เอาไว้สอนใจ! “พี่คนดี” ร่ายกลอน “ฟาดมากแม่” สึกมาด่าสงฆ์ ดูชอบกลเกินกว่าคนเคยเป็นพระ “พุทธะอิสระ” ให้กำลังใจ “พระชาตรี” แนะ “อย่าเอาไม้สั้นไปรันขี้” สรุปดรามาโต้ดุเดือด เรียก “อี-ไอ้หัวโล้น” จบที่ขอโทษ
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (24 ก.ย.65) เพจเฟซบุ๊ก P.khondee (พี่คนดี กวีสมัครเล่น) โพสต์ข้อความว่า
“เมื่อมีคนติพระสงฆ์ สงฆ์ไม่ควรเดือดดาลใจ” เธอก็ใช้คำนี้มาเตือนสงฆ์ เมื่อเธอสึกมาแล้วด่าสงฆ์ แต่ตอนเธอเป็นสงฆ์ เธอไม่เคยจะเตือนตัวเองได้เลย เธอไฝว้มาแล้ว แทบทุกคนที่ไปติติงเธอ
นี่เจอมากับตัวเอง โดนเธอชี้ชวนให้สาวกแห่มาทัวร์ จนต้องบล็อกออกไปหลายคนด้วยความรำคาญ
ไม่ผิดหรอกที่วันนี้เธออยากเป็นตัวของตัวเอง เพราะเธอสิ้นสุดความเป็นสงฆ์แล้ว แต่จงดำรงตนอยู่ในความพอดี เกรงใจสถาบันที่เคยอยู่บ้าง ขอเตือนในฐานะเพื่อนมนุษย์คนหนึ่ง
บางคนก็อวยกันเหลือเกินว่า “ตอนเธอเป็นพระก็ปฏิบัติดีไม่มีที่ติ” ดีจริงจริง หรือว่า เพียงถูกใจ อยากให้คนอวยลองตรองดูดีดี
บางคนติว่า “มันผิดตั้งแต่ตอนบวชแล้ว” แต่ตรงนั้นไม่อยากติดใจ และไม่อยากให้เอามาเป็นประเด็นดรามา
ไม่ได้มีอคติอะไรกับตัวตนของเธอ เพียงแต่ขอติงที่พฤติกรรม อย่าให้มันดูล้นมากนัก เมื่อใดเกิดสะดุดล้มคนจะสมน้ำหน้า ตอนนี้มีน้องน้องเยาวชนชื่นชมเธอมากมายแล้ว น่าจะทำตนให้เป็นแบบอย่างที่ดีกว่านี้นิด ไม่ต้องแรงจี๊ดให้ดังเลยเถิดไปถึงโลกไหน เพราะความ “ช่างเดือดดาล” ของเธอ อาจจะเป็นไฟที่เผาผลาญตัวเธอเองให้วอดวายในที่สุด
๓๒๓/ ๒๕๖๕ ฟาดมากแม่
มาดแยกเขี้ยว ดูเกรี้ยวกราด ฟาดมากแม่
ลูกรีบแชร์ ปรบมือพลัน ปั่นสรรเสริญ
แม่เหนือชั้น ดูมั่นหน้า กล้าเผชิญ
ยิ่งดูเกิน ดูล้นเลย เตยชอบชม
ดูชอบกล เกินกว่าคน เคยเป็นพระ
กี่คนละ คู่ฉะดะ ที่สะสม
พระช่างเหน็บ จิกด่าเจ็บ ไม่เก็บอารมณ์
ที่แก๊งหมุด สุดชื่นชม มานมนาน
เห็นแววแม่ ตั้งแต่ก่อน ตอนเป็นสงฆ์
แนะทัวร์ลง ผู้ว่ากล่าว อย่างห้าวหาญ
เมื่อโดนว่า หน้าขึ้นเลือด ให้เดือดดาล
ออกอาการ วีนแตกแหลก แหกสบง
คนเคยฝึก ปฏิบัติ อย่างครัดเคร่ง
ฤๅบ๊งเบ๊ง เบ่งปะทะ คณะสงฆ์
พุ่งเข้าขวิด เต็มจริต ไม่คิดปลง
เรียกคนตรง หรือคนมั่น พร่องจรรยา
สึกมาฉะ วงการพระ ให้กระเพื่อม
ทำคนเอือม เกิดความเสื่อม ในศาสนา
แปลกไหมที่ เขายังมี คนศรัทธา
มาออกหน้า ช่วยแก้ต่าง หาทางชม
สึกมาแล้ว รีบแรดได้ ใช่เรื่องผิด
รีบใช้สิทธิ์ ทิดกระเตาะ ก็เหมาะสม
อยากอวดแรง แต่งสตรี หรือมีนม
สนองปม ให้เพลิดเพลิน ก็เชิญเลย
เมื่ออวดแรง แกร่งกร้าว อย่างห้าวหาญ
อย่าเดือดดาล เมื่อมีใคร ไม่อยู่เฉย
เชิญเถิดจ้ะ จะเป็นพระ เป็นกะเทย
แต่อย่าเอ่ย คำหยาบห้วน ชวนระอา
อยากขุดมาร ในคราบสงฆ์ ก็จงขุด
อย่าให้ทรุด ไปถึงพุทธ ศาสนา
อย่าทำให้ คนไทยเอือม เสื่อมศรัทธา
อาจบาปหนา จนแร้นแค้น แสนล้านภพ (จากไทยโพสต์)
ขณะเดียวกัน นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือ “พุทธะอิสระ” อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จังหวัดนครปฐม โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุว่า
“สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล การกระทำส่อความเป็นชาติสกุล
กราบนมัสการท่านอาจารย์ชาตรีที่เคารพ
เห็นคลิปท่านออกมาวิพากษ์วิจารณ์ผู้ที่เคยบวชอาศัยผ้าเหลือง เพื่อเรียนรู้ศึกษาจนยกระดับตนเอง จากเด็กบ้านนอกที่สุด แสนจะคับแคบอนาถา กลับกลายเป็นพระมหา ๒ เพศ
ก็พอเข้าใจในความคาดหวังที่สังคมไทยมีต่อคนระดับมหาเปรียญธรรม ๙ ประโยค และนักศึกษาในมหาวิทยาลัยสงฆ์ จนสำเร็จปริญญาโท ว่าจะบวชหรือสึก ก็คงจะเป็นต้นแบบที่ดีของผู้คนในสังคม
แต่สิ่งที่สังคมเห็น ท่านอาจารย์ดูจากบุคคลที่เคยบวชเข้ามาถึง ๑๘ ปี (นับแต่แต่บวชเณร) แต่กลับมีพฤติกรรมไม่ต่างอะไรกับคนที่มัวเมากับการหาอยู่หากินกับกามคุณอย่างลุ่มหลง ประมาท จึงทำให้สังคมและท่านอาจารย์ผิดหวัง
มาวันนี้เขาได้เปลี่ยนสถานะจากพระมหาเป็นหญิงก็ไม่ใช่ชายก็ไม่เชิง แสดงพฤติกรรม กิริยา วาจา รุกรานผู้มีศีลโดยไม่สำนึกถึงบาปบุญคุณโทษ
หากผู้มีศีลนั้นกระทำพฤติกรรม ละเมิดศีล ละเมิดพระวินัย ละเมิดอุดมการณ์ของพระบรมศาสดา เช่นนั้นก็สมควรถูกด่า ถูกประจาน
การที่ท่านพระอาจารย์ชาตรีออกมาเตือนหรืออีกฝ่ายจะเรียกออกมาด่าก็ตามที
โดยสามัญสำนึกของปราชญ์ ของบัณฑิต วิญญูชน จะต้องหันมามองตนเอง สำรวจดูว่า
เออ..เรามีอะไรที่บกพร่อง ผิดพลาดที่กระทำการไป พูดไป คิดไป ทำให้สื่อให้เห็นว่า เราเป็นคนพาล คนขาดศีลธรรม
แล้วปรับปรุงตนให้ถูกต้อง ตามทำนองคลองธรรมเหล่านี้คือ คุณลักษณะของบัณฑิต
แต่คนที่ท่านอาจารย์วิพากษ์ หาใช่ผู้ที่เป็นบัณฑิตไม่
ท่านอาจารย์ครับ ชีวิตของความเป็นนักบวชของท่านได้เดินมาในเส้นทางแห่งวิถีพุทธ ที่สง่างดงามดีแล้ว อย่าลดตนเองลงมาเกลือกกลั้วกับคนพาลเลย
สิ่งที่ท่านทำผู้คนทั้งประเทศรวมทั้งชาวรัสเซียเขารับรู้ เขาสัมผัสได้ นิมนต์ให้มุ่งมั่น เผยแผ่อุดมการณ์ของพระบรมศาสดาให้กว้างไกลไปทั่วโลก อย่ามาให้ราคากับคนพาลเลยท่าน
ดังภาษิตที่กล่าวไว้ว่า
คบคนพาล พาลพาไปหาผิด
คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล
คบคนชั่ว จักพาตัวอัปมงคล
จักพาตน เสียใจเพราะพาลพา
ท่านอาจารย์เป็นคนใต้ คงจะเคยได้ยินคำพังเพยที่คนใต้ คนเก่าเขามักจะเปรียบเปรย พูดสอนลูกหลานเอาไว้ว่า
“อย่าเอาไม้สั้นไปรันขี้”
สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นปรากฏการณ์ของคนพาลที่มากไปด้วยอัตตา ตัวกูใหญ่จนใครๆ ไม่สามารถมาแตะต้อง ตักเตือนได้ บัณฑิตทั้งหลายจึงควรอยู่ให้ห่างไกล”
ทั้งนี้ เมื่อย้อนวิวาทะเดือด พบว่า เนื่องจาก พระชาตรี เหมพันธ์ เจ้าอาวาสวัดพุทธวิหาร วัดไทยแห่งเดียวในนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย ไลฟ์เฟซบุ๊กบางช่วงกล่าวพาดพิงถึง แพรรี่ ไพรวัลย์ วรรณบุตร อย่างร้อนแรงว่า
“อีแพรรี่ ตอนมันบวชเหมือนจะเป็นนักวิชาการทางพระพุทธศาสนา คิดว่าจะเป็นกำลังสำคัญในการเผยแพร่พระพุทธศาสนา แต่ในที่สุดก็สึก ซึ่งอาตมาก็ไม่ได้ว่า แต่อาตมามองว่าพฤติกรรมของอีแพรรี่ เป็นการดิสเครดิตพระพุทธศาสนา ไม่ได้ทำให้พระพุทธศาสนาดีขึ้น ถ้าเราเคยอยู่ที่ไหน เราไม่ควรเหยียบย่ำสถาบัน ที่เราเคยได้ข้าวได้น้ำ”
ทำให้ แพรรี่ ไพรวัลย์ ออกมาไลฟ์เฟซบุ๊กตอบโต้พระชาตรี เดือดไม่แพ้กันว่า
“เดี๋ยวมึงได้รู้ว่า เป็นพระแล้วถูกกูเทศน์จะเป็นยังไง จะชวนญาติโยมทำบุญสร้างห้องน้ำมึงพูดไป แต่มึงอย่าพาดพิงถึงกู แล้วเป็นพระมาเรียกกู 'อี' ไอ้หัวโล้น กูไม่สนใจนะ มึงจะเป็นศาสตราจารย์ห่..เหวอะไร แต่กูจะด่ามึงค่ะ ไลฟ์นี้กูมาด่ามึงโดยเฉพาะค่ะไอ้ชาตรี มึงจะอยู่รัสเซีย แต่กูก็จะด่ามึง
อยู่ดีดีมาว่ากูทำไม แล้วไม่บอกเหตุผลเลยว่า เนรคุณตรงไหน เนรคุณองค์กรอย่างไร ตั้งแต่กูเป็นพระ กูเป็นคนที่พูดอะไรอย่างตรงไปตรงมาค่ะ การกตัญญูต่อองค์กร คือการชี้ข้อผิดพลาดขององค์กร การแสดงทัศนด้วยความห่วงใย กูไม่ใช่สายเลียแบบมึงนะคะ ทำมาทวงบุญคุณเก่ง มึงเป็นคนหาข้าวหาน้ำให้กูกินเหรอ มึงเคยสอนกูเหรอ แต่คำถามคือ มึงมีส่วนอะไรในชีวิตกู ถึงมาตัดสินกูว่าเนรคุณ กูบวชมา 18 ปี ทำหน้าที่รับใช้ศาสนาไม่น้อยไปกว่ามึงค่ะ กูสร้างมหาเปรียญเป็น 100 รูป ไม่น้อยไปกว่ามึง กูก็เทิดทูนศาสนาไม่น้อยไปกว่ามึง เพียงแต่กูมีวิธีในการซัพพอร์ตศาสนา เผยแพร่ศาสนาในรูปแบบของกู”
ซึ่งประเด็นดูเหมือนจะลุกลามใหญ่โตเมื่อ ทนายธรรมราช The Lawyer of legality ได้โพสต์ภาพขึ้นโรงพักเมืองฉะเชิงเทรา แจ้งความเอาผิดแพรรี่ พร้อมระบุข้อความว่า
“กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับ แพรรี่ ไพรวัลย์ ในข้อหาความผิดดูหมิ่นพระชาตรี หรือคณะสงฆ์ ทำให้คณะสงฆ์ได้รับความเสื่อมเสียเสียหาย พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรจังหวัดฉะเชิงเทรา รับคำกล่าวโทษไว้แล้วตามระเบียบ จึงบันทึกไว้เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ถูกกล่าวโทษต่อไป
หากพระอาจารย์ชาตรี ประสงค์จะร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับแพรรี่ ไพรวัลย์ อีกคดีหนึ่ง ผมยินดีเป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายให้ครับ กองบุญทนายความเพื่อปกป้องและสืบทอดพระพุทธศาสนา โดยทนายธรรมราช”
ซึ่งไม่นานเกินรอ แพรรี่ ไพรวัลย์ ก็ได้แชร์โพสต์ดังกล่าวของทนายคนนี้ แล้วสวนกลับว่า
“ไปร้องเลยค่ะ เดี๋ยวเจอดิฉันร้องกลับแน่นอน รายการไหนว่ามาค่ะ นักร้องข้ามกำแพงดีไหมคะ ถ้าคิดว่าตัวเองร้องเก่ง เรื่องนี้ดิฉันไม่ได้เป็นคนเริ่มนะคะ ดิฉันเตือนแล้ว แล้วเรื่องคณะสงฆ์เนี่ยหลักฐานมากมายก่ายกองเลยค่ะ จะเอาเรื่องไหนก่อน สร้างความเสื่อมศรัทธาไม่ว่างเว้นในแต่ละวัน ดิฉันไม่มีความจำเป็นต้องมานั่งใส่ร้ายป้ายสีใครให้เสียเวลาหลอกค่ะ คนมีสติปัญญาเขาดูออก”
นอกจากนี้ แพรรี่ ยังนำภาพแชทที่แคปมา เป็นการพูดคุยเกี่ยวกับการเรียกเก็บเงินชาวต่างชาติในการนั่งวิปัสสนา พร้อมระบุข้อความว่า
“ไม่มีหรอกค่ะ อย่ามาใส่ร้ายพระพุทธศาสนา ดิฉันรบกวนช่วยตรวจสอบข้อมูลนี้ด้วยค่ะ พระที่ไหนท่านจะไปเก็บเงินคนต่างชาติค่ะ ท่านสอนฟรี เผยแผ่ฟรีนะคะ พระที่ไหนท่านจะเกาะศาสนาหากินแบบนี้ล่ะคะ ดิฉันไม่เชื่อ” พร้อมนำภาพบุคคลเปลือยท่อนบน พร้อมบอกว่า เตือนครั้งที่ 1 ค่ะ เบาๆ แค่เริ่มต้น มีหลักฐานและภาพเด็ดมากกว่านี้”
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด พระชาตรี ได้ออกมาโพสต์ข้อความขอโทษแพรรี่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“คนเราเมื่อผิดต้องกล้ารับผิด พี่หลวงต้องขอโทษน้องแพรี่ ที่ก้าวล่วง เห็นด้วยกับความเห็นและทัศนคติของน้องทุกประการ จงอโหสิกรรม ยอมรับว่า ผิดไปจริงๆ ช่วยบอกน้องหลวงแพรรี่ด้วยในความผิดพลาด และประมาทพลาดพลั้ง สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง น้องจงให้อภัย” อ้างอิง https://www.sanook.com/news/8628398/
แน่นอน, เรื่องนี้ ยังคงเป็นเหรียญสองด้าน ขึ้นอยู่กับใครชื่นชอบด้านไหน ไม่ต่างจาก “ขั้วขัดแย้ง” ที่เห็นต่างทางการเมือง ยิ่งแพรรี่สมัยเป็น “พระ” เคยเป็นขวัญใจคนเสื้อแดงอยู่ด้วย จึงหนีไม่พ้นกองเชียร์ทั้งสองฝ่าย
อีกประเด็นก็อย่างที่หลายฝ่ายสะท้อน ถ้า “แพรรี่” นำไปทบทวนสอนใจ มากกว่าที่จะ “เดือดดาล” เข้าใส่ ใครติติงอะไรก็ไม่ได้ ลองคิดดู อะไรจะเป็นคุณมากกว่ากัน