xs
xsm
sm
md
lg

“ธีระชัย” ค้านต่างชาติซื้อที่ 1 ไร่ ชี้ เอื้อนายทุนที่ดินรายใหญ่ ไม่เกิดประโยชน์ต่อประชาชนวงกว้าง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



อดีต รมว.คลัง ไม่เห็นด้วยให้ต่างชาติซื้อที่ดิน 1 ไร่ ด้วยเงื่อนไขลงทุนขั้นต่ำ 40 ล้านบาท ชี้ ไม่ใช่การลงทุนจากต่างประเทศโดยตรงที่จะมาพร้อมเทคโนโลยีการจ้างงาน และการพัฒนาทักษะ ไม่ให้ประโยชน์ประชาชนวงกว้าง แต่เอื้อนายทุนขายที่ดิน แนะให้ประเทศก้าวหน้าเหมือนยุโรปก่อน จึงค่อยทำ พร้อมเปิดข้อมูลการถือครองที่ดินประเทศไทย ยังกระจุกตัว
วันนี้ (30 ต.ค.) นายธีระชัย ภูวนารถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Thirachai Phuvanatnaranubala - - ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล แสดงความคิดเห็นกรณีรัฐบาลเปิดให้ต่างชาติ สามารถซื้อที่ดินเพื่ออยู่อาศัยได้คนละไม่เกิน 1 ไร่ ตามเงื่อนไขที่กำหนด โดยมีรายละเอียดระบุว่า ขายที่ดินให้ต่างชาติ คือ กระตุ้นเศรษฐกิจ? หรือขายชาติ? ผู้จัดการออนไลน์ รายงานเมื่อวันที่ 28 ต.ค. ว่า นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (รูป 1) กล่าวถึงกรณี ครม.อนุมัติปลดล็อกต่างชาติ ให้สามารถซื้อบ้าน-ถือครองที่ดินไม่เกิน 1 ไร่ แลกการลงทุนในไทยขั้นต่ำ 40 ล้านบาท ว่า จะเป็นจุดดึงดูดทุนจากต่างประเทศเข้าในประเทศไทย และตัวคนต่างชาติเองก็จะจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ดังนั้น มุมทางเศรษฐกิจ ในระยะสั้นก็จะมีเงินเข้ามาจากการซื้อที่ดิน ที่อยู่อาศัย ในระยะยาวกว่านั้น ก็มาจากการจับจ่ายใช้สอย รวมทั้งการใช้ทักษะ ความรู้ความสามารถของเขา มาสร้างงาน สร้างโอกาสในบ้านเราด้วย


นายกรณ์ เห็นว่า ครม.ได้วางกรอบกติกา เพื่อที่จะจำกัดผลข้างเคียง เช่น ต่างชาติต้องมีเงินลงทุนผูกพันในประเทศไทย อย่างน้อย 3 ปี เป็นวงเงิน 40 ล้าน ซึ่งก็สะท้อนให้เห็นว่า ตัวมูลค่าสินค้า บ้านและที่ดิน ในราคาค่อนข้างสูง จะเป็นคนละตลาดกับการซื้อขายบ้านทั่วไป

นอกจากนี้ ยังจำกัดพื้นที่เฉพาะในเขตเทศบาล เพื่อป้องกันไม่ให้แย่งซื้อกับชาวบ้าน เกษตรกร ที่อยู่นอกเขตเทศบาล และเมื่อทดลองดู 5 ปี ถ้ามีข้อเสียมากกว่าข้อดี ก็สามารถยกเลิกได้ (ดูลิงก์)

“ผมไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้ และไม่เห็นด้วยกับข้อคิดของคุณกรณ์ ด้วยเหตุผลต่อไปนี้

1. การอ้างว่าเป็นการแลกกับการลงทุนในไทยขั้นต่ำ 40 ล้านบาทนั้น ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นการลงทุนในลักษณะของ Foreign Direct Investment ที่เงินทุนมาพร้อมกับเทคโนโลยี พร้อมการจ้างงาน พร้อมยี่ห้อและการตลาดส่งออก แต่ผลในข้อเท็จจริง เป็นเพียงการขายที่ดิน เพียงแต่ตั้งระดับวงเงินให้เป็นที่ดินราคาสูง และเพียงแต่ยังไม่เปิดให้ซื้อที่ดินเกษตรกรรม

2. ความหวังที่จะให้คนต่างชาติ นำเอาทักษะความรู้ความสามารถของเขา มาสร้างงานสร้างโอกาสในไทย นั้น ขณะนี้มีโครงการดึงดูดบุคลากรที่มีความรู้เฉพาะด้าน ที่กำลังดำเนินการอยู่แล้ว โครงการให้ต่างชาติซื้อที่ดินนั้น ไม่ได้คัดเลือกต่างชาติที่มีความรู้หรือมีทักษะ แต่เลือกต่างชาติที่ฐานะร่ำรวยเป็นสำคัญ ทั้งที่การเปิดให้ต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์นั้น ทำได้อยู่แล้วในรูปแบบคอนโดมีเนียม โดยจะทำให้เลิศหรูแพงแค่ไหนก็ได้ จึงไม่ควรเอาสองเรื่องที่มีวัตถุประสงค์แตกต่างกันไปปะปนกัน

3. ประเทศตะวันตกที่เปิดให้ต่างชาติซื้อบ้านและที่ดินได้อย่างเสรีนั้น ส่วนใหญ่รอให้มีการพัฒนาประเทศจนมีความก้าวหน้าระดับหนึ่งเสียก่อน และบางประเทศจะทำการปฏิรูปเพื่อกระจายการถือครองที่ดินก่อนด้วย กล่าวคือ ทำให้ประเทศมีความก้าวหน้า จนกระทั่งประชาชนในชาติมีระดับเงินเดือนและค่าแรงสูงขึ้นเสียก่อน เพื่อปล่อยให้ราคาอสังหาริมทรัพย์โดยรวมปรับตัวสูงขึ้นไปก่อนตามกำลังซื้อของคนในชาติ

การเปิดเสรีให้ต่างชาติซื้อได้ ภายหลังจากคนท้องถิ่นได้มีโอกาสพัฒนาฝีมือทักษะ จนเงินเดือนค่าแรงสูงขึ้นไปพอควรแล้ว นั้น จึงจะเป็นธรรมทั้งแก่คนท้องถิ่นและคนต่างชาติ แต่การเปิดเสรีในขณะที่การพัฒนาประเทศยังไม่คืบหน้า ในขณะที่กำลังซื้อส่วนใหญ่ยังอยู่ในมืออภิมหาเศรษฐีติดอันดับโลกเพียงหยิบมือ นั้น เป็นมาตรการเพื่ออุ้มเอื้อประโยชน์ให้แก่อภิมหาเศรษฐีโดยตรง ซึ่งหลายคนอาจเป็นนายทุนของบางพรรค

กรณีรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ นั้น ถูกวิจารณ์ว่า เชื้อเชิญอภิมหานายทุนให้เข้ามาช่วยขับเคลื่อนรัฐบาลมาหลายปีแล้ว การกำหนดนโยบายต่างๆ ซึ่งยาวนานเกินแปดปีไปแล้ว ก็เกิดผลเป็นการกระจุกโครงการที่อุ้มเอื้อนายทุน ดังนั้น นโยบายปิดท้ายนี้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจึงเป็นเสมือนการเอาสมบัติคุณทวดมาเลหลังขายถูก ถามว่าประชาชนทั่วไปได้อะไร?

4. พลเอก ประยุทธ์ อาจจะไปเปรียบเทียบกับโครงการของประเทศยุโรป เช่น รูป 2 โปรตุเกสเปิดให้ต่างชาติขอพำนักระยะยาว โดยต้องโอนเงินเข้าธนาคาร 1.5 ล้านยูโรขึ้นไป หรือนำไปลงทุนตามที่รัฐเห็นชอบ หรือเอาเงินเข้าไปลงทุนในบริษัทจดทะเบียนที่นั่นไม่น้อยกว่า 5 แสนยูโร เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี


รูป 3 หรือลงทุน 5 แสนยูโร ในโครงการที่พัฒนาเทคโนโลยี หรือลงทุน 2.5 แสนยูโร ในโครงการเพื่อวัฒนธรรมของชาติ หรือซื้อที่อยู่อาศัยมูลค่าไม่ต่ำกว่า 5 แสนยูโร


รูป 4 หรือซื้อเพื่อปรับปรุงที่อยู่อาศัยอายุเกิน 30 ปี มูลค่าไม่ต่ำกว่า 3.5 แสนยูโร
หรือในด้านธุรกิจ มีการจ้างงานไม่ต่ำกว่า 10 ตำแหน่ง หรือลงทุน 5 แสนยูโร ในกิจการที่จ้างงานไม่น้อยกว่า 5 ตำแหน่ง เป็นเวลา 3 ปี


รูป 5 กรีซเปิดให้ต่างชาติขอพำนักระยะยาว โดยต้องซื้อที่อยู่อาศัยมูลค่า 2.5 แสนยูโร สามารถขอสัญชาติกรีกได้เมื่อพ้น 7 ปี


5. แต่กรณียุโรปนั้น ส่วนใหญ่ได้มีการพัฒนาประเทศจนระดับรายได้ของพลเมืองขึ้นไปสูงเท่าที่จะทำได้แล้ว และขณะนี้ ยุโรปใต้ดังตัวอย่างสองประเทศนี้ กำลังเผชิญปัญหาไม่สามารถแข่งขันกับยุโรปเหนือได้ภายในกรอบค่าเงินยูโรเดียวกัน ยุโรปใต้จึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องเอาของเก่ามาขายกิน หวังว่าโครงการทำนองนี้จะนำคนต่างชาติเข้ามาช่วยแก้ปัญหาว่างงาน

6. ในทางกลับกัน ประเทศไทยยังไม่ได้กระจายความเจริญและอำนาจทางเศรษฐกิจ ให้ออกจากมืออภิมหาเศรษฐี เพื่อไปให้ประชาชนอย่างกว้างขวาง นอกจากนี้ ไทยใช้สกุลเงินอิสระ มิใช่ผูกค่ากับสกุลรวมอันกระทบความสามารถในการแข่งขัน

รวมทั้งไทยยังมีศักยภาพที่พัฒนาชุมชนให้ปรับตัวแข่งขันในพลวัตโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงได้ รัฐจึงควรทำนโยบาย เพื่อเพิ่มความเก่ง เพิ่มโอกาส ให้แก่คนไทยโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ มากกว่าขายสมบัติเจ้าคุณทวดเช่นนี้

ในความเห็นของผม นโยบายที่ลำเอียง ที่ไม่ได้ให้ประโยชน์แก่ประชาชนกว้างขวาง ที่อุ้มเอื้ออภิมหานายทุนที่จะทำโครงการขายที่ดินให้ต่างชาติ ที่เป็นการตัดโอกาสคนรุ่นใหม่ที่จะสร้างครอบครัวในอนาคต โครงการในลักษณะนี้ ไม่ควรแซนด์บ็อกซ์ 5 ปี แค่คิดเพียง 1 วัน ก็ผิดเสียแล้ว!

ต่อมา นายธีระชัย โพสต์ข้อความอีกว่า ถึงเวลาปฏิรูปเพื่อกระจายการถือครองที่ดิน ถามว่า นโยบายขายที่ดินให้ต่างชาติ จะเป็นประโยชน์แก่ประชาชนกว้างขวาง หรือแก่คนหยิบมือเดียว ในขณะที่ทำให้คนรุ่นใหม่ซื้อที่อยู่อาศัยสร้างครอบครัวได้ยากขึ้น?

รายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหาที่ดินและการออกเอกสารสิทธิในที่ดิน สภาผู้แทนราษฎร กลุ่มงานคณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักกรรมาธิการ ๓ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ส่งประธานสภาเมื่อวันที่ 19 ม.ค. 2565 ลงนามโดยนายประภัตร โพธสุธน หน้า 83 ประเด็นเรื่องการกระจุกตัวของโฉนดที่ดิน พบว่า

ที่ดินที่ผู้ครอบครองเกิน 50 ไร่ มีเพียง 44,931 คน(บุคคลธรรมดาและ/หรือนิติบุคคล)ถ้าคิดประเทศไทยมี 66 ล้านคน คนที่มีที่ดินเกินกว่า 50 ไร่ คิดเป็น ร้อยละประมาณ 0.06 เท่านั้น ถือว่ากระจุกตัว ทั้งนี้ อาจารย์ผาสุข เคยวิจัยเรื่องภาษี ระบุว่า ผู้ที่กักตุนที่ดินมากที่สุด มีประมาณ 6 แสนไร่ โดยถือในชื่อบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล

ข้อมูลจากงานวิจัย ‘รวยกระจุก จนกระจาย : ความเหลื่อมล้ำกับการปฏิรูปภาษีที่ดิน’ ของ รศ.ดร.ดวงมณี เลาวกุล “บุคคลที่ถือครองที่ดินมากที่สุดมีที่ดิน 631,263 ไร่ หรือเกือบใกล้เคียงพื้นที่ของจังหวัดภูเก็ตสองจังหวัดต่อกัน ขณะที่ผู้ถือครองเล็กที่สุดมีเพียงแค่ 1 ตารางวาเท่านั้น”

วันที่ 30 ตุลาคม 2565
ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล
Facebook Thirachai Phuvanatnaranubala
(เครดิตภาพตามแหล่งที่แสดงชื่อ)
หมายเหตุ : การกล่าวถึงชื่อบุคคลใดมิใช่เป็นการกล่าวหากระทำความผิด แต่เป็นเพื่อประกอบการบรรยายทางวิชาการเพื่อประโยชน์แก่ทางราชการในการรักษาประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ












กำลังโหลดความคิดเห็น