งานเข้าแน่! “ก้าวไกล” ถูกแฉ ใช้งบ กมธ.พัฒนาการเมือง จัดสัมมนา สอดไส้เลิก กม.112 ชาวเน็ตทวิตเตอร์เผยหลักฐานเด็ด หนังสือขอความอนุเคราะห์ส่งนักเรียน อาจารย์เข้าร่วม แชตคุยงง-ตกใจ และแอบถ่าย “ธนาธร”
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (2 ก.ย. 65) เพจเฟซบุ๊ก The METTAD โพสต์ข้อความ พร้อมแชร์ทวิตเตอร์ชาวเน็ต ระบุว่า
“พรรคก้าวไกล โดย นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ใช้งบ กมธ.การพัฒนาการเมือง จัดสัมมนาในโรงแรม ดึงนักเรียนจากสถานศึกษาต่างๆ ไปร่วมงาน แต่กลับเชิญ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ถูกสั่งห้ามยุ่งเกี่ยวการเมือง มารณรงค์เรื่องยกเลิกมาตรา 112 และแจกหนังสือยกเลิกมาตรา 112
ฝากตรวจสอบกันหน่อยครับ ศรีสุวรรณ จรรยา”
ส่วนชาวเน็ต ผู้ใช้ชื่อ 🤟oio - Zenitsu🤫 @bp_acc ที่เพจดังแชร์มาจากทวิตเตอร์ โพสต์ข้อความระบุว่า
“เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการจัดสัมมนาโดย คณะ กมธ.สภา หัวข้อ “การมีส่วนร่วมของประชาชนในการเลือกตั้งของไทย” หนังสือถูกส่งเชิญไปยังสถานศึกษาต่างๆ ในจังหวัดนนทบุรี น้องเราเป็นกรรมการ นร. ของ รร.นึง จึงได้รับคัดเลือกให้ไปร่วม จนถึงวันจริงกลับไปเจอลุงคนนี้ในงาน ???
ซึ่งทั้งงานมีแต่คนก้าวไกล? ถ้าดูจาก Agenda จะเห็นว่า ก็เป็นหัวข้อทั่วไป แต่..เนื้อหาจริงไม่พัน ม.112 มีการนำผู้ต้องหาคดี 112 มาพูดด้วย? เนื้อหาอื่นๆ ก็มีโจมตีงบประมาณท้องถิ่นอำเภอปากเกร็ด และมีการพูดถึงผลการเลือกตั้งที่ไม่เป็นธรรมของพรรคตัวเอง? แบบนี้ก็ได้?”
ขณะเดียวกัน เพจเฟซบุ๊ก การเมืองไทย ในกะลา โพสต์ข้อความระบุว่า
“ธนาธร” งง งบ “ดับไฟใต้” 2 แสนล้านบาท ในรอบ 20 ปี ไปลงที่ไหน เชื่อเจียดมาแค่ 1%
วันที่ 2 ต.ค. 65 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เดินสายพบปะประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยร่วมวงสนทนาพูดคุยรับฟังปัญหาและความคิดเห็นของประชาชนในประเด็นเกี่ยวกับการพัฒนาพื้นที่ที่ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส และวงสนทนา “จากมองต์บลังถึงปาตานี” ที่ อ.เมือง จ.ยะลา ซึ่งธนาธรได้เล่าประสบการณ์การวิ่งเทรลพร้อมเสนอแนะแนวทางพัฒนาพื้นที่โดยอาศัยศักยภาพของท้องถิ่นเอง
สำหรับวงพูดคุยที่ จ.นราธิวาส นอกจากการพูดคุยถึงปัญหาของพื้นที่เกี่ยวกับที่ดิน สิ่งแวดล้อม การพัฒนาพื้นที่ และปัญหาความมั่นคง แล้วในช่วงหนึ่งของการพูดคุย นายธนาธร ระบุว่า จังหวัดชายแดนใต้เป็นพื้นที่ที่มีความใกล้เคียงทางภาษาและวัฒนธรรมกับทั้งมาเลเซียและอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีประชากรหลายร้อยล้านคน ทำให้มีศักยภาพอย่างมากในการพัฒนา รวมถึงการเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเองได้
อย่างไรก็ตาม นายธนาธร ยังระบุด้วยว่า ปัญหาของจังหวัดชายแดนใต้ในเรื่องของความมั่นคง ยังเป็นปัญหาหนึ่งที่ขัดขวางการพัฒนาพื้นที่ในด้านต่างๆ อยู่ ซึ่งจะต้องอาศัยการกระจายอำนาจปลดล็อกท้องถิ่น ควบคู่ไปกับการค่อยๆ ถอนการใช้กฎหมายพิเศษและกองทัพออกจากพื้นที่ไปพร้อมๆ กัน เพื่อสร้างบรรยากาศของการกระตุ้นเศรษฐกิจไปพร้อมๆ กับการลดความตึงเครียดระหว่างรัฐส่วนกลางกับประชาชนในพื้นที่ลงไปในเวลาเดียวกัน
“การปลดล็อกท้องถิ่น คือ สิ่งที่ชาวอนาคตใหม่ ทั้งพรรคก้าวไกลและคณะก้าวหน้ายึดมั่น เราเชื่อว่า ไม่มีใครคิดออกแบบและหาคำตอบให้ชุมชนทุกชุมชนในประเทศได้ด้วยตัวคนเดียว หน้าที่ของเราคือการปลดโซ่ตรวนที่ฉุดรั้งคนในพื้นที่ไม่ให้มีอำนาจและงบประมาณในการพัฒนาพื้นที่ตัวเองได้ นั่นคือ โครงสร้างของรัฐราชการรวมศูนย์ที่เป็นอยู่แบบนี้ และที่นี่จะเป็นพื้นที่เศรษฐกิจได้ เราต้องปูทางไปสู่การเลิกมีด่านทุกกิโลเมตรแบบนี้ ค่อยๆ ลดกำลังทหาร ค่อยๆ ยกเลิกกฎหมายพิเศษต่างๆ ที่ใช้อยู่ในพื้นที่ลงด้วย”
ส่วนวงพูดคุยในช่วงค่ำที่ จ.ยะลา นอกจากการเล่าประสบการณ์และที่มาที่ไปของการลงแข่งขันวิ่งเทรล UTMB ที่ผ่านมาแล้ว นายธนาธรยังได้สะท้อนมุมมองที่ตัวเองได้รับมาจากกิจกรรมวิ่งเทรล
โดยระบุว่า ในฝรั่งเศส การเดินเขาเป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมมาก ทั้งมองต์บลังและทะเลสาบโดยรอบกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สร้างรายได้อย่างมหาศาลสำหรับคนท้องถิ่น จนมีการจัดกิจกรรมวิ่งเทรลขึ้นในเส้นทางหนึ่งของมองต์บลัง โดยใช้ชื่อว่า UTMB (Ultra Trail du Mont Blanc) ซึ่งทำให้นักวิ่งรวมถึงผู้ติดตามกว่า 4 พันคน มาร่วมกิจกรรมและจับจ่ายใช้สอยในพื้นที่ทุกปี ยิ่งกลายเป็นเศรษฐกิจที่ทำให้เกิดเงินหมุนเวียนในพื้นที่อีกเป็นจำนวนมาก
ซึ่งในจังหวัดชายแดนใต้เอง จากการที่ตัวเองได้มาร่วมงานวิ่งเทรลที่เบตงครั้งหนึ่ง ทำให้เห็นว่าการท่องเที่ยวแนวผจญภัยและการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติในจังหวัดชายแดนใต้ยังมีศักยภาพไปได้อีกไกลมาก ที่สามารถนำมาดึงส่วนแบ่งจากตลาดการท่องเที่ยวแนวผจญภัยที่กำลังเติบโตในประเทศไทย และนำมาใช้เป็นหนึ่งในตัวกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อสร้างรายได้ให้ชุมชนได้
นายธนาธรยังระบุต่อไป ว่า ในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา สามจังหวัดชายแดนใต้มีงบประมาณลงมาผ่าน ศอ.บต. ในนาม “งบดับไฟใต้” กว่า 2 แสนล้านบาท ซึ่งไม่มีใครเห็นว่างบประมาณเหล่านั้นลงไปที่ไหน หรือนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง ทั้งที่หากใช้เพียง 1% ของงบประมาณก้อนนี้ เราสามารถสร้างการพัฒนาพื้นที่อย่างมีนัยสำคัญได้ เช่น การขนส่งสาธารณะ ซึ่งเป็นพื้นฐานหนึ่งที่สำคัญของการสร้างเศรษฐกิจการท่องเที่ยว ซึ่งในพื้นที่ชายแดนใต้มีสถานที่ทางเศรษฐกิจ ทั้งด่านการค้าชายแดนและการท่องเที่ยวจำนวนมาก ถ้าสามารถเชื่อมโยงได้ด้วยระบบขนส่งสาธารณะที่มีรอบวิ่งที่แน่นอน จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวปริมาณมากได้
“หากคิดแบบใช้ตัวเลขสูงไปเลย คือการมีรถเมล์ 500 คันวิ่งเชื่อมโยงทุกพื้นที่ในจังหวัดชายแดนใต้ คิดราคาตกคันละ 5 ล้านบาท รวมทั้งหมด 2,500 ล้านบาท จะคิดเป็นเพียง 1% ของงบประมาณที่ใช้ดับไฟใต้ผ่าน ศอ.บต. กว่า 2 แสนล้านบาทในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา เราสามารถแก้ปัญหาพื้นฐานสำหรับทั้งประชาชนและนักท่องเที่ยว อย่างเรื่องของระบบขนส่งสาธารณะในพื้นที่ได้ และอาจจะเหลือใช้ปรับปรุงสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ได้ด้วย”
แน่นอน, ประเด็นสำคัญอยู่ที่การจัดสัมมนา โดยใช้งบกมธ.พัฒนาการเมือง ของพรรคก้าวไกล ที่ชาวเน็ตแฉ ผ่านทวิตเตอร์ ว่า แท้จริงแล้ว เป็นการใช้งบ ซึ่งเป็นเงินภาษีประชาชน อย่างถูกต้องตรงตามวัตถุประสงค์หรือไม่ อย่างไร
โดยเฉพาะหัวข้อ “การมีส่วนร่วมของประชาชนในการเลือกตั้งของไทย” ที่น่าจะตรงกับการขอใช้งบฯ แต่การยัดไส้ยกเลิก ม.112 แจกหนังสือเลิก ม.112 และเอาวิทยากรที่เป็นผู้ต้องหา หรือ นักโทษ (แชต) 112 มาร่วมพูดคุยให้เยาวชน ครูอาจารย์ฟังในวงสัมมนา เกี่ยวข้องอย่างไรกับหัวข้อดังกล่าว
จริงอยู่, แม้เรื่องนี้จะเป็นวาระของ คณะก้าวหน้า พรรคก้าวไกล ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องของพรรค มิใช่ ของ กมธ.พัฒนาการเมือง?
เป็นเรื่องที่จะต้องมีการตรวจสอบกันอย่างชัดเจน ทั้งผู้ให้งบฯ และกระบวนการตรวจสอบทางสังคม
ยิ่งที่ผ่านมา ไม่ว่าในสภาฯ รวมทั้งที่ นายธนาธร เดินสายไปสามจังหวัดภาคใต้ พรรคก้าวไกล และนายธนาธร มักโจมตีการใช้เงินภาษีของประชาชน ของกองทัพ สถาบัน และรัฐบาลอยู่ตลอดเวลา งานนี้เมื่อเจอกับตัวเองเข้าบ้างจะว่าอย่างไร แก้ตัวหรือไม่
หรือว่า “ตัวเองถูกตลอด คนอื่นผิดตลอด” เป็นอย่างที่เขาว่ากัน!?