xs
xsm
sm
md
lg

รัฐบาลยันให้วัคซีนตามแผนงานแม้โควิดเป็นโรคติดต่อเฝ้าระวัง ขอ ปชช.มาฉีดฟรี ต.ค.ฉีด 6 เดือน-4 ปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รองโฆษกรัฐบาล เผย รัฐเดินหน้าให้วัคซีนตามแผนงานแม้โควิด-19 เป็นโรคติดต่อเฝ้าระวังตั้งแต่ 1 ต.ค. ประชาชนสามารถเข้ารับวัคซีนป้องกันโรคในสถานพยาบาลหรือจุดบริการได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ต.ค.นี้ ทยอยฉีดเข็ม 1 ในเด็ก 6 เดือน-4 ปี 5 แสนโดส

วันนี้ (25 ก.ย.) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. ได้มีมติยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และกระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศลดระดับโควิด-19 จากโรคติดต่ออันตรายเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง ตั้งแต่ 1 ต.ค. 2565 เป็นต้นไป รัฐบาลได้จัดเตรียมแนวทางบริหารจัดการในส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งการเฝ้าระวัง การรักษาโรค รวมถึงแผนการบริหารจัดการวัคซีนไว้รองรับอย่างชัดเจน

ทั้งนี้ ในส่วนของการให้วัคซีนป้องกันโรคนั้น ยังคงดำเนินไปตามเป้าหมายเดิม คือ ประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป สามารถเข้ารับบริการวัคซีนได้ตามสถานพยาบาลโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ทั้งผู้ที่ยังไม่เคยรับวัคซีน และผู้รับเข็มกระตุ้น ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้ประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยปริมาณวัคซีนมีเพียงพอกับความต้องการ ทั้งวัคซีนคงคลังที่สามารถจัดสรรได้ทันที และวัคซีนที่ทำสัญญาไว้แล้วรอการส่งมอบจากผู้ผลิตในระยะต่อไป

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า สำหรับโครงสร้างการดำเนินงานของการบริหารจัดการวัคซีน ในระยะที่โควิด-19 เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง จะมี 3 ส่วนหลัก ได้แก่ 1) ให้คำแนะนำการใช้วัคซีน จะดำเนินการโดยคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ภายใต้คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ 2) การเฝ้าระวังเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ภายหลังได้รับวัคซีน ดำเนินการโดยคณะผู้เชี่ยวชาญพิจารณาเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ภายหลังได้รับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ซึ่ง 2 ส่วนแรกนี้ ดำเนินงานเช่นเดียวกับช่วงที่ยังคงการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน

3) การจัดหาและการกระจายวัคซีนโควิด-19 จากเดิมที่ดำเนินการโดย ศบค. จะเปลี่ยนไปอยู่ในการดูแลของคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ และจะมีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการจัดหาและกระจายวัคซีนโควิด-19 ภายใต้คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติต่อไป

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า สำหรับแผนการให้วัคซีนประชาชนในเดือน ต.ค. 65 มีทั้งสิ้น 7 ล้านโดส ประกอบด้วย เป้าหมาย 4 กลุ่ม ได้แก่ 1) ผู้มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ที่ต้องการรับเข็ม 1-2 หรือ เข็มกระตุ้น จำนวน 5 ล้านโดส 2) ผู้ที่อายุ 12-17 ปี ที่ต้องการเข็ม 1-2 หรือเข็มกระตุ้น จำนวน 5 แสนโดส 3) เด็กอายุ 5-11 ปี ที่ต้องการเข็ม 1-2 หรือเข็มกระตุ้น จำนวน 1 ล้านโดส 3) เด็กอายุ 6 เดือน-4 ปี ที่ต้องการรับเข็ม 1 จำนวน 5 แสนโดส และ 4) ผู้ที่เข้าเกณฑ์กลุ่มเสี่ยงและต้องการภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป (LAAB) จำนวน 4 หมื่นโดส

“วัคซีนไฟเซอร์ฝาสีแดงเข้มสำหรับหรับเด็กที่มีอายุ 6 เดือนถึง 4 ปี กระทรวงสาธารณสุขจะได้รับมอบจากผู้ผลิตประมาณกลางเดือน ต.ค. จากนั้นจะกระจายผ่านระบบสถานพยาบาลที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด หรือ กทม.กำหนด นอกจากนี้ จะมีการประสานความร่วมมือกับ อปท. กระทรวงมหาดไทย หรือหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อบริการฉีดให้กับศูนย์เด็กเล็ก โดยดำเนินการภายใต้การกำกับของแพทย์” น.ส.ไตรศุลี กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น