ้าทักษิณแพ้การเลือกตั้ง ไทยกลับมาอยู่จุดเดิม เพราะแม้ทักษิณเป็นฝ่ายค้าน ก็จะไม่มีนโยบายใดๆ ที่ upset อีลีท แน่นอน
...แต่ตอนนี้ เล่มเกมหลานในท้องคนล่าสุด เพื่อซื้อความเห็นใจและเรียกร้องการกลับไทย”
ขณะเดียวกัน ภายหลัง ที่ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย โพสต์ภาพพร้อมข้อความผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว @ingshin21 ระบุว่า ..
“วันนี้คุณพ่อพูดในคลับเฮาส์ถึงข่าวดีอีกครั้งของบ้านเรา เลยขอถือโอกาสนี้แจ้งข่าวกับทุกคน ธิธารจะเป็นพี่แล้วค่ะ 😁❤️❤️❤️
ตื่นเต้นกับการเดินทางครั้งนี้ เพราะมีภารกิจที่ต้องทำ ทั้งการเป็นคุณแม่ที่แข็งแรง และเป็นคนทำงานกับประชาชนที่รักอย่างดีและเต็มที่ที่สุด
ไม่ต้องห่วงค่ะ แม่ๆ รู้ดี เราทำงานได้จนถึงวันเดินไปคลอดแหละเนาะ 😊
เป็นกำลังใจให้กันด้วยเด้ออออ 🥰❤️”
ด้าน เศรษฐา ทวีสิน บิ๊กบอส แสนสิริ ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว @Thavisin พร้อมข้อความระบุว่า...
“นายกฯ ชาติอื่น ก็เคยท้องและทำงานให้เห็นมาแล้ว”
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก วรงค์ เดชกิจวิกรม - Warong Dechgitvigrom ระบุว่า
“ช่วงนี้มีกระแสข่าว จำนำข้าวภาคสองถี่ขึ้น ว่า มีความสัมพันธ์กับ นักการเมืองระดับใหญ่ ที่หนีคดีโกงไปอยู่ต่างประเทศ รวมทั้งข้าราชการระดับสูงชุดใหม่ ของกรมการค้าต่างประเทศ และนักธุรกิจที่พัวพันการโกงจำนำข้าวภาคแรก
เพื่อให้เกิดความเข้าใจ ในคดีจำนำข้าวภาคแรก และภาคสอง ผมขอเท้าความเรื่องเดิม ของคดีโกงที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์
จำนำข้าวภาคแรก เป็นการดำเนินคดีสองคดี ควบคู่กันไปคือ
1. คดีจำนำข้าวของนางสาวยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรีขณะนั้น ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าวแห่งชาติ (กขช.)
ศาลได้พิจารณาความผิด ในขั้นตอนต้นน้ำ หมายถึง การรับรองเกษตรกร และนำข้าวเปลือกเข้าจำนำที่โรงสี และขั้นตอนกลางน้ำ คือ การที่สีแปรข้าวเปลือก เป็นข้าวสาร และนำมาเก็บไว้ในโกดัง มีการทุจริตกันทุกขั้นตอน ทั้งซื้อใบประทวน สวมสิทธิ์ ข้าวเสื่อม ข้าวเน่า มีนั่งร้านซุกในกองข้าว ศาลถือเป็นความผิด ในระดับปฏิบัติ ยิ่งลักษณ์ไม่ต้องรับผิด
ส่วนขั้นตอนปลายน้ำ คือ การระบายข้าวแบบจีทูจี ศาลถือว่านางสาวยิ่งลักษณ์ ไม่ระงับยับยั้ง จึงถือว่าเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ พ.ร.บ.ป.ป.ช. มาตรา 123/1
2. คดีระบายข้าวแบบจีทูจี นายบุญทรง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายภูมิ รัฐมนตรีช่วยฯ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เสี่ยเปี๋ยง และคณะ ถูกดำเนินคดี
โดยศาลได้พิจารณาว่า คดีที่อ้างระบายข้าวแบบจีทูจี แต่มีการทุจริต ด้วยการชำระค่าข้าวด้วยแคชเชียร์เช็คภายในประเทศ และรับมอบข้าวไปขายต่อภายในประเทศ โดยไม่มีการส่งข้าวออกไปยังประเทศอื่น และศาลได้ตัดสินจำคุกนายบุญทรง 42 ปี ตอนหลังอุทธรณ์ ปรับเป็น 48 ปี นายภูมิ 36 ปี เสี่ยเปี๋ยง 48 ปี
คดีทั้งสองคดี หรือเรียกจำนำข้าวภาคหนึ่ง เป็นผลพวงจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นางสาวยิ่งลักษณ์ 25 พฤศจิกายน 2555 จนกระทั่ง มีการนำเรื่องดังกล่าว ไปร้องต่อ ป.ป.ช. และมีการขยายผล
หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นางสาวยิ่งลักษณ์ ไม่ได้ปรับนายบุญทรงออก ยังคงให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ต่อเนื่องมาอีกประมาณ 7 เดือน กว่าจะปรับออกคือ ปลายเดือน มิถุนายน 2556
การที่ นางสาวยิ่งลักษณ์ ไม่มีการปรับนายบุญทรงออก ยังคงให้ปฏิบัติภารกิจต่ออีกร่วม 7 เดือน จึงพบว่า ช่วงที่นายบุญทรงเป็นรัฐมนตรี ต่อเนื่องนี้ รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ยังคงมีการระบาบแบบจีทูจีเก้อีก ชนิดไม่เกรงกลัวกฎหมาย (เหมือนมีภารกิจต้องทำให้เสร็จ) จึงเป็นที่มาของจำนำข้าวภาคสอง ที่ ป.ป.ช.จะชี้มูลเร็วๆ นี้”
ทั้งนี้ จากกรณีที่ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า ในช่วงสิ้นเดือนพฤศจิกายน 2565 นี้ จะมีคดีเกี่ยวกับนักการเมืองคนสำคัญเสนอเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่
ล่าสุด วันนี้สำนักข่าวอิศรา อ้างแหล่งข่าวจากสำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยว่า หนึ่งในคดีสำคัญที่จะมีการนำเสนอเรื่องให้ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ พิจารณาผลการไต่สวนในช่วงสิ้นเดือนพฤศจิกายน 2565 คือ คดีทุจริตการทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ภาค 2 ที่มีนักการเมืองคนสำคัญ อาทิ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ส.ส. และผู้ถูกกล่าวหารายอื่น จำนวนมากถึง 71 ราย
โดยข้อมูลในส่วน นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นั้น แหล่งข่าวจาก ป.ป.ช. ยืนยันว่า จากการตรวจสอบข้อมูลล่าสุด พบว่า ถูกกันชื่อไว้เป็นพยานในคดี พร้อมกับบริษัทเอกชนบางส่วน ที่ไม่เกี่ยวข้องกับ นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือเสี่ยเปี๋ยง ผู้ก่อตั้งบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ด้วย
สำหรับคดีระบายข้าวจีทูจีภาค 2 นี้ มีผู้ถูกกล่าวหาจำนวน 71 ราย สามารถจำแนกออกเป็น 5 กลุ่ม ดังนี้
กลุ่มแรก นักการเมือง-ข้าราชการการเมือง มี 5 ราย ได้แก่
1. นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.พาณิชย์
2. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
3. นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ส.ส.
4. พ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเลขานุการ รมว.พาณิชย์
5. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
กลุ่มสอง ข้าราชการประจำ 3 ราย ได้แก่
1. นางปราณี ศิริพันธ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ
2. นายฑิฆัมพร นาทวรทัต เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ
3. นายอัครพงศ์ หรืออัฐฐิติพงศ์ ทีปวัชระ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผอ.สำนักบริหารการค้าข้าว
กลุ่มสาม รัฐวิสาหกิจจีน-ผู้รับมอบอำนาจจากรัฐวิสาหกิจจีน 18 ราย ได้แก่
1. บริษัทHaikou Liangmao Cereals and Oils Trading Co., Ltd.
2. Mr.Han Liang
3. บริษัท อินเตอร์ลิงค์ อิมปอร์ตแอนด์เอ็กซ์ปอร์ต จำกัด
4. Mr. Zhou Guoxiongหรือนายโจวกั๊วเซียง
5. นางสาวกรรณิกา เพชรสุวรรณ์
6. บริษัท Haikou Liangyunlai Cereals and Oils Trading Co., Ltd
7. Mr. Lin Haihul
8. บริษัท คอมพาวด์ อินเตอร์เทรด จำกัด
9. นายลิตร พอใจ
10. บริษัท Hainan Province Land Reclamation Industrial
Development and Construction General Corporation
11. Mr. Huang JianQin
12. บริษัท แคปปิตอลซ์ เทรดดิ้ง จำกัด
13. Mrs. Shaoyan Gong หรือนางเขายาน กง
14. บริษัท Hainan land Reclamation Commerce and Trade
Group Co., Ltd
15. Mr. Liang Dingquan
16. Mr. Yang Pokai
17. บริษัท ซิมเปิ้ลเบสท์ เทรดดิ้งจำกัด
18. นายเฉิน ยี่ ถง
กลุ่มสี่ เครือข่ายบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด 14 ราย
1. บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด
2. นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร
3.นางสาวรัตนา แซ่เฮ้ง
4. นางสาวเรืองวัน เลิศศลารักษ์
5. นางสาวสุธิคาจันทะเอ หรือ สุทธิดา ผลดี
6. บริษัท สิราลัย จำกัด หรือบริษัท กีธาพร็อพเพอร์ตี้ จำกัด
7. นางสาวธันยพร จันทร์สกุลพร
8. นายสุธี เชื่อมไธสง
9. นายสมคิด เอื้อนสุภา
10. บริษัท ทีซี. แลนด์ จำกัด
11. บริษัท ทีซี พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด
12. นายนิมล หรือณพชร รักดี
13. นางสาววทัญญุตา หรือ ปสุตา บุญมาประเสริฐ
14. นางสาวอรวรรณ ศรัทธาสกุล หรือ นางนัสลักษณ์ ศศิปัญญเลิศ
กลุ่มห้า เอกชนภายในประเทศที่เกี่ยวข้อง 31 ราย
1. บริษัท เอลัช (ประเทศไทย) จำกัด
2. นายชู หมิง เซ็น
3. นางสาวลิอุยุกหมิง ไอลีน
4.นายชู หมิงคิน
5. นางสาวณิชาภา วาณิชวรานนท์
6. ประหยัด ติ๊บมุ่ง
7. บริษัท นานาพรรณเกษตรอุตสาหกรรม จำกัด
8. นายการุณตันติพงศ์อนันต์
9. บริษัท เอเชีย โกลเด้นไรซ์จำกัด
10. นายสมบัติ เฉลิมวุฒินันท์
11. นายวศิน ตันติวณิชชานนท์
12. บริษัท นครหลวงค้าข้าว จำกัด
13. บริษัท แคปปิตัลเกรนส์ จำกัด
14. บริษัท แคปปิตัลซีเรียลส์ จำกัด
15. นายวรพงศ์ พิชญ์พงศา
16. นายสุกิจ รัตนาพิทักษ์เทพ
17. บริษัท ไชยพรไรซแอนด์ฟู้ดโปรดักส์ จำกัด
18. นายไพบูลย์ ควรทรงธรรม
19. บริษัท เอช.เอช.แอล. อินเตอร์เทรด จำกัด
20. บริษัท สยาม เอ็น.ซี.พี.ไร้ซ์ จำกัด
21. นางมัณฑนา ชวเลิศปัญญากุล
22. นายพลัฏฐ์ ขวเลิศปัญญากุล
23. บริษัท โกลเด้นเกรน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด
24. นางวิมล วาณิชวรานนท์
25. นายนภัทร ชัยธราโชติ
26. นายชัยโรจน์หิรัญโชคอนันต์
27. นายโรจนินทร์หิรัญโชคอนันต์
28. นางสาวพิมพ์นารา ศิริเลิศหิรัญ
29. นายณัฐวัฒน์ศิริเลิศหิรัญ
30. นายกมลชัย สาธร
31. นางสาวสุนัดดา บัวดิษฐ
ทั้งนี้ ในส่วนการไต่สวน นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่โดนโทษจำคุก 42 ปี ในคดีระบายข้าวแบบจีทูจีลอตแรกไปแล้ว นั้น เคยมีกระแสข่าวว่า เจ้าหน้าที่จาก ป.ป.ช. เข้าไปสอบปากคำเพิ่มเติมในเรือนจำ เพิ่มเติม
สำหรับกรณีของนายทักษิณนั้น ในชั้นการไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. คดีระบายข้าวจีทูจีล็อตแรก มีเอกชนบางรายให้ถ้อยคำกับคณะอนุกรรมการไต่สวนว่า เคยบินไปพบนักการเมืองใหญ่ที่ดูไบ เพื่อเจรจาซื้อขายข้าว โดยนักการเมืองใหญ่รายนี้บอกว่า ให้มาซื้อกับ นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร (เสี่ยเปี๋ยง จำเลยคดีข้าวจีทูจีลอตแรก ปัจจุบันติดคุกอยู่) ได้เลยโดยตรง ส่วนนางเยาวภานั้น เป็นแกนนำกลุ่ม่วังบัวบาน ใน จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นต้นสังกัดกลุ่มทางการเมืองของนายบุญทรง โดยในทางการเมืองว่ากันว่า นางเยาวภา เปรียบเสมือนเจ้านายของนายบุญทรง จึงทำให้แจ้งข้อกล่าวหาในคดีนี้ด้วย
โดยในช่วงปลายเดือน ต.ค. 2561 ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติอย่างเป็นทางการ ให้ไต่สวนนายทักษิณ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นางเยาวภา และมีการแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาไปแล้ว
อย่างไรก็ดี การชี้มูลความผิดทางอาญาของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหาทุกราย ยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด (ขอบคุณข้อมูลจาก สำนักข่าวอิศรา)
แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจ มีความเกี่ยวข้องกับ “ทักษิณ” ทั้งสิ้น ทั้งการพูดหลายครั้งว่า จะกลับประเทศไทยแน่ ซึ่งมีการวิเคราะห์กันไปต่างๆนานา ว่า ถ้ากลับมา จะมารับโทษหรือไม่ มาสู้คดีที่เหลือหรือไม่ หรือ จะกลับแบบเท่ๆ ไม่ต้องรับผิดแต่อย่างใด ด้วยเงื่อนไขอะไร ออกกฎหมายนิรโทษกรรมหรือไม่ คนไทยที่เคยประท้วงจะยอมหรือไม่ ทั้งหมด ยังสร้างความสับสน เพราะ “ทักษิณ” ต้องคดีและโทษ “ทุจริต” ไม่ใช่คดีการเมือง ที่การ “นิรโทษกรรม” มีความเป็นไปได้สูง
แต่สิ่งที่หลายคนวิเคราะห์ขาดเช่นกัน ก็คือ “ทักษิณ” อาจไม่ต้องการกลับไทยจริงก็เป็นได้ เพียงแต่ต้องการช่วยหาเสียงให้ “อุ๊งอิ๊ง” โดยเอาตัวเองเป็น “หลักประกัน” ว่า จะกลับมาทำให้เศรษฐกิจดี เหมือนสมัยที่เป็นนายกฯ ซึ่งอย่าลืมว่า คนที่ “รักทักษิณ” ก็ยังมีอยู่ไม่น้อย ยิ่งการบริหารประเทศของ “ประยุทธ์” ล้มเหลวมากเท่าไหร่ คนไทยเหล่านั้นก็ยิ่งคิดถึง “ทักษิณ” มากเท่านั้น
แต่ทว่า “กรรมเก่า” จะตามไล่ล่า หรือไม่ ก็เป็นอีกเรื่องที่น่าสนใจ เพราะอีกไม่นาน ป.ป.ช.ก็จะมีการชี้มูลความผิด “จำนำข้าวภาค 2” โดย “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์-เยาวภา” สามพี่น้อง “ชินวัตร” ก็อยู่ในข่ายที่จะถูกชี้มูลด้วย ที่สำคัญนัยว่า “บุญทรง” ถูกกันเป็นพยานด้วย จึงนับว่าน่าจับตามองอย่างยิ่ง