กระทรวงวัฒนธรรมจัดทำจดหมายเหตุการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทย บันทึกลำดับเหตุการณ์สำคัญ บอกเล่าความร่วมมือร่วมใจของคนไทยจนสามารถผ่านวิกฤตครั้งใหญ่
วันนี้ (24 ก.ย.) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. เมื่อวันที่ 23 ก.ย. 65 ซึ่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน กระทรวงวัฒนธรรมได้รายงานถึงความคืบหน้าการจัดทำจดหมายเหตุการแพร่ระบาดโควิด-19 ในประเทศไทย ซึ่งได้บันทึกลำดับเหตุการณ์สำคัญ นโยบาย ตลอดจนมาตรการต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั้งหมด เพื่อเป็นข้อมูลให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา และเป็นองค์ความรู้และการดูแลจัดการกรณีเกิดสถานการณ์ลักษณะเดียวกันขึ้นในอนาคต
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า คณะทำงานของกระทรวงวัฒนธรรมได้รวบรวม สืบค้นข้อมูลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 63 - 31 ก.ค. 65 จากแหล่งข้อมูลต่างๆ ประกอบด้วย แหล่งข้อมูลหนังสือพิมพ์ออนไลน์ จำนวน 11,574 แฟ้ม, เอกสารดิจิทัลจากเว็บไซต์หน่วยงาน จำนวน 12,858 แฟ้ม, ขอข้อมูลเอกสารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ระดับกระทรวงและจังหวัดจำนวน 30 หน่วยงาน รวมเอกสาร 13,108 รายการ, เอกสารจากผู้ว่าราชการ 73 จังหวัด รวม 1,839 รายการ และ รวบรวมภาพถ่ายจากเหตุการณ์สำคัญที่เกี่ยวข้อง 2,734 รายการ
ทั้งหมดจะถูกรียบเรียงเป็นเนื้อหาซึ่งมีเค้าโครงเบื้องต้น ดังนี้ 1) ความเป็นมาของโรคโควิด-19 ซึ่งเป็นการนำเสนอข้อมูลเชิงวิชาการ การแพร่ระบาดของสายพันธุ์ต่างๆ 2) ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งนำเสนอทั้งผลกระทบด้านสาธารณสุข เศรษฐกิจ การศึกษา สังคม วัฒนธรรมตลอดจนการดำเนินชีวิตวิถีใหม่ (new normal)
3) การบริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19 นำเสนอในมิติการบริหารจัดการ การป้องกัน การกำหนดมาตรการ แก้ไข เยียวยา ฟื้นฟูทั้งภาคประชาชน ผู้ประกอบการผ่านมาตรการสำคัญต่างๆ 4) ลำดับเหตุการณ์สำคัญ นำเสนอการแพร่ระบาดในแต่ละระลอก และ 5) สรุปบทเรียนประเทศจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19
“ท่านรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานในที่ประชุม ศบค. ได้มีข้อสั่งการให้คณะทำงานของกระทรวงวัฒนธรรมพิจารณาเพิ่มเนื้อหาในส่วนที่สะท้อนถึงความร่วมมือของคนไทย ทั้งการบูรณาการร่วมกันทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม เป็นการบันทึกไว้ให้คนรุ่นหลังเห็นว่าด้วยความร่วมมือของคนไทยประเทศจึงสามารถผ่านวิกฤตครั้งใหญ่นี้มาได้” น.ส.ไตรศุลี กล่าว
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรม รายงานว่า การเรียบเรียงเนื้อหาชั้นแรกจะแล้วเสร็จภายในเดือน ธ.ค. 65 จากนั้นจะมีการปรับแก้เค้าโครงและเนื้อหาให้สอดคล้องกับความเห็นของคณะกรรมการและเอกสารที่ได้รับ ต่อด้วยการตรวจแก้ไขโดยผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ทรงคุณวุฒิตามขั้นตอนเสร็จสิ้นภายใน มิ.ย. 66 จากนั้นดำเนินการตามขั้นตอนทางทะเบียนเพื่อนำเข้าระบบเอกสารจดหมายเหตุของประเทศต่อไป