xs
xsm
sm
md
lg

รัฐบาลจ่อออก พ.ร.ก.แก้ปัญหาฉ้อโกงออนไลน์ ตัดช่องทางเปิดบัญชีม้า-อายัดเงิน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เผยรัฐบาล จ่อออก พ.ร.ก.แก้ปัญหาฉ้อโกงออนไลน์ ตัดช่องทางเปิดบัญชีม้า-อายัดเงิน ให้ได้รวดเร็ว เตรียมชงเข้าครม. สัปดาห์หน้า

วันนี้ (7 พ.ย.) เมื่อเวลา 11.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) แถลงผลการประชุมการแก้ไขปัญหาฉ้อโกงออนไลน์ ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม ว่า ปัญหาฉ้อโกงออนไลน์นั้นมีหลายประเภท ทั้งคอลเซ็นเตอร์ หลอกลงทุนหลอกซื้อของ รวมถึงการพนันออนไลน์ บัญชีม้า ซึ่งทำให้ประชาชนเดือดร้อนกันมาก ซึ่งรัฐบาล โดย พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งให้ทุกหน่วยงานเร่งแก้ไขปัญหาให้ประชาชน ในที่ประชุมวันเดียวกันนี้ มีการประชุมโดยทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาหารือกัน

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า สำหรับเรื่องบัญชีม้านั้นเราต้องหยุดให้ได้ หากพบพฤติกรรมการโอนเงินที่ผิดปกติ ก็ต้องปิดและบล็อกให้ได้ รวมถึงต้องอายัดบัญชีให้ได้รวดเร็ว ซึ่งที่ประชุมเห็นว่าจะต้องมีการแก้กฎหมายโดยจะออกเป็นพระราชกำหนด เพื่อความรวดเร็ว ซึ่งจะสามารถเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ภายในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ ตนต้องสรุปรายละเอียดทั้งหมดเพื่อนำเสนอนายกรัฐมนตรีก่อนที่จะนำเข้าที่ประชุม ครม. โดยจะมีการเขียนกฎหมายให้ชัดเจนว่า การรับจ้างเปิดบัญชีม้าทำไม่ได้ ถือว่ามีความผิดและต้องมีบทลงโทษโดย คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) จะเข้ามาดูในเรื่องนี้โดย เพื่อตัดกระบวนการบัญชีมาให้ได้ เพราะถ้าไม่มีบัญชีม้าคนร้ายก็จะไม่มีบัญชีที่จะใช้โอนเงิน ประชาชนก็จะไม่ถูกหลอก

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า นอกจากนี้ มีการพูดถึงความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้ามาทำงานให้มากยิ่งขึ้น เพราะมีข่าวดีจำนวนมากโดย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รายงานว่า มีคดีแจ้งความเรื่องฉ้อโกงออนไลน์ถึง 1 แสนกว่าคดี มีมูลค่าความเสียหายกว่า 2 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตาม จะมีการดูแลเรื่องการประชาสัมพันธ์ การให้ความรู้กับประชาชนเพื่อไม่ให้ถูกหลอกลวงได้ง่าย ซึ่งรัฐบาลจะรับไปดูแล แจ้งเตือนผ่านช่องทางต่างๆ เช่น อาจจะใช้แอปพลิเคชันเป๋าตัง เป็นช่องทางในการให้ข้อมูล ขณะเดียวกัน ธนาคารทุกแห่งก็ต้องไปปรับปรุงระบบโมบายแบงกิ้ง ให้มีการแจ้งเตือนก่อนโอนเงิน ตรวจสอบการโอนเงินผิดปกติ หรือการถูกรีโมตแอปพลิเคชันเข้ามาในเครื่องมือถือของเรา เพื่อดูดข้อมูลหรือดูดเงินเราไป ซึ่งตรงนี้ธนาคารจะต้องไปปรับปรุงระบบให้ได้ เพราะไม่เช่นนั้นประชาชนจะขาดความเชื่อมั่นและไม่กล้าใช้ระบบของธนาคาร ดังนั้น ต้องมีระบบป้องกันที่ดี

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า สำหรับประเด็น การนำซิมมือถือไปใช้ กันในหลายรูปแบบ เช่น บัญชีม้านำไปใช้เพราะยืนยันตัวตนไม่ได้ นั้น ที่ผ่านมามีการนำซิมไปขายต่อกันเป็นพันๆเบอร์ จนเป็นช่องทางนำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง จึงมีการหารือให้ กสทช. เข้ามาดูเรื่องนี้ โดยเฉพาะการควบคุมซิมที่ใช้ต่อคน ต้องไม่เกิน 5 ซิม

พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวว่า เรื่องบัญชีม้าโดยปกติทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ดำเนินการได้ ฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน เพียงแต่ขณะนี้กฎหมายยังไม่ครอบคลุมในทุกอย่าง ที่ประชุมในวันเดียวกันนี้จึงเสนอให้ออกเป็นพระราชกำหนดเพื่อความรวดเร็ว และให้เสร็จทันภายในรัฐบาลชุดนี้ ตอนนี้ทุกหน่วยงานร่วมมือกันอย่างเต็มที่ และที่สำคัญตอนนี้ตัวการใหญ่อยู่ต่างประเทศ ทำให้การทำงานเป็นไปได้ยาก สำหรับในประเทศไทย ตนเชื่อว่า จากการทำงานร่วมกันทุกฝ่ายอย่างใกล้ชิด รวมถึงการออกพรก.จะสามารถทำให้เรื่องนี้คลี่คลายได้

นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ รักษาการเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า ทาง กสทช.จะเข้มงวดให้มากขึ้น คนที่มีซิมเป็นจำนวนมากจะต้องมาชี้แจงให้ได้ว่ามีไว้เพื่ออะไร โดยทางกสทช. จะส่งข้อมูลทั้งหมดให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่อย่างไรก็ตาม เราจะไปบังคับว่าหนึ่งคนมี 5 ซิมคงไม่ได้ เพราะอาจถือเป็นการริดรอนสิทธิ์ ของประชาชนจึงต้องส่งข้อมูลเหล่านี้ไปให้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบ

นายไตรรัตน์ กล่าวว่า ส่วนกรณีที่มีการส่งเอสเอ็มเอสหลอกลวงนั้น ในเรื่องนี้ได้ให้ โอเปอเรเตอร์ของผู้ประกอบการที่ ดำเนินการเรื่องเอสเอ็มเอสต่างๆ เป็นฝ่ายตรวจสอบ เช่น หากจะมีคนมาจดทะเบียนใหม่มาซื้อแล้วจะส่ง เอสเอ็มเอส ก็ต้องมาขึ้นทะเบียนกับ กสทช.ก่อนว่ามีแบล็กลิสต์อยู่หรือไม่ เพราะมักจะมีคนแฝงตัวเข้าไปอยู่โดยอ้างว่าเป็นองค์กรนั้นองค์กรนี้ ถือเป็นการดับเบิ้ลเช็คก่อน ก่อนที่จะเข้าไปประกอบการ ทั้งนี้ จากการตรวจสอบของโอปะเรเตอร์พบว่าเอสเอ็มเอสมีจำนวนลดลงมาก ลดลงถึง 7 หมื่นกว่ารายการ

น.ส.รื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวถึงการหลอกลงทุนออนไลน์ ว่า ที่ผ่านมา ก.ล.ต. ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากดีอีเอส และ ก.ล.ต.เองได้ใช้นโยบายเกี่ยวกับการป้องกันและให้ความรู้ประชาชน ซึ่งความจริงก่อนลงทุน ประชาชนต้องตรวจสอบก่อนว่า สินค้า หรือโปรดักส์ทางการเงิน เป็นในรูปของหลักทรัพย์ปกติหรือสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งก็มีการตรวจสอบและเมื่อพบว่ามีการหลอกลวงเราก็รีบแจ้งไปยังดีอีเอสทันที และมีหลักฐานต่างๆก็ให้ดีอีเอสไป สิ่งที่สำคัญที่เรา คิดเสมอคือต้องป้องปรามและดำเนินการอย่างรวดเร็ว

ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า คดีที่ดีเอสไอรับผิดชอบคือเรื่องการกู้ยืมเงิน ที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งมีรายละเอียดค่อนข้างมาก เราจะดำเนินคดีทั้งทางอาญาและที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน เพราะจุดมุ่งหมายของผู้หลอกลวงคือต้องการเงิน ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำคือต้องไม่ให้เขานำเงินออกไปได้ ซึ่งการทำงานจะร่วมกับ ปปง. ในการดำเนินคดีทางแพ่งเพื่อเอาเงินคืนมาให้กับผู้เสียหาย

นายวรุณ กาญจนภู รองเลขาธิการสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมา ตั้งแต่เกิดเหตุ เราได้ให้ความร่วมมือที่ดีกับทางหน่วยงานรัฐทุกหน่วยงาน มีการให้ความเห็นแก่หน่วยงานต่างๆ ตั้งแต่มีการเปิดบัญชีม้า ไปจนถึงการอายัดบัญชี ซึ่งจากการทำงานร่วมกันกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติทำให้เราสามารถอายัดเร่งด่วน และต้องใกล้ชิดกับธนาคารแห่งประเทศไทยด้วย โดยจะมีสำนักงาน ปปง. เข้ามาร่วมด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น