ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ฟาดมาฟาดกลับ ทนายตั้ม vs แซน วิศาพัช ศึกนี้กำไรไทยมุง
นับเป็นมวยคู่เอกประจำวัน ระหว่าง "ทนายตั้ม" ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน กับ "แซน” วิศาพัช มโนมัยรัตน์ จำเลยคดี “แตงโม” ภัทรธิดา นักแสดงสาวชื่อดังพลัดตกแม่น้ำเจ้าพระยา ที่แฟนคลับแต่ละคนจับเอา "วิวาทะ" โพสต์หน้าฟีดโซเชียลฯ ของแต่ละคนมาเชื่อมโยงกันเป็นการวิวาทที่แต่ละถ้อยคำเต็มไปด้วยความเผ็ดร้อน ถึงพริก ถึงขิง
เรื่องนี้ก็ต้องย้อนไปถึงเมื่อวันก่อนจากกรณี "คุณแม๊" ภนิดา ศิระยุทธโยธิน เดินขึ้นศาลในฐานะโจทก์ผู้สูญเสียฟ้อง "กลุ่มคนบนเรือ" ที่ลูกสาวนั่งมาด้วย โดยมีข้อสรุปไกล่เกลี่ยเรื่องเงินเยียวยาที่ “คุณแม๊” ยอมรับเงื่อนไข รับเงิน 9.2 ล้านบาท ซึ่งต่อมา “ษิทรา เบี้ยบังเกิด” เปรยตามสายลม โพสต์ข้อความผ่านแฟนเพจว่า "ความยุติธรรมถูกพรากไปเพราะเงิน 9.2 ล้าน คนนอกอย่างพวกเราก็ได้แต่เบ้ปาก" ซึ่งเขาไม่ได้ระบุว่าจะหมายถึงใคร
แต่ก็นั่นแหละว่า มีชาวโซเชียลฯ จำนวนมากเข้ามาแสดงความเห็นว่า คงจะหมายถึงคดีแตงโม
ต่อมา "แซน วิศาพัช" ได้โพสต์ข้อความผ่านอินสตาแกรม ระบุว่า "กล้าพูดว่าความยุติธรรมได้ถูกพรากไป.... ขยันเดินสายอวดอ้างสรรพคุณ ถนัดใช้เส้นสายเพื่อยุติคดี เพราะทฤษฎีทางกฎหมายคุณลอกเพื่อน ถึงได้จบทนาย
ช่วยอายห...า มันบ้าง เวลามาทวงถามหาความยุติธรรม เพราะสิ่งที่คุณได้ทำ คือยัดเยียดความเป็นจำเลยให้ ค.บ.ร. โดยบิดเบือนข้อเท็จจริง ให้สังคมเข้าใจผิด..."
ลงท้ายด้วยแคปชั่นว่า "ฝากไว้ให้คิด ถ้าคิดไม่ได้ ปรึกษาผู้มีวุฒิภาวะ ผู้ที่อยู่ในศีลในธรรม เผื่อจะได้มีโอกาสโผล่พ้นน้ำนะคะ"
พลันที่โพสต์ดังกล่าวของ “แซน” แพร่ออกไป บรรดาแฟนคลับต่างเข้ามาคอมเมนต์เชียร์ บ้างก็บอกเป็นทองแท้ต้องไม่กลัวไฟ สุดท้ายแล้ว ความจริงจะปรากฏ รวมถึงมีคนบอกให้ใจเย็น เดี๋ยวสร้างที่จอดรถทัวร์ไม่ทัน ซึ่ง “แซน” ก็ได้ตอบกลับไปว่า ถ้าพูดความจริงแล้วต้องเตรียมลานจอดให้คณะทัวร์ก็ยินดีต้อนรับ
งานนี้น่าจะไปเข้าตา "ทนายตั้ม"
ไม่นานต่อมา เจ้าตัวจึงโพสต์ภาพตัวเอง พร้อมข้อความว่า... "คนทิ้งเพื่อนไว้กลางแม่น้ำเจ้าพระยา ยังกล้าแซะคนอื่นว่าอายหมา แบบคุณน่ะ เปรียบเทียบกับหมา ยังสงสารหมา เพราะหมาคือสัญลักษณ์แห่งความซื่อสัตย์ มันไม่ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลังแน่ "
แน่นอน แม้ “ทนายตั้ม” ไม่ได้เอ่ยชื่อถึงใคร แต่แฟนคลับที่เข้ามาอ่านก็รู้หมายถึง "ค.บ.ร." ที่โพสต์ก่อนหน้า
ทนายคนดังยังว่า "ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้กับครอบครัวผม บอกเลย เก็บเงินไกล่เกลี่ยไว้ตอนเจอยมบาลเถอะ และถ้าคิดจะมาค้าความกับทนาย ด้วยการโพสต์แซะ เหมือนที่ชอบทำ แล้วฟ้องร้อง บอกเลยฝันไปเถอะ คุณกับผมกระดูกคนละเบอร์ และว่าอำนาจบาตรใหญ่ที่เคยใช้มาตลอดชีวิต กลับใช้กับคนแบบผมไม่ได้
ผมเองจบรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ รามคำแหง ควบสองปริญญาภายในสี่ปีครึ่ง แล้วต่อด้วยสอบเนติได้ด้วยคะแนนต้นๆ ระดับประเทศ ก็ไม่รู้เหมือนกัน ไปลอกข้อสอบใครตอนไหน เพราะกฎหมายเค้าสอบอัตนัย
กล้าพูดตัวเองเป็นเหยื่อ คนเป็นเหยื่อตัวจริงเขาไม่มีโอกาสพูดแล้วต่างหาก"
ดรามาฟาดมาฟาดกลับระหว่าง “ทนายตั้ม VS แซน” ครั้งนี้ บอกเลยว่าแฟนคลับใครแฟนคลับมัน เชียร์กันเอง แต่คนที่ได้กำไรคือไทยมุง...ก็ให้รู้กันไป ไผเป็นไผ
**“ส.ว.อุปกิต” อดีตสามี “เอ๋ ปารีณา” รับสนิท “ทุน มิน ลัต" นักค้าอาวุธชาวเมียนมา ที่เพิ่งถูกจับข้อหายาเสพติด ฟอกเงิน
กลายเป็นข่าวฮือฮา เมื่อป.ป.ส. สนธิกำลังตำรวจสืบสวนนครบาล 2 ชุดใหญ่ บุกจับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญ 5 เป้าหมาย เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยหนึ่งในนั้นคือ "นายทุน มิน ลัต" (Mr.Tun Min Latt ) นักธุรกิจคนดังสัญชาติเมียนมา และมีความสัมพันธ์กับนักธุรกิจไทย “อุปกิต ปาจรียางกูร” ซึ่งปัจจุบันเป็นสมาชิกวุฒิสภาด้วย
เมื่อเรื่องราวโยงมาถึง ส.ว.ไทย นักข่าวจึงนำเรื่องนี้ไปถาม “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี แต่ “ลุงป้อม” บอกยังไม่ได้รับรายงาน ...ทั้งที่เรื่องเกิดมาหลายวันแล้ว
ขณะที่“ส.ว.อุปกิต” ยืดอก ยอมรับว่ารู้จักกับ“ทุน มิน ลัต” ที่ถูกทางการไทยจับกุมข้อหายาเสพติด ฟอกเงิน และถูกระบุว่าเป็นนายหน้าค้าอาวุธให้กองทัพเมียนมา ว่ารู้จักกันมากว่า 20 ปีแล้ว เคยเป็นหุ้นส่วนทำโรงแรมที่ท่าขี้เหล็ก ทำธุรกิจซื้อขายไฟฟ้า แต่ตนเองและหุ้นส่วนคนนี้ ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด!!
...ที่ว่าเพื่อนเขาเป็นพ่อค้าอาวุธนั้น ความจริงเป็นตัวแทนประเทศอิสราเอล ในการขายยุทโธปกรณ์ ให้กับรัฐบาลพม่า และเขาตั้งใจจะมาปักหลักทำธุรกิจไฟฟ้า ที่เมืองไทย เขามีเงินทอง และทรัพย์สินที่โอนมาจากต่างประเทศ เขาเพิ่งซื้อคอนโดฯ เพราะเตรียมที่จะมาอยู่ไทย แต่มาถูกจับ คอนโดก็โดนยึดหมด คิดว่าก็คงต้องไปต้องพิสูจน์กับศาล ...
สำหรับ “ส.ว.อุปกิต” หรือ “เสี่ยอุปกิต” นั้นผู้คนในแวดวงธุรกิจจะรู้จักกันดี เป็นอดีตสามีของ “เอ๋” ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ มีบุตรด้วยกัน 3 คน
ด้านการศึกษา จบปริญญาตรี รัฐศาสตรบัณฑิต จาก Skidmore College Saratoga Springs นิวยอร์ก และ ปริญญาโท ด้านการพัฒนาอุตสาหกรรม จากประเทศเบลเยียม
ชื่อของ “อุปกิต” เคยเป็นข่าวฮือฮาเมื่อหลายปีก่อน ในฐานะคนไทยที่ไปทำธุรกิจในเมียนมา ที่ท่าขี้เหล็ก เมืองชายแดนแต่เป็นศูนย์กลางการพนัน แหล่งบันเทิง และยาเสพติด เขายังมีชื่อเป็นกรรมการผู้จัดการ "บริษัท Myanmar UPA" ตั้งอยู่ในกรุงเนปิดอว์ ด้วย
ส่วนที่มาของการได้เป็น ส.ว.นั้น “อุปกิต” บอกว่า เมื่อก่อนเขาเป็นข้าราชการ อยู่กระทรวงการต่างประเทศ แล้วลาออกตอนอายุ 30 กว่า จากนั้นก็ไปทำธุรกิจในประเทศเมียนมา เคยเป็นเจ้าของโรงแรมที่ท่าขี้เหล็ก และตอนหลังเมื่อ 8-9 ปีที่แล้ว ได้มีโอกาสเข้ามาเข้ามาลึกซึ้งกับพระพุทธศาสนา จึงไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจที่ชายแดนแล้ว จึงขายธุรกิจที่ทำทั้งหมด แล้วเข้ามากรุงเทพฯ และมาเริ่มทำบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ ต่อมาก็ได้มาเรียน วปอ. เพื่อนร่วมรุ่น ส่วนใหญ่เป็น บิ๊กทหารและนักธุรกิจคนดัง หลังจากนั้นก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น ส.ว.
ทรัพย์สินหลักๆที่เขาขายในตอนนั้นคือ ขายหุ้นล้างพอร์ต บริษัท ยูไนเต็ด เพาเวอร์ ออฟ เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ UPA ไป 600 ล้านบาท ขายโรงแรม Allure Resort Hotel ท่าขี้เหล็ก ให้กับนักธุรกิจไทยรายหนึ่ง ในราคา 8,150,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือตีเป็นเงินไทยกว่า 251 ล้าน
ในการแจ้งบัญชีทรัพย์สิน ถือว่าเขามีทรัพย์สินอยู่ในอันดับต้นๆ ของสมาชิกทั้งหมด คือแจ้งไว้ 1,774,334,576 บาท
สำหรับกับ “เอ๋” ปารีณา นั้น เขายอมรับว่า ผิดพลาดในเรื่องชีวิตคู่ ซึ่งก็หย่ากันไปนานแล้ว ...ชีวิตเขา ก็คือชีวิตเขา ชีวิตผมก็คือชีวิตผม...ขอให้เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัว!!