xs
xsm
sm
md
lg

“อุปกิต” ขอความเป็นธรรมเพื่อนคนพม่าไม่เกี่ยวค้ายา-อาวุธ พ้อสื่อลากเอี่ยว “ปารีณา” ทั้งที่เลิกมานาน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ส.ว.อุปกิต” การันตีเพื่อนพม่าสนิทมา 20 ปี ไม่เอี่ยวยาเสพติด-ค้าอาวุธ แค่ทำธุรกิจขายไฟสุจริต แต่อาจถูกโยงปมโอนเงิน เคยทำธุรกิจชายแดนร่วมกัน แต่เลิกแล้วก่อนเป็น ส.ว.หันเข้าธรรมะ ขอความเป็นธรรมให้เพื่อน โอดถูกสื่อลากเอี่ยว “ปารีณา” ตลอดทั้งที่เลิกนานแล้ว

วันนี้ (22 ก.ย.) นายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวถึงกรณีที่มีชื่อเชื่อมโยงทางธุรกิจกับนายทุน มิน ลัต ซึ่งถูกระบุว่า เป็นนายหน้าค้าอาวุธให้กองทัพเมียนมา และถูกทางการไทยจับกุมด้วยข้อหายาเสพติดและฟอกเงิน ว่า ไม่มีอะไร นายทุน มิน ลัต เข้าไปทำธุรกิจค้าขายไฟ ระหว่างท่าขี้เหล็ก กับแม่สาย ซึ่งเป็นธุรกิจสุจริต โดยตนรู้จักกับบุคคลดังกล่าวมาเป็น 10 ปีแล้ว ยืนยันได้ เพราะเขาเป็นนักธุรกิจใหญ่ของเมียนมา มีความสนิทสนมกับผู้นำพม่าจริง ซึ่งตนกล้ารับประกันได้ว่าเขาไม่มีเรื่องยาสเพติด โดยเฉพาะตนและครอบครัว ไม่มีประวัติด่างพร้อย เราทำธุรกิจกันมาเป็น 10 ปีแล้ว ไม่เคยยุ่งเกี่ยวเรื่องอย่างนี้

“ข่าวที่ออกมา ผมเห็นแล้วก็ตกใจ เหมือนกับมาพาดพิงถึงผม จึงต้องมาตอบคำถามของสื่อมวลชนทั้งหมด ผมเคยเป็นเจ้าของโรงแรมที่ท่าขี้เหล็ก ไม่เคยปิดบัง ผมพูดมาตลอดว่าเคยเป็นเจ้าของโรงแรมนี้อยู่ฝั่งท่าขี้เหล็ก ทำธุรกิจมาด้วยความสุจริตตลอดไม่เคยไปยุ่งเกี่ยว หรือเกี่ยวข้องกับยาเสพติด สมัยก่อนไม่ใช่เป็นธุรกิจเดียวที่ผมทำก่อนที่จะมาเมืองไทย เมื่อก่อนผมเป็นข้าราชการอยู่กระทรวงต่างประเทศ แล้วลาออกตอนอายุ 30 กว่า ไปทำธุรกิจในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งโรงแรมเป็นหนึ่งในธุรกิจของผม และตอนหลัง 8-9 ปีที่แล้ว ผมเข้ามาลึกซึ้งกับพระพุทธศาสนา จึงไม่อยากไปยุ่งอะไรที่เกี่ยวกับชายแดนแล้ว ผมจึงเข้ามากรุงเทพฯ และมาเริ่มทำบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ และไม่เคยเหยียบขาเข้าไปเลย 8-9 ปี ผมมาเรียน วปอ. หลังจากนั้น ก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกวุฒิสภา"

นายอุปกิต กล่าวต่อว่า เมื่อตนได้รับการแต่งตั้งเป็น ส.ว.แล้ว ตนอยากเคลียร์ทุกอย่างไม่อยากเป็นมลทิน จึงได้ขายโรงแรมไป และไม่ได้ปิดบังอะไร มีการชี้แจงต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. และคนที่สงสัย เพราะไม่ได้มีอะไรที่ดำ หรือผิดปกติเลย โดยเฉพาะสมัยที่ตนยังเป็นเจ้าของโรงแรมอยู่ ตนเคร่งเรื่องยาเสพติด มีการใช้สุนัขดมไม่ให้คนขึ้นรถ เพราะทำธุรกิจชายแดนมันหมิ่นเหม่ แต่ตนก็เข้าใจ เพราะจากที่อ่านจากข่าวนายทุน มิน ลัต หลังจากที่ตนขายโรงแรมแล้ว เขาก็ยังอยากทำธุรกิจขายไฟต่อ จึงมาจดทะเบียนบริษัทในไทย ซึ่งปัญหาเกิดขึ้นตอนที่ด่านปิดเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว ซึ่งตนก็เคยร่วมทำธุรกิจไฟกับเขา โดยปกติตอนที่ด่านเปิด การไฟฟ้าพม่าจะเอาเงินสดมาให้เราที่โรงแรม แล้วเอาข้ามด่านมาธนาคารกสิกรไทย เพราะการไฟฟ้าภูมิภาคไม่รับเงินสด เนื่องจากไม่มีพนักงานนับเงิน และกลัวธนบัตรปลอม และชายแดนใช้เงินบาท เราจึงเอาเงินเข้าแบงก์เพื่อออกเป็นแคชเชียร์เช็ค จ่ายให้กับการไฟฟ้า ซึ่งเป็นอย่างนี้มาหลายปีจนด่านปิด ก็เกิดปัญหา เพราะตนก็เลิกธุรกิจหมดแล้ว แต่นายทุน มิน ลัต รับทำต่อ เขาไม่รู้ว่าจะเอาเงินมาจ่ายให้การไฟฟ้าอย่างไร จึงฝากคนโอน

“ในกรณีนี้อาจจะไปเกี่ยวพันกับคนส่ง ยกตัวอย่างกรณีมีร้านอาหาร วันดีคืนดีมีพ่อค้ายาเสพติดมาทานข้าว แล้วเอาเงินขายยามาจ่าย อย่างนี้ต้องมาจับเจ้าของร้านด้วยหรือไม่ เขาจะรู้หรือไม่ จึงต้องให้ความเป็นธรรม ว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับคนพม่า คนที่ใกล้ชิดกับผู้นำ คนที่สถานทูตเขารับประกัน ว่า ไม่มีประวัติด่างพร้อย อายุตั้ง 50 กว่าแล้ว เพราะถ้าทำเรื่องยา ก็ต้องมีประวัติอยู่แล้ว แต่เรื่องนี้ไม่มีลิงก์เกี่ยวกับยาเลย มีแต่เรื่องโอนเงินเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่ทั้งหมด ซึ่งตนอ่านพบอีกว่าเป็นพ่อค้าอาวุธกลายเป็นยักษ์เป็นมาร ทั้งที่เขาเป็นตัวแทนประเทศอิสราเอล ในการขายยุทโธปกรณ์ เท่าที่ทราบ เขาเป็นตัวแทนอย่างถูกต้อง ขายให้รัฐบาลพม่า นี่คือ ธุรกิจที่เขาทำ และเขาจะมาปักหลักทำธุรกิจไฟฟ้าที่เมืองไทย เขามีเงินทองและทรัพย์สินที่โอนมาจากต่างประเทศ สามารถพิสูจน์ที่มาที่ไปทั้งหมดได้ และเขาเพิ่งซื้อคอนโด เพราะเตรียมที่จะมาอยู่ไทย ตอนนี้ก็โดนยึดหมด คิดว่าเป็นเรื่องของคดีที่เขาต้องพิสูจน์กับศาล”

นายอุปกิต กล่าวยืนยันว่า ตนได้ติดต่อกับนายทุน มิน ลัต มาตลอด เพราะรู้จักกันมา 20 กว่าปี ยืนยันว่า ไม่ได้ขายอาวุธเถื่อนและไม่ยุ่งเกี่ยวยาเสพติดแน่นอน แต่ไม่มั่นใจเรื่องความเชื่อมโยงระบบโอนเงิน

เมื่อถามว่า ได้พูดคุยกับ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา หรือยัง นายอุปกิต กล่าวว่ ายังไม่ได้คุยกัน เพราะเป็นเรื่องกะทันหัน และช่วงนี้ปิดสมัยประชุม ความจริงตนต้องไปต่างประเทศกับคณะกรรมาธิการ อย่างไรก็ตาม ตนพร้อมที่จะคุยกับทุกคน เพราะรู้จักตนดี ยืนยันว่า ตนไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร และไม่ได้กังวลใจ ไม่เช่นนั้น คงไม่ได้มาคุยกับสื่อมวลชน แต่ก็เห็นใจผู้ที่ถูกกล่าวหา ควรจะได้รับความยุติธรรม

“ผมขอพูดเรื่องส่วนตัวนิดนึง ผมโดนว่ามาตลอดว่า ผมเป็นเหมือนกับเจ้าพ่อ ก็ไม่ทราบว่า ทำไมต้องมาเขียนถึงผมตลอดเวลา ผมก็ผิดพลาดในเรื่องชีวิตคู่บ้าง ขอถามจริงๆ ต้องซ้ำเติมมั้ย แต่ผมก็ไม่เคยตอบโต้ เขาจะว่าอะไรก็ว่าไป และสื่อก็เขียนมาตลอด ทั้งที่ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต ส.ส.ราชบุรี พลังประชารัฐ ก็หย่ากับผมไปนานแล้ว ซึ่งจริงๆ แล้ว ชีวิตเขาก็คือชีวิตเขา ชีวิตผมก็คือชีวิตผม แม้กระทั่งเขา ผมก็ไม่เคยตอบโต้อะไรเลย เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัว” นายอุปกิต กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ


กำลังโหลดความคิดเห็น