อคส.เผยล่าสุดฟ้องร้องทุจริตจำนำข้าว มัน ข้าวโพดแล้ว 1,379 คดี มูลค่าความเสียหาย 5.24 แสนล้านบาท ศาลตัดสินให้ชดใช้ความเสียหายกรณีทุจริตมันสำปะหลังแล้ว 5 พันล้าน ได้รับชดใช้แล้วกว่า 200 ล้าน ที่เหลือประสานคลังช่วยติดตาม ส่วนคดีข้าวและข้าวโพดยังไม่ตัดสิน แต่คาดว่าจะทยอยออกมาเร็วๆ นี้
นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยว่า ในช่วง 2 ปี หรือตั้งแต่เดือน ก.ย. 2563 ที่ตนรับตำแหน่งผู้อำนวยการ อคส. ได้เดินหน้าสะสางคดีค้างเก่าที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี-นาปรัง, โครงการรับจำนำมันสำปะหลัง, โครงการรับจำนำข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และสินค้าเกษตรอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง โดยได้ดำเนินการฟ้องร้องดำเนินคดีผู้กระทำผิดในโครงการต่างๆ คิดเป็นมูลค่าความเสียหายเพิ่มเติมรวม 28 คดี มูลค่าความเสียหาย 8,775 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 1,349 คดี ความเสียหาย 524,727 ล้านบาท จากเดิมที่ส่งฟ้องไปแล้วก่อนหน้านี้ประมาณ 515,952 ล้านบาท
พ.ต.อ.สุรพงศ์ เปล่งขำ รองผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) กล่าวว่า คดีฟ้องร้องเพิ่มเติมดังกล่าว แบ่งเป็น รับจำนำข้าวเปลือก ฟ้องเพิ่ม 3 คดี มูลค่าความเสียหาย 3,022 ล้านบาท รวมเป็น 1,179 คดี ความเสียหายรวม 503,590 ล้านบาท, มันสำปะหลัง ฟ้องเพิ่ม 23 คดี ความเสียหาย 4,825 ล้านบาท รวมเป็น 166 คดี ความเสียหายรวม 20,065 ล้านบาท และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ฟ้องเพิ่ม 2 คดี ความเสียหาย 928 ล้านบาท รวมเป็น 4 คดี ความเสียหาย 1,072 ล้านบาท
“คดีเหล่านี้มีทั้งฟ้องทางอาญา และทางแพ่ง ส่วนใหญ่อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น มีบางส่วนที่ศาลชั้นต้นตัดสินแล้ว แต่ อคส.อุทธรณ์ เช่น ศาลตัดสินให้ผู้กระทำผิด ชดใช้ค่าเสียหายให้กับ อคส. แต่เราเห็นว่ามูลค่าความเสียหายน้อยเกินไปก็อุทธรณ์ใหม่ หรือผู้กระทำผิดอุทธรณ์บ้างก็มี”
นอกจากนี้ ยังมีบางคดีที่คดีถึงที่สุดแล้ว และศาลตัดสินให้ชดใช้ค่าเสียหายให้กับ อคส. อย่างคดีฟ้องร้องโครงการรับจำนำมันสำปะหลังที่คดีถึงที่สุด และศาลตัดสินให้ชดใช้ความเสียหายให้ อคส.รวมประมาณ 5,000 ล้านบาท และจ่ายชดใช้แล้วประมาณ 200 ล้านบาท ส่วนที่เหลือ อคส.อยู่ระหว่างประสานกับกระทรวงการคลังให้ช่วยติดตามและเร่งรัดการจ่ายชดใช้ ส่วนคดีที่เกี่ยวกับรับจำนำข้าว และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ยังไม่ตัดสิน แต่คาดว่าเร็วๆ นี้จะมีการทยอยการตัดสินออกมาเรื่อยๆ
อย่างไรก็ตาม อคส.ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบเพิ่มเติมเกี่ยวกับการขายมันสำปะหลังแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ให้กับจีนในช่วงรัฐบาลก่อนหน้านี้ เพราะ อคส.ได้รับการแจ้งจากกรมการค้าต่างประเทศว่าผู้ซื้อของจีนได้รับมันสำปะหลังจากไทย โดยที่คุณภาพและมาตรฐานไม่ตรงตามที่กำหนด จึงต้องตรวจสอบว่าโกดังและคลังที่ฝากเก็บมันในสต๊อกรัฐบาลมีการรักษาคุณภาพ มาตรฐานตามที่กำหนดหรือไม่ หากไม่มีการรักษาคุณภาพ มาตรฐาน ก็จะมีความผิดไม่ทำตามสัญญาการฝากเก็บ