xs
xsm
sm
md
lg

โต้เปรียบเทียบโยงมั่วๆ..“ชูวิทย์” หวนคิดถึงคดีจำนำข้าว เทียบคดีโรงพัก “สมเกียรติ” ซัด “ธนาธร” กล่าวหาไม่จริง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เปรียบเทียบความเหมือนและความต่าง ขอบคุณข้อมูล-ภาพจากเพจเฟซบุ๊ก ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์
“ชูวิทย์” หวนคิดถึงคดีจำนำข้าว เทียบคดีโรงพัก หลังศาลยกฟ้อง “สุเทพ” และพวก “สันติสุข” โต้แหลกเปรียบเทียบมั่วๆ โยงมั่วๆ “สมเกียรติ” ตอกกลับ “ธนาธร” พูดไม่จริงสักเรื่อง กรณีแจงปมเปลี่ยนตัว “โตโต้” ลงแทน
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (21 ก.ย. 65) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ระบุว่า

“คดีโรงพัก กับ คดีจำนำข้าว ความเหมือนที่แตกต่าง

ศาลมีคำพิพากษายกฟ้องคุณสุเทพ

เพราะเห็นว่า เป็นเพียงรองนายกฯ ผู้กำกับดูแลนโยบาย

ครม.อนุมัติโครงการนี้เพียงหลักการเฉพาะเรื่อง “เปลี่ยนรูปแบบการลงทุน”

ส่วนวิธีการจัดจ้าง เป็นเรื่องของหัวหน้าส่วนราชการเป็นผู้ให้ความเห็นชอบ

อีกทั้ง คุณสุเทพ มีหน้าที่เพียง “กำกับดูแลนโยบาย” โดยทั่วไป การเซ็นอนุมัติรวมสัญญาตามที่ สตช. เสนอมาก็ไม่ต้องผ่าน ครม.

สรุปยกฟ้อง ไม่ผิด ม.157

ส่วนจำเลยอื่นไม่ปรากฏว่าใช้อำนาจครอบงำสั่งการให้เสนอขอเปลี่ยนแปลงวิธีจัดจ้าง หรือมีวิธีการที่มิชอบอื่นๆ

เมื่อคำพิพากษามาเป็นแบบนี้ ก็ต้องยอมรับ

เพียงแต่ทำให้ผมหวนคิดถึง “คดีจำนำข้าว” ของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เป็นผู้ “กำกับดูแลนโยบาย” เช่นกัน

แค่คิดเปรียบเทียบเท่านั้น เพราะผมเป็นคนโง่เขลาเบาปัญญา ไม่ได้รู้เรื่องกฎหมายอะไรลึกซึ้ง

อย่าคิดว่า ผมไปเข้าข้างใคร บาปกรรมตาย

ระหว่าง คดีโรงพัก กับ คดีจำนำข้าว

คดีหนึ่งไม่พบหลักฐานการทุจริต อีกคดีหนึ่งพบหลักฐานการทุจริต

แต่ก็เป็นเพียงผู้กำกับดูแลนโยบาย และไม่พบว่าใช้อำนาจครอบงำสั่งการให้มีการทุจริตเหมือนกัน

ผมหมายถึงระดับ นายกฯ และรองนายกฯ นะครับ

แม้ความเสียหายจะมีตัวเลขที่แตกต่างกัน

แต่จะเสียหายเงินหลวง บาทนึง หรือเป็นหมื่นล้าน

ผิดคือผิด ถูกคือถูก

ประชาชนอย่างผมก็คิดได้เท่านี้

มิน่าเล่า ผมถึงไม่รุ่งทางการเมืองเหมือนคนอื่นเขา”

ขณะเดียวกัน เพจเฟซบุ๊ก ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ ได้แชร์ เพจเฟซบุ๊ก สันติสุข มะโรงศรี ระบุว่า

“มีคนพยายามเอาคดีกำนันสุเทพ ไปเทียบคดียิ่งลักษณ์
อ้างว่า ระดับกำกับดูแลเหมือนกัน แต่ยิ่งลักษณ์กลับไม่รอด สุเทพรอด
เปรียบเทียบมั่วๆ โยงมั่วๆ
1. ยิ่งลักษณ์ไม่รอด เพราะไม่ระงับยับยั้งการขายข้าวจีทูเจี๊ยะ นางรับรู้ยุทธศาสตร์การขายข้าวจีทูจี จาก รมต.พาณิชย์ โดยตรงก่อนหน้านั้นด้วยนะ แล้วในสภาอภิปรายแฉชัดเจน  สตง.ก็เตือน ถ้ารู้แล้วระงับยับยั้งเสียตอนนั้น ยังส่งมอบข้าวกันไม่หมดเลย แต่นางก็ไม่ (ศาลยังยกประโยชน์เรื่องข้าวถุง นางรู้ แล้วยังยกเลิกตอนท้าย)
2. สุเทพรอด เพราะ สตช.เปลี่ยนรูปแบบวิธีการจัดจ้างสร้างโรงพัก 6,200 ล้าน เป็นอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบของหน่วยงาน ไม่ต้องเสนอ ครม. แล้วก็ประมูลได้ต่ำกว่าราคากลาง 540 ล้าน ไม่พบการเรียกรับเงิน ไม่พบการฮั้วประมูล แถมมีการบิดราคาแข่งกันหลายครั้ง ทำสัญญากันปี 52 ส่วนที่มีการอภิปรายในสภากันน่ะ นั่นมันปี 55 ยุครัฐบาลเพื่อไทย ภายหลังจากการก่อสร้างไม่เป็นไปตามสัญญา ปัญหาอยู่ที่การติดตามควบคุมการก่อสร้างให้เป็นไปตามสัญญาต่างหาก
แม้จะเกลียดใครยังไง เมื่อไม่มีหลักฐานเอาผิดเขา แล้วเขายืนหยัดพิสูจน์ตัวเองในศาล ไม่หนีคดีไปไหน ถ้าเป็นลูกผู้ชายหรือวิญญูชน ก็ต้องยอมรับ ไม่ใช่ยังพยายามบิดเบือนโจมตีเพื่อให้สังคมเข้าใจผิด”

ภาพ นายสมเกียรติ ถนอมสินธุ์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล ขอบคุณข้อมูล-ภาพจากเพจเฟซบุ๊ก สมเกียรติ ถนอมสินธุ์ - ส.ส.เป้ เขตบางนาและเขตพระโขนง
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน นายสมเกียรติ ถนอมสินธุ์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก สมเกียรติ ถนอมสินธุ์ - ส.ส.เป้ เขตบางนาและเขตพระโขนง ระบุว่า

“จากที่ คุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ กล่าวถึงประเด็นผม และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตบางนา-พระโขนง จากพรรคก้าวไกลในสมัยหน้านั้น

ผมขอชี้แจงว่า ทาง คุณธนาธร ได้โทร.มาสอบถามผมในช่วงตอนพรรคอนาคตใหม่ จะถูกยุบหรือถูกยุบแล้ว (จำไม่ได้ ไม่แน่ใจแต่อยู่ในช่วงนั้น) เพียง 1 ครั้ง ว่าจะไปต่อ กับพรรคไหม

ผมก็ตอบกลับไปว่า ผมขอดูก่อนว่าใครจะมาเป็นหัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรค ในพรรคใหม่

ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมควรรู้ถึงอนาคตของตัวเองและความเป็นไปของพรรคใหม่ที่จะไปอยู่ต่อด้วย

ส่วนที่ คุณธนาธร ระบุว่า เรามีการพูดคุยกันหลายครั้ง ขอชี้แจงว่าในช่วงนั้น ผมและคุณธนาธร ได้พูดคุยกันแค่ครั้งเดียวครั้งนั้นเท่านั้น

และหลังจากนั้น ผมก็เข้าเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกล พร้อมกับเพื่อนๆ อดีต ส.ส.พรรคอนาคตใหม่

ส่วนที่กล่าวหาว่าผม เหยียดหยามน้ำใจแกนนำพรรคอนาคตใหม่ นั้น ขอชี้แจงว่า ผมไม่เคยพูดทำนองนั้นเลย

สุดท้ายการที่ผมไปต่อกับพรรคก้าวไกล และทำงานโดยให้ความร่วมมือกับพรรคมาตลอด งานในสภาก็ไม่เคยโหวตสวนมติพรรคเลย งานพื้นที่ก็ทำงานแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียน ได้สำเร็จหลายๆ เรื่อง ลงพื้นที่บรรเทาความเดือดร้อนในเขตบางนา-พระโขนง สม่ำเสมอ

สิ่งที่ผมทำ ผมเชื่อว่า ผมเป็นผู้แทนราษฎร ที่ไม่ได้ทรยศต่อความไว้วางใจที่ประชาชนเขตบางนา-พระโขนง มอบให้ครับ

ภาพ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จากแฟ้ม
ทั้งนี้ วานนี้ (20 ก.ย. 65) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊ก Thanathorn Juangroongruangkit - ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ระบุว่า

“ว่าด้วยกรณีการเปลี่ยนตัวผู้สมัคร ส.ส.บางนา-พระโขนง ของพรรคก้าวไกล

ก่อนอื่นผมต้องยืนยันว่า ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับกระบวนการคัดเลือกผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคก้าวไกล แต่ในฐานะอดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ผมได้เคยพูดคุยกับคุณสมเกียรติ ถนอมสินธุ์ ส.ส.บางนา พรรคก้าวไกล ในหลายโอกาส หลายวาระ

ในสมัยพรรคอนาคตใหม่ ยังไม่ถูกยุบ ผมพยายามสนับสนุนการทำงานของคุณสมเกียรติเสมอ แต่เมื่อพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ ส.ส. ที่เหลืออยู่ส่วนใหญ่ได้แสดงเจตจำนงชัดเจนว่าเต็มใจย้ายไปพรรคก้าวไกล เพื่อสานต่ออุดมการณ์อนาคตใหม่ โดยไม่มีการเรียกร้องใดๆ เหลือเพียง ส.ส. ไม่กี่คนที่ยังลังเล ไม่ตัดสินใจ หนึ่งในนั้นคือ คุณสมเกียรติ ถนอมสินธุ์

ผมในฐานะอดีตหัวหน้าพรรค และคนบางนา จึงได้รับอาสาไปสอบถามคุณสมเกียรติ ว่า จะเดินทางไปต่อกับพรรคก้าวไกลหรือไม่ เรามีการพูดคุยกันหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้รับคำตอบจากคุณสมเกียรติ มิหนำซ้ำ คุณสมเกียรติ ยังกล่าวเหยียดหยามน้ำใจของอดีตแกนนำพรรคอนาคตใหม่ และตั้งแง่กับการทำงานต่อไปกับพรรคก้าวไกล

หลังจากนั้น ผมจึงไม่ได้ติดต่อกับคุณสมเกียรติอีก และได้ทราบจากรายงานของสื่อมวลชนว่า คุณสมเกียรติ อาจจะย้ายไปร่วมกับพรรคการเมืองฝั่งรัฐบาล แต่ผมไม่ทราบว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร และสุดท้ายคุณสมเกียรติก็ตัดสินใจเข้าร่วมกับพรรคก้าวไกล ซึ่งจะเป็นเพราะเหตุผลอะไรนั้น ผมไม่อาจทราบได้

ผมเชื่อว่า กรรมการบริหารพรรคก้าวไกลพยายามตัดสินใจอย่างรอบคอบและระมัดระวังที่สุดในการคัดเลือกผู้สมัคร ส.ส. ทุกคน เพื่อให้พี่น้องประชาชนมั่นใจได้ว่าจะได้ผู้แทนราษฎรที่ไม่ทรยศต่อความไว้วางใจที่ประชาชนมอบให้ผ่านการเลือกตั้ง

ภาพ “โตโต้” นายปิยรัฐ จงเทพ จากแฟ้ม
สำหรับ คุณโตโต้ ปิยรัฐ จงเทพ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.บางนา คนใหม่ ของพรรคก้าวไกล คนส่วนใหญ่คงคุ้นเคยแต่กับบทบาทการเคลื่อนไหวทางการเมืองของคุณโตโต้ แต่อันที่จริงแล้ว คุณโตโต้เคยทำงานกับพรรคอนาคตใหม่มาตั้งแต่ต้น และได้อาสากลับบ้านไปลงสมัครรับเลือกตั้งที่กาฬสินธุ์ ให้เมื่อปี 62 ส่วนในพื้นที่บางนา-พระโขนง นั้น เขาเคยทำงานอยู่ที่การไฟฟ้านครหลวง และเคยเปิดร้านวัสดุฮาร์ดแวร์ที่บางนา จึงได้คลุกคลีกับประชาชนในย่านบางนาเป็นเวลาหลายปี

อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ คุณโตโต้ คงต้องทำงานอย่างหนักเพื่อพิสูจน์ให้ชาวบางนา-พระโขนง เห็นว่า ตนเองสามารถเป็นผู้แทนราษฎรที่รับใช้ประชาชนได้ดีไม่แพ้ผู้แทนฯ พรรคก้าวไกลคนไหน ทั้งในด้านอุดมการณ์ทางการเมือง และการทำงานพื้นที่เข้าถึงประชาชน เพราะสิ่งที่จะตัดสินให้เขาได้เป็นผู้แทนราษฎรจริงๆ คือ เสียงของประชาชน”

แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจ ก็คือ การตอบโต้กันด้วยเหตุด้วยผล และเอาข้อเท็จจริงมายืนยัน ทำให้สาธารณชนได้ประโยชน์อย่างมาก หากมีการศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้าน ไม่ด่วนเชื่อใครคนใดคนหนึ่ง

ขณะเดียวกัน ภาพสะท้อนที่เห็นได้ชัดอีกอย่าง ก็คือ การใช้สื่อออนไลน์ หรือ โซเชียล ในการบิดเบือนความจริง และ “พูดความจริงไม่หมด” ไม่ว่าจะจงใจหรือไม่ก็ตาม ผลร้ายก็คือ เป็นการทำให้สังคม “เข้าใจผิด” และอาจนำความเข้าใจผิดไปขยายผลทางการเมืองกับกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการผลประโยชน์ทางการเมือง

อย่าลืมว่า ท่ามกลาง “สองขั้วขัดแย้ง” การนำเสนอความคิดเห็น หรือ “สาระสำคัญ” อะไรก็ตาม ที่เป็น “บวก” และ “ลบ” ต่อบุคคล ที่อยู่ในขั้วขัดแย้ง ย่อมถูกนำไปสู่การขยายผลความขัดแย้ง อย่างไม่มีทางหลีกพ้น

เพราะฉะนั้น ถ้าไม่ใช่การเอียงข้างใดข้างหนึ่ง นี่คือ สิ่งที่พึงระวังอย่างสูง!?


กำลังโหลดความคิดเห็น