“โอ๊ต ปราโมทย์” เคลื่อนไหว แคปชัน “มปหอรมป” แฟนๆ แปลได้เหลือเชื่อ หลัง “สนธิญา” ร้อง ปอท. เอาผิด สี่แยกปากหวาน “อัษฎางค์” ฝากกลอนให้ 3 นิ้ว “รักมิใช่ดวงดาวเมื่อพราวแสง” “เจี๊ยบ” ซัด โฆษก กห. มีปัญญารับผิดชอบ?
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (28 ก.ย. 65) หลังจาก นายสนธิญา สวัสดี เข้าร้องทุกข์ต่อตำรวจ ปอท.ให้ตรวจสอบเอาผิด 4 นักร้องดัง 4 แยกปากหวาน ตอน I will survive #สู้ตายเราต้องรอด แปลงเพลงเสียดสี ด่าทอ แซะรัฐบาล “โอ๊ต ปราโมทย์” ได้โพสต์ข้อความผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวเป็นอักษรย่อว่า “มปหอรมป”
ก็ไม่รู้ว่าแคปชันนี้มันจะเกี่ยวกับใคร หรือว่าโพสต์เอาฮา หรือประลองปัญหากับชาวเน็ตกันแน่ ส่วนใครจะแปลถูกแปลผิดคงต้องรอให้นักร้องหนุ่ม ออกมาเฉลยเองแล้ว
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 27 ก.ย. ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน กทม. นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษา ประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมายยุติธรรม และ สิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.ปิยะวัฒน์ ปรัญญา รอง สว.(สอบสวน) กก.3 บก.ปอท. ร้องขอให้ตรวจสอบดำเนินการหาข้อเท็จจริงและคดี ตามกระบวนการกฎหมาย การกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์มาตรา 114 และ 115 ของนักร้องจำนวน 4 คน ที่ได้ร่วมกันแสดงคอนเสิร์ต “สี่แยกปากหวาน ตอน Will survive # สู้ตายเราต้องรอด” เมื่อวันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยมีค่าเข้าชม บัตรการแสดงราคาสูงสุด ใบละ 4,000 บาท
โดยนักร้องทั้ง 4 คนได้แต่งเพลงพิเศษจำนวน 2 เพลง ในการแสดงสดวันนั้น และ นำลงสู่ ระบบคอมพิวเตอร์ TikTok และ ระบบคอมพิวเตอร์ใน ยูทูบ และลงในเฟซบุ๊กบางส่วน ที่เป็นระบบสาธารณะมีประชาชนเข้าถึงได้แบบไม่จำกัด ทั้งๆ ที่ประเทศไทยมีผู้ใช้ระบบคอมพิวเตอร์กว่า 120 ล้านรายชื่อ และสามารถรับชมได้ทั่วโลก
ในรายละเอียดของเนื้อเพลงที่แต่งขึ้นมาเป็นพิเศษจำนวน 2 เพลงนั้น มีข้อความ แซะ ด่าทอ ใส่ร้ายด้วยความเท็จ ต่อรัฐบาล และ ผู้บริหารประเทศ เป็นลำดับ ตลอดเวลา ที่ไม่จริง และนำความจริงมาไม่หมดบิดเบือน สร้างความเสียหายวุ่นวายให้เกิดขึ้นได้ จากข้อมูลที่มีการแสดง แล้วนำมาลงในระบบคอมพิวเตอร์ เช่น เนื้อเพลงที่ระบุว่า “ประเทศเรากำลังจะพัง แต่ลูกค้าการแสดงคอนเสิร์ตของนักร้องทั้ง 4 คนนี้ บัตรเต็ม มีผู้เข้าชมเต็ม และบัตรการแสดงราคาสูงสุดของบัตรคือ 4,000 บาท” 2.พวกนี้รวย เป็นที่สนใจในยุคประยุทธ์ ทั้งนั้น
3. รัฐบาลเผด็จการ ทั้งๆ ที่ปัจจุบันประเทศไทยปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
4. สร้างหนี้ก่อนโต
5. งานไม่ทำ หมายถึงรัฐบาลไม่ทำงาน หากรัฐบาลไม่ทำงานแล้วพวกนักร้องจะมาแสดงคอนเสิร์ตเก็บบัตรราคา 4,000 บาท
6. นาฬิกายังไม่คืน
7. ผู้นำไม่ตื่น
8. เวลา 8 ปี ไม่มีความหมาย
9. ชอบแจกเงิน เหมือนกูเป็นขอทาน
นายสนธิญา กล่าวอีกว่า การแสดงนักร้องทั้ง 4 คนนั้น มีประชาชนเข้าไปชมการแสดง มีการนำการแสดงเหล่านี้มาลงในระบบคอมพิวเตอร์ ไม่ว่า TikTok ยูทูบ เฟซบุ๊ก และ อื่นๆ ในระบบสาธารณะที่สามารถเข้าถึงได้แบบไม่มีขอบเขตจำกัด และข้อความที่นำไปลงนั้นก็บิดเบือน นำไปลงไม่หมด เป็นความเท็จ ใส่ร้าย ด้วยความสนุกสนานไม่รับผิดชอบ ทั้งๆ ที่ สามารถนำเรื่องอื่นๆ ไปทำการแสดงได้โดยไม่ผิดกฎหมาย และทำให้ใคร หรือ ประเทศผู้บริหารประเทศเสีย อันจะนำมาสู่ความวุ่นวาย จากการนำความเท็จมาเผยแพร่ครั้งนี้ได้
และนักร้องทั้ง 4 ท่าน ก็คงจะรับผิดชอบอะไรไปมากกว่าการขอโทษ และรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่ด้วยนักร้องบางท่านในกลุ่ม 4 คนนี้ มีการนำไปโพสต์ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว แซะ ใส่ร้าย ด่า และนำความเท็จลงมาสู่คอมพิวเตอร์ส่วนตัวที่เป็นระบบสาธารณะมาแล้วตลอดเวลา ตั้งแต่ปี พ.ศ.2564 ที่ผ่านมา ขอให้ ผบก.ปอท.ตรวจสอบข้อเท็จจริงในประเด็นทั้งหมดว่า นักร้องทั้ง 4 ท่านได้มีการพูดกระทำการดังกล่าวจริงๆ หรือไม่ และให้ตรวจสอบทั้ง 9 ประเด็นว่า นักร้องทั้ง 4 ได้นำเอาความเท็จ หรือ บางส่วนลงไปในระบบคอมพิวเตอร์แล้วทำให้เกิดความเสียหายหรือไม่ ถ้าพบว่ามีความผิดให้เรียกนักร้องทั้ง 4 ท่าน มาดำเนินคดีตามกฎหมายพระราชบัญญัติการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 2560 มาตรา 14 มาตรา 15 ต่อไป เบื้องต้นพนักงานสอบสวนรับเรื่องไว้เสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป
สำหรับนักร้อง 4 คน ที่แสดงคอนเสริ์ต “สี่แยกปากหวาน ตอน Will survive # สู้ตายเราต้องรอด” ประกอบด้วย 1. อ๊อฟ ปองศักดิ์ รัตนพงษ์ 2. ว่าน ธนกฤต พานิชวิทย์ 3. ป๊อป ปองกูล สืบซึ้ง และ 4. โอ๊ต ปราโมทย์ ปาทาน เปิดการแสดงเมื่อ 17-18 ก.ย.ที่ผ่านมา ที่ รอยัล พารากอน ฮอลล์ บัตรราคา 4,000 3,500 3,000 2,500 2,000 และ 1,500 บาท
ขณะเดียวกัน นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์เฟซบุ๊ก เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค ระบุว่า
“รักมิใช่ดวงดาวเมื่อพราวแสง
เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ไม่ใช่ กวี
สามนิ้วแยกปากหวาน ไม่ใช่ แยก…
ร้องเรียกประชาธิปไตย ฟังให้ดีๆ
“คนอื่นจนกูยังรวย คนอื่นซวยกูยังโชคดี
ความเท่าเทียมกันมันไม่มี
กูทั้ง 4 เป็นตัวอย่างได้อย่างดี
เพราะพวกกูยังกินดีอยู่ดี
เผด็จการบริหารประเทศพังมา 8 ปี
จะอดตายกันทั้งประเทศไม่มีอะไรดี
แต่ทำไมมี…
คอนเสิร์ตบัตรสี่พันขายดี
ไอโฟนออกใหม่คนต่อคิวเหมือนแจกฟรี
องุ่นพวงเป็นแสนก็ยังมี
ค่าเทอมเป็นล้านลูกหลานเรียนได้เรียนดี
วัคซีนก็ยังฟรี
คนละครึ่งก็ยังมี
คนไม่รักทำอะไรก็ไม่ดี
คนที่รักน้ำท่วมแค่ไหนก็เป็นคนทำแต่ความดี”
รักมิใช่ดวงดาวเมื่อพราวแสง”
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เพจเฟซบุ๊ก การเมืองไทย ในกะลา โพสต์ภาพ และข้อความที่โฆษก กองทัพบก ยืนยันไม่มีรัฐประหาร และ ส.ส.เจี๊ยบ อมรัตน์ โชคปีมิตต์กุล ตั้งคำถามกลับ ระบุว่า
“ทหารไม่มีเงื่อนไขอะไรที่จะนำไปสู่การรัฐประหาร ตราบใดที่ผมยังทำหน้าที่อยู่ ผมรับผิดชอบในคำพูดของผมเอง”
พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์
โฆษกกระทรวงกลาโหม
https://www.facebook.com/100001454030105/posts/5629464963778582/
.....................................................
“มีปัญญารับผิดชอบ ถามจริง !”
อมรัตน์ โชคปีมิตต์กุล
ผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล
https://twitter.com/AmaratJeab/status/1575078639007584261...
ทั้งนี้ เพจเฟซบุ๊ก Wassana Nanuam โพสต์ข้อความระบุว่า
“โฆษกกลาโหม” สยบข่าวลือ
ยัน ไม่มีรัฐประหาร
ชี้ ไม่มีเงื่อนไข
ขอให้สบายใจได้
ยัน ตราบใดที่ผมยังอยู่ทำหน้าที่อยู่
ผมรับผิดชอบในคำพูดของผมเอง
แนะ สื่อ ไปถาม คนที่พูด มีวัตถุประสงค์อย่างไร ก็ต้องไปถามคนนั้น
“บิ๊กต้อง” พลเอก คงชีพ ตันตระวานิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกระแสข่าวที่ว่าจะไม่มีเลือกตั้ง จนทำให้เกิดข่าวลือจะเกิดการรัฐประหาร ว่า ยืนยันว่า ไม่มีการรัฐประหาร ส่วนคนที่พูด พูดอย่างไร มีวัตถุประสงค์อย่างไร ก็ต้องไปถามคนนั้น
“ในส่วนของทหาร ไม่ได้มีเงื่อนไขอะไรที่จะนำไปสู่การรัฐประหาร”
ทั้งนี้ พลเอก ประยุทธ์ ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ในการประชุมสภากลาโหม แต่ผมในฐานะโฆษกกระทรวงกลาโหม ยืนยันว่า ไม่มีรัฐประหาร ขอให้สบายใจได้
เมื่อผู้สื่อข่าว หยอกถามว่า ยืนยันว่า ไม่มีรัฐประหารมีกรอบกำหนดเวลาหรือไม่ ถึงเมื่อใด พลเอกคงชีพ กล่าวว่า ตราบใดที่ผมยังอยู่ทำหน้าที่อยู่ ผมรับผิดชอบในคำพูดของผมเอง
แน่นอน, อาหารอันโอชะของ โลกโซเชียล ยังคงเป็นความขัดแย้งของ “สองขั้ว” ที่มีความคิดเห็นต่าง ทางการเมือง ยิ่งมีประเด็นให้พูดถึงมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งแตกความคิดเห็นกันไปอย่างสนุกสนาน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การนำประเด็นปัญหาทางการเมือง มาสู่บทเพลง ซึ่งมีชั้นเชิงทางศิลปะ และความบันเทิงนั้น บางครั้งถ้าเกินไป ก็เป็น “ดาบสองคม” ได้เหมือนกัน
ในฝ่ายสนับสนุนรัฐบาล ก็เช่นเดียวกัน ถ้านำเอาทุกเรื่องที่มีการพาดพิงรัฐบาล เข้าสู่การตรวจสอบเอาผิด ลองคิดดูว่า ตำรวจผู้ทำคดีจะต้องแบกภาระแค่ไหน แทนที่จะมีเวลาทำงานเพื่อประชาชนบ้าง เรื่องนี้ก็เป็น “ดาบสองคม” และได้ไม่คุ้มเสีย
ดีที่สุดคือ การก้มหน้าก้มตาทำงานหนักต่อไป ไม่ทุจริตคอร์รัปชัน สร้างผลงานให้เข้าตาประชาชน แค่นี้ก็ไม่มีใครวิจารณ์ได้แล้ว ถึงวิจารณ์ไปก็ไม่มีใครเชื่อ ลองคิดดูก็แล้วกัน