xs
xsm
sm
md
lg

“สยบกุข่าว”! เฉลยแล้ว ทำไม “ในหลวง” ไม่เสด็จฯ เยือน สหราชอาณาจักร ที่แท้ควีนเอลิซาเบธ ติดรูปพระเจ้าจอร์จ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล,
“ดร.นิว” สยบ “สามศาสดาสามนิ้ว” กุข่าว พร้อมเฉลย เหตุ “ในหลวง” ไม่เสด็จฯเยือน สหราชอาณาจักร โต้ “สลิ่ม” ควีนอลิซาเบธ ไม่ได้ติดเข็มกลัด ร.5 กับ ร.9 แต่ติดรูปพระเจ้าจอร์จ “ปู-แม้ว” ใช้ “ปีนัง” แก้คิดถึงบ้าน

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (22 ก.ย. 65) เพจเฟซบุ๊ก The METTAD โพสต์ข้อความระบุว่า “สามเกลอ”

โดยแชร์ เพจเฟซบุ๊ก Suphanat Aphinyan ของ ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ ดร.นิว นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ระบุว่า

“เมื่อสามศาสดาใหญ่สามนิ้วช่วยขยายผล ก็ถึงเวลาต้องเฉลยคำตอบสุดท้าย ทำไมจึงทรงไม่เสด็จฯ เยือนสหราชอาณาจักร เพื่อร่วมพระราชพิธีพระบรมศพสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ?

การออกมาวิเคราะห์อย่างบิดเบือนให้ร้ายของลุงสุรชัยในตอนต้น กล่าวหาว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของไทย ไม่ได้รับเชิญให้ร่วมพระราชพิธีพระบรมศพสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ได้แสดงถึงความกักขฬะต่ำตมและไร้ซึ่งวุฒิภาวะใดๆ เป็นอย่างยิ่ง

ทั้งๆ ที่ความเป็นจริง ทางกระทรวงการต่างประเทศและการพัฒนาแห่งสหราชอาณาจักร หรือ Foreign, Commonwealth & Development Office (FCDO) ได้ส่งเอกสารเทียบเชิญไปยังสถานเอกอัครราชทูตของประเทศทั่วโลกตามระดับความสัมพันธ์ที่แตกต่างกัน

ปรากฏว่า ประเทศไทยของเรา ถูกจัดอยู่ในกลุ่มที่ได้รับการเทียบเชิญเดียวกันกับ บาห์เรน, ภูฏาน, กัมพูชา, ญี่ปุ่น, จอร์แดน, คูเวต, ลิกเตนสไตน์, ลักเซมเบิร์ก, โมนาโก, โมร็อกโก, นอร์เวย์, โอมาน, กาตาร์, ซาอุดีอาระเบีย, สวีเดน, ไทย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

จึงนับได้ว่า ลุงสุรชัยสอบตกอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งในแง่ของความเป็นนักวิชาการและนักการทูตในอดีต จนกลายเป็นเพียงแค่บุคคลที่สามารถโกหกบิดเบือนให้ร้ายแบบมั่วๆ เท่านั้น ไม่ต่างจากสมศักดิ์เจียมที่คิดเองเออเอง แล้วกุข่าวลือจากการมโนไปเรื่อยเปื่อย

จากการที่ได้อธิบายในบทความแรก ประเทศที่ประมุขหรือผู้นำสูงสุดมาร่วมเอง “ส่วนใหญ่” มักจะเป็นประเทศที่เคยตกเป็นเมืองขึ้นในอดีตหรือเครือจักรภพในปัจจุบัน รวมถึงสถาบันพระมหากษัตริย์หลายประเทศในยุโรป ที่มีความสัมพันธ์ทางเครือญาติมาแต่เก่าก่อน

แม้กลุ่มข้างต้นจะเป็นกลุ่มใหญ่ แต่ก็ไม่ใช่เช่นนั้นทั้งหมด ยกตัวอย่าง เช่น กลุ่มของประเทศไทยที่ได้รับเทียบเชิญจาก FCDO มีลักษณะเป็นทางเลือก โดยทางประมุขแห่งรัฐที่เป็นพระมหากษัตริย์จะเสด็จฯ มาเอง หรือส่งเอกอัครราชทูตมาร่วมแทนก็ได้

เมื่อพิจารณาจากเงื่อนไขของการเทียบเชิญในข้างต้น นับได้ว่า ประเทศไทยก็ได้ปฏิบัติตามกรอบของการเทียบเชิญเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยที่ไม่ได้เป็นปัญหากับทาง สหราชอาณาจักรแต่อย่างใด แต่กลับมีกลุ่มผู้ไม่หวังดีคอยกุข่าวเล่าความเท็จไปต่างๆ นานา

ไม่ได้คำนึงถึงปัจจัยหนึ่งที่สำคัญที่สุด พระราชพิธีพระบรมศพสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ในครั้งนี้ ไม่ได้เป็นไปอย่างเสรี หากแต่มีการเมืองโลกเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน จนทำให้มีการแบนรัสเซียจากพระราชพิธี

ดังนั้น ท่าทีในการแสดงความไว้อาลัยของสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ จึงต้องถนอมน้ำใจของทั้งสองขั้ว เป็นที่มาของการแสดงออกหลากหลายรูปแบบภายในประเทศ แต่เลือกที่จะส่งเอกอัครราชทูตเป็นตัวแทนในต่างประเทศ

เมื่อประเทศไทยไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้น จึงไม่ถูกบังคับโดยธรรมเนียมปฏิบัติที่ประมุขสมควรต้องเดินทางมาเอง เมื่อสามารถเลือกได้ ก็ต้องเลือกจุดสมดุลที่ดีที่สุด เพราะทั้งสหราชอาณาจักรกับรัสเซียต่างก็เป็นมหามิตรและมีความสัมพันธ์อันดีมาอย่างยาวนานทั้งคู่

งานนี้คงต้องขอบคุณสมศักดิ์เจียมที่อุตส่าห์ช่วยนำเอกสารตัวจริงไปเผยแพร่ต่อ ลุงสุรชัยที่ยอมรับว่า มีการเชิญจริงๆ และแอนดรูที่อุตส่าห์เช็กจากทูตระดับสูงของทางสหราชอาณาจักรหลายท่าน แล้วชี้ชัดว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของไทยได้รับเชิญจริงๆ

นำไปสู่บทสรุปสุดท้าย ทำไมจึงทรงแสดงความไว้อาลัยผ่านหลากหลายรูปแบบของพิธีการภายในประเทศ และส่งเอกอัครราชทูตไปร่วมงานแทนพระองค์ในต่างประเทศ ทั้งหมดก็เพื่อรักษาสมดุลสัมพันธไมตรีระหว่างไทย-สหราชอาณาจักร กับสัมพันธไมตรีระหว่างไทย-รัสเซีย นั่นเอง

เนื่องด้วยวันนี้ เป็น “วันสันติภาพโลก” ขององค์การสหประชาชาติ (UN) ซึ่งตรงกับวันที่ 21 กันยายนของทุกปี ข้าพระพุทธเจ้าจึงขอใช้โอกาสนี้แสดงความเลื่อมใสในพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในฐานะที่ทรงเป็นสุดยอดผู้นำนักประสานประโยชน์ ทรงวางพระองค์ได้อย่างเหมาะสม สามารถรักษาดุลยภาพของสัมพันธไมตรีระหว่างไทย-สหราชอาณาจักร กับสัมพันธไมตรีระหว่างไทย-รัสเซีย ในครั้งนี้ได้อย่างแหลมคม”

ภาพ Queen Elizabeth ที่ 2 ติดเข็มกลัดรูปพระเจ้าจอร์จ ขอบคุณข้อมูล-ภาพจากเพจเฟซบุ๊ก การเมืองไทย
ขณะเดียวกัน เพจเฟซบุ๊ก การเมืองไทย ในกะลา โพสต์ข้อความระบุว่า “เป็นตุเป็นตะเลยอ่ะหลิ่ม 😂😂😂”

พร้อมแชร์ข้อมูลจาก CatDumb ระบุว่า

“ข่าวปลอม! ควีนอลิซาเบธ ไม่ได้ติดเข็มกลัด ร.5 กับ ร.9 แต่ติดรูปพระเจ้าจอร์จ

ตอนนี้มีชาวเน็ตหลายคนที่แชร์พระบรมฉายาลักษณ์ของ Queen Elizabeth ที่ 2 พร้อมกับข้อความบอกประมาณว่า “พระองค์ทรงเข็มกลัดพระรูปล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 9” เป็นจำนวนมาก

ล่าสุด ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ ได้ออกมาชี้แจงผ่านแฟนเพจ อ๋อ มันเป็นอย่างนี้เอง by อาจารย์เจษฎ์ ว่า

ข้อความดังกล่าวไม่เป็นความจริง
ที่แท้พระองค์ติดเข็มกลัดพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระอัยกา พระเจ้าจอร์จที่ 5 และสมเด็จพระราชบิดา พระเจ้าจอร์จที่ 6
นอกจากนี้ ในโพสต์ของ ดร.เจษฎา ยังมีลิงก์ต้นฉบับของภาพดังกล่าวด้วย ซึ่งเมื่อซูมดูชัดๆ แล้วภาพเข็มกลัดที่ว่าก็ไม่ใช่รัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 9 จริงๆ ด้วย
ภาพดังกล่าว: https://www.artsy.net/.../terry-oneill-hm-queen-elizabeth...
เรียบเรียงโดย #เหมียวเวจจี้”

ภาพ น.ส.ยิ่งลักษณ์ - ทักษิณ ชินวัตร เที่ยว “ปีนัง” ขอบคุณข้อมูลภาพจากเพจเฟซบุ๊ก Yingluck Shinawatra
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน “ปู” น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ภาพ พร้อม ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Yingluck Shinawatra ระบุว่า

“มาปีนังเป็นครั้งที่สอง หลังจากไม่ได้มานาน มาตามหาความทรงจำเก่ากับพี่ชาย เมืองที่นี่เปลี่ยนไปเยอะ ดูบรรยากาศคล้ายภูเก็ตบ้านเราเลย คิดถึงค่ะ อาหารการกินก็คล้ายกัน และที่แปลกขึ้นคือเมืองเขามักจะมีจุดถ่ายรูปตามทางเดิน หรือร้านค้า เพื่อให้คนถ่ายรูปเก็บเป็นภาพความทรงจำ อยากให้เมืองท่องเที่ยวของเราได้ปรับปรุงเพิ่มเติมเพื่อให้มีจุดจดจำและถ่ายภาพประทับใจมากขึ้น เวลาใครไปถ่ายภาพคนก็จะนึกถึงและจำได้ถือเป็นการประชาสัมพันธ์ ไปในตัวแบบเบาๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคหลังโควิดที่คนนิยมท่องเที่ยวตามเทรนด์โซเชียลมีเดียเพื่อถ่ายภาพเช็กอินค่ะ และจากนั้นดิฉันกับพี่ชายก็เลยถือโอกาสแวะไปหาขนมโบราณเก่าๆ ทาน ก็ทำให้หายคิดถึงบ้านเราไปบ้าง ยังไงช่วงนี้ทุกท่านก็โปรดดูแลรักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ”

ภาพ ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ เที่ยว “ปีนัง” ขอบคุณข้อมูลภาพจากเพจเฟซบุ๊ก Yingluck Shinawatra
แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจอยู่ที่ความพยายามสร้างข่าว หรือ กระแสข่าว ของ “สองขั้วขัดแย้ง” ที่มีความเห็นต่างในเรื่องของสถาบันฯ จนบางครั้งเลยเถิดไปกันใหญ่ ถึงขั้นกุข่าว สร้างข่าวปลอม เพื่อให้สาวก หรือ พวกเดียวกันแชร์ในกลุ่ม ในขบวนการ และขยายผลทางการเมือง

ทำให้สาธารณชน ประชาชนที่เข้าไม่ถึงข้อเท็จจริง หรือข้อมูลที่เป็นจริง หลงเชื่อ เข้าใจผิด รวมทั้งหนักเข้า อาจตกเป็นทาสทางความคิด ความเชื่อไปในที่สุด

นี่คือ ข้อเสียของสื่อออนไลน์ หรือ โลกโซเชียล ที่นับวันกระแสข่าวปล่อย ข่าวปลอม ข่าวลือ จะมากขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะข่าวลือ ข่าวปล่อย ที่ “จงใจ” สร้างผลกระทบกับ “เป้าหมาย” ที่ยากตรวจสอบข้อมูล ว่าอะไรจริง อะไรเท็จ จนบางครั้ง กว่าจะแก้ข่าวได้ ก็กลายเป็น “ความเชื่อ” ในวงกว้างไปแล้ว

อาจด้วยเหตุนี้หรือไม่ ยิ่งการสร้างข่าว กุข่าว ที่เป็นการบิดเบือนให้ร้ายสถาบันฯ ก็ยิ่งให้น้ำหนักกับการที่ต้องมี “ม.112” และไม่อาจยกเลิกได้ วิญญูชนย่อมเข้าใจในสิ่งจำเป็น!?


กำลังโหลดความคิดเห็น