xs
xsm
sm
md
lg

มิน่า “อนุทิน-ภูมิใจไทย” ถึงเป็น “ตำบลกระสุนตก” โดนคู่แข่งจองเวร “กัญชาทางการแพทย์” เหตุ“นักเลือกตั้ง” หวั่นไหวกระแส“ค่ายเซราะกราว”มาแรง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว

** มิน่า “อนุทิน-ภูมิใจไทย” ถึงเป็น “ตำบลกระสุนตก” โดนคู่แข่งจองเวร “กัญชาทางการแพทย์” เหตุ“นักเลือกตั้ง” หวั่นไหวกระแส“ค่ายเซราะกราว”มาแรง

หลัง“เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี รมว.สาธารณสุข และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พุ่งพรวดขึ้นไปรั้งจ่าฝูงผลสำรวจ “ซูเปอร์โพล” ในหัวข้อ “ผู้นำการเมืองเหนือความขัดแย้งของสังคม” ก็ทำให้เริ่มเห็นภูมิทัศน์การเมืองไทยที่ชัดเจนมากขึ้น

แล้วก็ยังเฉลยเหตุที่หลายพรรคการเมืองมักหันมาท้าตี ท้าต่อย “ค่ายเซราะกราว” พรรคภูมิใจไทย พาลไปจนถึง “กลืนน้ำลาย” สกัดไม่ให้ “กัญชาทางการแพทย์” ได้เกิด ทำท่าจะเตะถ่วงร่างกฎหมายไม่ให้ลุล่วงในสภาฯชุดนี้ ทั้งที่ตอนรับหลักการร่างกฎหมาย รุมอวยสรรพคุณกันออกนอกหน้าแท้ๆ

เรื่องของเรื่องก็เพราะเดิมที “บูลลี่” เย้ยหยันพรรคภูมิใจไทย ภายใต้การนำของ “หัวหน้าหนู” และการเดินเกมโดย “ครูใหญ่เน” เนวิน ชิดชอบ ว่ามีดีแค่ “กระสุน”แต่ไม่มี “กระแส”

ทว่าทำไปทำมา นอกจาก“กระสุน”เต็มหน้าตัก แล้ว“กระแส” ยังเริ่มมาอย่างที่เห็น “หัวหน้าหนู” ขึ้นไปเป็นที่หนึ่งโพลเหนือความขัดแย้ง รวมทั้งโพลผลงานสาธารณสุข ก่อนหน้านี้

ยังไม่รวม “โพลลับ” ที่ทุกพรรคทำกันเป็นระยะ ทั้งภาคอีสาน-ภาคใต้ ทำเอา “พรรคเจ้าถิ่น” แทบหงายท้องที่ “ภูมิใจหนู” มาแรงจัด

อันเป็นผลพวงมาจากช่วงปีที่ผ่านมา ปูพรมกระแทกแคมเปญ “พูดแล้วทำ” โชว์ให้เห็นนโยบายที่พรรคภูมิใจไทย เคยหาเสียงไว้ ไม่ว่า “กัญชาทางการแพทย์-ปลดหนี้ กยศ.” ผลักดันเต็มที่ จนร่างกฎหมายใกล้คลอดเต็มที

อนุทิน ชาญวีรกูล
จู่ๆ “เพื่อไทย-ประชาธิปัตย์” ที่ความสัมพันธ์ระดับ “ไม่เผาผี” กลับหันมาจูบปากเฉพาะกิจ รวมพลังสกัด ร่าง พ.ร.บ.กัญชง กัญชาฯ ให้ค้างเติ่งกลางสภาฯ อย่างที่เห็น นัยว่าไม่ต้องการให้สำเร็จลุล่วงในสภาฯชุดนี้ กลัวว่าจะเป็นทีเด็ดให้ “ภูมิใจไทย” นำไปใช้หาเสียงในการเลือกตั้งครั้งหน้า

ทำเอาชาวบ้านงงไม่น้อย ก็ตอนรับหลักการร่างกฎหมาย ผู้แทนฯยี่ห้อ “เพื่อไทย-ประชาธิปัตย์” เรียงคิวกันขึ้นมา “อวย” กัญชากันแบบหวานหยดย้อย พอคณะกรรมาธิการ ที่มีผู้แทนของ 2 พรรค ไปนั่งด้วยปรับปรุงร่างกฎหมายเสร็จสรรพรัดกุมกว่าเดิม กลับมา“กลืนน้ำลาย” บอกใช้ไม่ได้ กลัวจะไปมอมเมาประชาชน

ที่คู่กัดอย่าง “เพื่อไทย-ประชาธิปัตย์” เปลี่ยนท่าทีกับ “กัญชาทางการเแพทย์” จนเสียหลักขนาดนี้ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่า “การเมืองล้วนๆ”

เป็นการเมืองที่หมกมุ่นเสียจน “หมอชลน่าน” นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ที่ออกตัวแรงว่าจะยื่นเรื่องให้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชงต่อไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณา“ยุบ” พรรคภูมิใจไทย จากนโยบายกัญชาทางการแพทย์

จน “หมอชลน่าน” โดนโห่ฮา ทั้งจากสังคมภายนอก รวมทั้งพวกเดียวกัน ต้องออกมาปฏิเสธกันกลางอากาศ ว่า ไม่ได้คิดจะยื่นยุบพรรคภูมิใจไทย

เอาเข้าจริง บรรดาคู่แข่งไม่ได้เพิ่งรู้ตัวว่า กระแส “ภูมิใจไทย” เริ่มมาจากโพลการเมืองระยะหลัง แต่รู้กันตั้งแต่บรรดา ส.ส.น้อยใหญ่ เริ่มเปิดหน้าเตรียมไปสวามิภักดิ์ “ค่ายเซราะกราว” แล้ว

เพราะต้องยอมรับว่า “นักเลือกตั้ง” เป็นเผ่าพันธุ์ที่ “จมูกไว” กว่าคนทั่วไปแยะ

ประหนึ่ง “ฝูงนกอพยพ” ที่ยอมเดินทางไกล เพื่อไปหาแหล่งอาหาร หรืออากาศที่อบอุ่นเพื่อดำรงชีพ โดยเฉพาะเมื่อแหล่งอาศัยเดิมทรัพยากรร่อยหรอ ทำให้อดอยากปากแห้ง หรือสภาพอากาศไม่อบอุ่น

บรรยากาศที่ “ผู้แทนฯต่างค่าย” โผล่ไปร่วมงานวันคล้ายวันเกิด “ครูใหญ่เน” เมื่อต้นเดือนต.ค.ที่ผ่านมา แบบไม่มีเหนียมอาย เป็นตัวอย่างชัด

ทักษิณ ชินวัตร
ขนาด “ค่ายดูไบ” พรรคเพื่อไทย เต็งหนึ่งในสนามเลือกตั้ง ที่คุยโว “แลนด์สไลด์” กวาดที่นั่ง ส.ส.ครึ่งประเทศเพื่อจัดตั้งรัฐบาล ยังออกอาการหวั่นไหว โวยวายโดนดูด ส.ส. เลือดไหลทะลักไม่เกรงใจ “นายห้าง”

จนได้เห็น “เฮียโทนี” ทักษิณ ชินวัตร นายห้างค่ายดูไบ ใช้รายการแคร์ทอล์ก แวะเวียนเหน็บแนม “เสี่ยหนู” ไม่เว้นแต่ละสัปดาห์ ด้วยจับสัญญาณได้ว่า “ลูกน้องเก่า” มาแรง มีโอกาสได้เถลิงเก้าอี้ผู้นำประเทศ

อีกทั้งยังรู้ “จุดอ่อน” ของตัวเอง ซึ่งกลายเป็น “จุดแข็ง” ของ “ค่ายเซราะกราว” ในเรื่อง “พรรคสายกลาง” เข้าได้ทุกขั้ว ไม่เข้าเงื่อนไขความขัดแย้ง ที่มาสะท้อนผ่าน “ซูเปอร์โพล”ในวันนี้ ผิดกับ“ค่ายเพื่อไทย” ที่ไม่ว่าอย่างไรก็ถูกมองเป็น “คู่ขัดแย้ง” ในกระดานการเมือง

อย่างตอนเลือกตั้ง 2562 ที่ “ค่ายสีแดง” มั่นใจหนักหนา ก็เจอแคมเปญ “เลือกสงบ จบที่ลุงตู่” จนไปไม่ถึงฝันมาแล้ว
กลายเป็น 2 จุดขาย “พูดแล้วทำ-เหนือความขัดแย้ง” ที่ทำให้ “ภูมิใจไทย” ขึ้นหม้อ และคาดกันว่า เป็นคู่แข่งหมายเลข 1 ของพรรคเพื่อไทย ในสนามเลือกตั้ง แทนที่ “ค่ายหลวงพ่อป้อม” พรรคพลังประชารัฐ หรือค่ายอื่นๆ ที่ห้อยโหนชื่อ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ไปซะแล้ว

ยิ่ง “น้องตู่” กับ “พี่ป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ติดกับดักความขัดแย้งภายใน ก็น่าจะเป็นโอกาสของค่ายอื่นๆ ในฝ่ายเดียวกัน จะขึ้นมาเป็น “ตัวชูโรง” แทน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
และก็เป็น “ค่ายดูไบ” ที่จมูกไว ปรับท่าทีอีกครั้่ง เมื่อเริ่มรู้ว่า ทำท่าจะสกัด “ค่ายเซราะกราว” ไม่อยู่ ก็ต้องยอมโอนอ่อนไปกับกระแส จากที่เคยตั้งแง่เอาเรื่อง “งูเห่า” กลับมาเสียงอ่อยที่ ส.ส.ในสังกัดโผล่ไปร่วมอีเว้นต์ใหญ่ที่บุรีรัมย์ โดยบอกว่า เป็นปกติทางการเมือง ที่นักการเมืองจะแวะเวียนไปอวยพรวันเกิดกันตามประสาคนรู้จักกัน

ทั้งที่รู้ทั้งรู้ว่า เป็นการไปเปิดตัวกับพรรคคู่แข่ง แบบไม่ไว้หน้าพรรคต้นสังกัด

ด้วยคงมองออกว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้า “อนุทิน-ภูมิใจไทย” จะเป็น“คีย์แมนสำคัญ” ในกระดานการเมือง ไม่ว่าจะถึงฝันได้เป็นแกนนำตั้งรัฐบาล และส่ง “หัวหน้าหนู” เป็นนายกฯ หรือไม่
แต่อย่างน้อย “ค่ายเซราะกราว” ก็จะเป็นตัวแปรสำคัญกำหนดทิศทางจัดตั้งรัฐบาล หลังเลือกตั้งอย่างแน่นอน

**“โปรจีน” อาฒยา ฐิติกุล จากผู้ป่วยภูมิแพ้ สู่นักกอล์ฟหญิงมือ 1 โลก เด็กไทยมีของ แล้วแผนพัฒนากีฬาที่ลุงๆเคยพูด วันนี้ไปถึงไหนแล้ว

ท่ามกลางความอึมครึมทางการเมืองในไทย และเหตุโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก ก็มีเรื่องให้คนไทยได้ชุ่มชื้นหัวใจขึ้นมาบ้าง เมื่อวันที่ 31 ต.ค. ที่ผ่านมา สมาคมกีฬากอล์ฟอาชีพสตรี (LPGA) ออกมาประกาศการจัดอันดับโลกนักกอล์ฟหญิง Rolex Women's World Golf Rankings ปรากฏว่า "โปรจีน" อาฒยา ฐิติกุล สาวไทยวัย 19 ปีเศษ ได้ขึ้นครองมือ 1 โลกอย่างเป็นทางการ

จากผลงานของ“โปรจีน” ในปี 2565 ที่ได้แชมป์ระดับอาชีพของแอลพีจีเอ ถึง 2 รายการ คือ เจบีทีซี คลาสสิก ที่แคลิฟอร์เนีย เมื่อ 27 มี.ค.2565 และ วอลล์มาร์ท เอ็นดับเบิลยู อาร์คันซอ แชมเปี้ยนชิป ที่รัฐอาร์คันซอ สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 25 ก.ย.2565

ขณะที่ผลงานโดยรวมของทั้งปี 2565 จบ 10 อันดับแรกอีก 12 รายการ โดยในรายการเมเจอร์ ที่มีคะแนนสะสมสูง “โปรจีน” ก็ทำได้ดี โดยได้ที่ 4 แอลพีจีเอ แชมเปียนชิป, ได้ที่ 7 ร่วม วีเมนส บริติช โอเพน, ได้ที่ 8 ร่วม เอวิยอง แชมเปียนชิป, ได้ที่ 17 ร่วม เชฟรอน แชมเปียนชิป และที่ 24 ร่วม ยูเอส วีเมนส์ โอเพน

ทำให้คะเเนนสะสมอันดับโลกของ “โปรจีน” เพิ่มขึ้นเป็น 7.13 คะแนน เเซงหน้า “โค จิน ยอง” โปรสาวจากเกาหลี ที่มีคะเเนน 7.09 คะแนน ขึ้นเป็นอันดับ 1 แทน

“โปรจีน” จึงกลายเป็นโปรกอล์ฟสาวไทย คนที่ 2 ที่ได้ขึ้นเป็นมือ 1 ของโลก ต่อจาก "โปรเม" เอรียา จุฑานุกาล ที่เคยขึ้นมือ 1 ในปี 2560,2561 และ 2562

เท่านั้นยังไม่พอ “โปรจีน” ยังทำสถิติเป็นนักกอล์ฟที่ขึ้นมือ 1 โลก อายุน้อยที่สุดเป็นอันดับ 2 เมื่อเอาทั้งนักกอล์ฟชายและหญิงมาจัดอันดับรวมกัน โดยได้ขึ้นอันดับ 1 ขณะอายุ 19 ปี 8 เดือน 11 วัน เป็นรองเพียง “ลิเดีย โค” โปรสาวนิวซีแลนด์เชื้อสายเกาหลี ที่ทำไว้ขณะอายุ 17 ปี 9 เดือน 7 วัน

แต่ก็ทำลายสถิติของทั้ง “ไทเกอร์ วูดส์” อดีตโปรกอล์ฟอเมริกันเชื้อสายไทย ที่ขึ้นเบอร์ 1 โลก ขณะอายุ 21 ปี 5 เดือน 16 วัน รวมถึง “โปรเม” ที่เคยขึ้นอันดับ 1 ของโลกครั้งแรก ขณะอายุ 21 ปี 6 เดือน 20 วัน

“โปรจีน” อาฒยา ฐิติกุล
สำหรับประวัติคร่าวๆ ของ “โปรจีน” อาฒยา ฐิติกุล เกิดเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2546 ที่อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ชื่อเล่น จีน หรือ จีโน่

ในวัยเด็กเป็นโรคภูมิแพ้ ครอบครัวจึงหาทางเสริมสร้างภูมิต้านทานด้วยการให้หัดเล่นกีฬาสักอย่างหนึ่ง โดยคุณปู่ “ณัฐพงศ์ ฐิติกุล” ให้เลือกระหว่างกอล์ฟ กับเทนนิส “เด็กญิงอาฒยา” ซึ่งเคยดูการแข่งขันเทนนิสทางโทรทัศน์บ่อยๆ คิดกับตัวเองว่า หากเล่นเทนนิสจะต้องวิ่งไปมาตลอดเวลา คงเหนื่อยเกินไป จึงตัดสินใจเลือกเล่นกอล์ฟที่น่าจะเหนื่อยน้อยกว่าแทน จึงได้หัดเล่นกอล์ฟ เมื่ออายุ 6 ขวบ

นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางสู่การเป็นนักกอล์ฟหญิงเบอร์ 1 ของโลกในวันนี้ โดย “โปรจีน” ได้ประกาศให้โลกรู้ถึงความเก่งกาจในกีฬากอล์ฟ ตั้งแต่เพียง 14 ปี 4 เดือน 19 วัน และยังเป็นนักกอล์ฟสมัครเล่น ด้วยการคว้าแชมป์ เลดีส์ ยูโรเปี้ยน ไทยแลนด์ แชมเปี้ยนชิพ ปี 2017 (2560)

ต่อมาในปี 2562 “โปรจีน” ก็คว้าแชมป์กอล์ฟอาชีพรายการที่ 2 ในขณะที่ยังเป็นนักกอล์ฟสมัครเล่น ในการแข่งขัน เลดีส์ ยูโรเปี้ยน ไทยแลนด์ แชมเปี้ยนชิพ 2019 ในเดือนกรกฎาคม 2562 ในขณะที่มีอายุเพียง16 ปี

หลังจากเทิร์นโปร เมื่อปี 2563 จนถึงวันนี้ “โปรจีน” ก็คว้าแชมป์ในระดับอาชีพมาแล้ว 12 รายการ โดยถ้วยแชมป์ที่ีได้รับนอกจากแอลพีจีเอ 2 รายการแล้ว ยังมี เลดีส์ ยูโรเปียน ทัวร์ 4 รายการ และแชมป์อื่นๆ 6 รายการ

ด้านผลงานการรับใช้ทีมชาติ “โปรจีน” เคยคว้าเหรียญทองกีฬายูธ โอลิมปิก กอล์ฟทีมผสม ปี 2018 ที่อาร์เจนติน่า เหรียญทองกีฬาซีเกมส์ ประเภทบุคคล และทีมหญิง ปี 2017 ที่มาเลเซีย เหรียญทองแดงกีฬาซีเกมส์ ประเภททีมหญิง ปี 2019 ที่ฟิลิปปินส์

ส่วนเกียรติยศอื่น “โปรจีน” ได้รับรางวัล นักกอล์ฟยอดเยี่ยมแห่งปี เลดีส์ ยูโรเปียน ทัวร์ 2021 นักกอล์ฟรุกกี้แห่งปีเลดีส์ ยูโรเปียน ทัวร์ 2021 และ มือหนึ่งเลดีส์ ยูโรเปียน ทัวร์ 2021

ความสำเร็จของ “โปรจีน” ไม่วายโดนลุงๆ เข้ามาโหนตามระเบียบ โดย อนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาแถลง เมื่อวาน (1 พ.ย.) ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รับทราบ และยินดีกับ "โปรจีน" ที่ได้รับการประกาศขึ้นเป็นนักกอล์ฟหญิงมือ 1 ของโลกคนใหม่อย่างเป็นทางการ พร้อมบอกว่า ในทุกการแข่งขันถือเป็นโอกาส และประสบการณ์ที่ดีที่จะได้แสดงให้ถึงศักยภาพของนักกีฬาไทย และยังจะสามารถช่วยเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ และยังได้ขอบคุณนักกีฬาทุกคน แทนแฟนกีฬาคนไทย ที่ได้สร้างความสุขให้แก่ประชาชน

ฟังคำพูดของ “นายกลุงตู่” ที่ถ่ายทอดผ่านโฆษก ก็ดูเหมือนว่าได้ให้ความสำคัญของวงการกีฬาอย่างสูงทีเดียว

แต่สิ่งที่ประชาชนอย่างเราๆ ท่านๆ อยากเห็น คงไม่ใช่แค่ให้ผู้นำรัฐบาลออกมาโหนกระแสความสำเร็จของนักกีฬาไทยเป็นรายๆ ไป แต่อยากเห็นแผนการพัฒนาวงการกีฬาที่เป็นชิ้นเป็นอันมากกว่านี้

อย่างที่เคยประกาศเรื่องจะผลักดันไทยเป็น “ซอฟต์ พาวเวอร์” เรื่องการกีฬาก็เป็นหนึ่งในนั้น แล้วมาถึงตอนนี้คืบหน้าไปถึงไหนแล้ว บอกเล่าให้ชาวบ้านได้รู้บ้างเถอะ.


กำลังโหลดความคิดเห็น