“แรมโบ้” ตอกกลับ “หมอชลน่าน” อย่าคิดไปก่อนศาลตัดสิน รีบเสนอผู้ท้าชิงนายกฯ แนะควรเปลี่ยนชื่อพรรคเพื่อไทย เป็นพรรคฝันค้าง หรือพรรคฝันกลางวัน จะดีกว่า อยากมีอำนาจเป็นรัฐบาลจนตัวสั่น เพราะคงมีนโยบายเป้าหมายเร่งด่วนจะรีบพาทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ กลับบ้านฟอกคดีโกง ตามบัญชาหัวหน้าครอบครัวและนายใหญ่นายหญิง
วันนี้ (22 ก.ย.) นายเสกสกล อัตถาวงศ์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เปิดแผนการเมือง หากนายกฯประยุทธ์พ้นตำแหน่ง จะส่ง นายชัยเกษม นิติศิริ ชิงนายกฯ และไม่จับมือกับพรรคพลังประชารัฐ พร้อมมองหากนายกฯ ประยุทธ์ อยู่ต่อ ลากเข้าสู่วิกฤตขัดแย้งยิ่งกว่าม็อบลงถนน โดย นายเสกสกล ชี้แจงกลับว่า ขอให้ นพ.ชลน่าน อย่าคิดไปก่อนว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัย พล.อ.ประยุทธ์ ไปในทิศทางใด และยังไม่ต้องรีบออกมาเสนอตัวผู้ท้าชิงนายกฯ คนใหม่
เพราะใครๆ เขาก็รู้อยู่แล้วว่าชื่อของนายชัยเกษม เป็นรายชื่อบัญชีของพรรคที่เหลือเพียงชื่อเดียว ทั้งนี้ ต้องขอให้รอฟังศาลก่อนค่อยออกมาพูดก็ได้ ประชาชนจะได้ไม่สับสน อย่ามโนเองตัดสินเอง ระวังจะเข้าข่ายก้าวล่วงศาล อาจมีความผิดได้ ใจร้อนรีบรนอยากมีอำนาจอยากเป็นรัฐบาลกลัวจะช่วยนายใหญ่นายหญิงกลับมาฟอกความผิดฟอกคดีโกงไม่ได้หรืออย่างไร จึงรีบออกมาพูดโดยไม่เกรงกลัว เกรงใจ คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
นายเสกสกล ยังระบุว่า และการที่ นพ.ชลน่าน บอกไม่จับมือกับพรรคพลังประชารัฐนั้น ตนเองก็มองว่าพรรคพลังประชารัฐก็คงไม่อยากจับมือกับพรรคเพื่อไทยอย่างแน่นอน เพราะอุดมการณ์ของพรรคพลังประชารัฐคงไม่ใช่อยากจะช่วยนายทักษิณ หรือนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พ้นผิดกลับบ้าน คงมีแต่พรรคเพื่อไทยเท่านั้นที่เอาลูกสาวคนหนีคดีโกงมาเป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อมีนโยบายเอาคนทำผิดกฎหมายกลับมาฟอกคดี ล้างความผิด ประชาชนทั้งประเทศรู้ทันพรรคเพื่อไทยหมดแล้ว
“ผมอยากจะบอกหมอชลน่าน ว่า อย่าเพิ่งฝันหวานหรือฝันกลางวัน ไปเลย ว่า นายชัยเกษม จะได้เป็นนายกฯ หรือพรรคเพื่อไทยจะได้เป็นรัฐบาล ขอให้รอศาลวินิจฉัยก่อน อาจจะไม่เป็นอย่างที่หมอชลน่านฝันหวานก็ได้ ใจจริงตนอยากเป็นชื่อพรรคให้ใหม่ จากพรรคเพื่อไทย เป็น “พรรคเพื่อคนฝันค้าง” หรือ “พรรคเพื่อคนฝันกลางวัน” ชื่ออย่างนี้จะเหมาะสมกว่าไหม
และที่ออกมาประเมินว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ต่ออีก 2 ปี หรืออีก 4 ปี กระแสต่อต้านจะลุกลามมากหลายรูปแบบนั้น ตนเองยืนยันว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์ สามารถไปต่อได้นั้น ไม่ได้ทำผิดกฎหมายอะไร ที่ผ่านมา ยังสามารถทำงานให้กับบ้านเมืองและดูแลประชาชนได้เป็นอย่างดี ซึ่งต่างจากพรรคเพื่อไทย หรือกลุ่มที่เห็นต่างก็ต้องยอมรับในกติกา ไม่ใช่ไม่พอใจหรือตัวเองไม่ได้ประโยชน์อะไรดั่งใจ ก็ออกมาเคลื่อนไหวไม่ยอมรับกติกา ทำบ้านเมืองเดือดร้อนวุ่นวายไม่จบไม่สิ้น
ดังนั้น วิกฤตของบ้านเมืองที่เกิดขึ้น จึงไม่ใช่เกิดจาก พล.อ.ประยุทธ์ หรือรัฐบาลอย่างแน่นอน แต่จะเกิดขึ้นเพราะกลุ่มที่ไม่ยอมรับกติกาอะไรเลย รวมถึงกลุ่มคนหรือพรรคการเมืองที่สูญเสียอำนาจ ปล่อยให้นายโทนี่ ทักษิณ และสมุนออกมาพูดให้เกิดความสับสน รวมถึงพรรคเพื่อไทยที่ไม่ยอมรับกติกาบ้านเมือง คิดอยากแต่จะกลับมามีอำนาจรัฐ เพื่อหวังประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง เอาใจนายใหญ่นายหญิงอย่างนั้นมากกว่าใช่ไหม” นายเสกสกล กล่าว