ข่าวปนคน คนปนข่าว
** “สุเทพ” ยิ้มร่า หมดทุกข์ หมดโศก พ้นเคราะห์ คดีโรงพักร้าง ป.ป.ช.คนฟ้องบอกขอเวลาแป๊บ!
คดีทุจริตฮั้วประมูลโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจ หรือ คดีโรงพักร้างที่ทอดเวลามานานนับ 10 ปี มีคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สั่งยกฟ้อง “สุเทพ เทือกสุบรรณ” อดีตรองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติในสมัยนั้น กับพวก ซึ่งก็มี
“พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ” อดีตรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, “พล.ต.ต.สัจจะ คชหิรัญ”, “พ.ต.ท.สุริยา แจ้งสุวรรณ์”, บริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด และ “นายวิศณุ วิเศษสิงห์” รวม 6 ราย
“สุเทพ เทือกสุบรรณ” บอกว่า เกือบ 10 ปี ที่ตัวเองต้องตกอยู่ภายใต้กระแสการโจมตีว่าเป็นคนเลว คนทุจริต แต่ก็อดทนอดกลั้นมาตลอด และยืนยันว่า ตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์ “เป็นแพะทางการเมือง” โดยเรื่องนี้คนที่เป็นตัวตั้งตัวตีอีกคนหนึ่ง คือ “ธาริต เพ็งดิษฐ์” อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ แต่ก็เชื่อว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์รู้ว่าตั้งใจทำความดีให้กับชาติบ้านเมือง และประชาชน จึงได้รับการคุ้มครอง
อดีตกำนันแกนนำ กปปส. ยิงฟันยิ้มร่าให้สัมภาษณ์ว่า ตอนนี้หมดทุกข์ หมดโศก พ้นเคราะห์ จากนี้จะเดินหน้าทำงานตามอุดมการณ์ต่อไป ใครที่เคยกล่าวหาโจมตี ก็ขออโหสิให้
งานนี้ “สุเทพ” จะหมายถึงใครบ้างที่เคยกล่าวหาเขา นี่คงนับกันไม่หวาดไม่ไหว ตามประสาคนรักเท่าผืนหนัง แต่คนชังค่อนประเทศ ที่แน่ๆ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่เป็นผู้ฟ้องคดีเอง “นิวัติไชย เกษมมงคล” เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. แย้มมาแล้วว่า เบื้องต้นสำนักคดี สำนักงาน ป.ป.ช. ได้ขอคัดสำเนาคำพิพากษาฉบับเต็มมาพิจารณา และวิเคราะห์ก่อน จากนั้นจึงจะส่งไปยังที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณา ว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไป ซึ่งตามกฎหมายศาลฎีกาฯ ฉบับใหม่ เปิดช่องให้โจทก์และจำเลย ยื่นอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาฯ พิจารณาอีกครั้งได้ เรื่องนี้ต้องรอดูว่าที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.จะอุทธรณ์หรือไม่
ถามว่า กรณีนี้ ป.ป.ช.ไม่ได้ฟ้องในประเด็นเรียกรับสินบน ทำให้พยานหลักฐานอ่อนลง หรือไม่ “นิวัติไชย” เชื่อว่า สำนวนตอนฟ้อง ทำสมบูรณ์และต่อสู้คดีอย่างเต็มที่แล้ว แต่ก็ยอมรับว่า พยานหลักฐานไปไม่ถึง เนื่องจากข้อมูลที่ได้รับมาเป็นข้อมูลเชิงลึก ไม่มีหลักฐานเป็นเส้นทางการเงิน จึงฟ้องเท่าที่มีพยานหลักฐานครบถ้วนเท่านั้น ส่วนการวิพากษ์วิจารณ์สามารถทำได้ หรือหากใครมีเบาะแส ข้อเท็จจริงใหม่สามารถส่งให้ ป.ป.ช. พิจารณาเพิ่มเติมได้เช่นกัน
เพราะฉะนั้น เรื่องนี้ อาจจะยังไม่อวสาน ท่านผู้ชมก็อย่าเพิ่งลุกจากเก้าอี้ ที่ “ลุงกำนัน” บอกว่า หมดทุกข์ หมดโศก พ้นเคราะห์ หลังทรมาน “ตกอเวจีปอยเปตแปดแสนล้านภพ” มาเกือบ 10 ปี ก็ยังไม่แน่ ...ขอโปรดติดตามกันต่อไป
**“บุญทรง” ออกนอกเรือนจำร่วมงานศพแม่ ไร้เงา “ครอบครัวเพื่อไทย” ร่วม ราชทัณฑ์บอกได้ ไม่ผิดระเบียบ
เป็นเรื่องดรามาในโลกโซเชียลฯ เมื่อมีผู้โพสต์ภาพ “บุญทรง เตริยาภิรมย์” นักโทษเด็ดขาดที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ แต่ไปปรากฏตัวอยู่ภายนอกเรือนจำ ร่วมงานฝังศพ นางสุมาลี เตริยาภิรมย์ มารดา ... คอมเมนต์ส่วนใหญ่ ออกไปในเชิงตั้งคำถามว่าอย่างนี้ก็ได้หรือ? เพราะที่ผ่านๆ มา มีนักโทษน้อยคนนักที่จะได้รับสิทธิพิเศษเช่นนี้ ยิ่งถ้าเป็นคนธรรมดา อย่าได้หวัง
“บุญทรง เตริยาภิรมย์” อดีต รมว.พาณิชย์ ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินจำคุก 48 ปี ในคดีทุจริตระบายข้าวจีทูจี โครงการรับจำนำข้าว พร้อมลงโทษพวกที่ร่วมกันทุจริต มีทั้งรอลงอาญา และจำคุกตั้งแต่ 4-48 ปี ลดหลั่นกันไป รวมทั้งให้ร่วมกันชดใช้เงินกว่า 97 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย โดย “บุญทรง” ถูกจำคุกที่เรือนจำคลองเปรม
มีนักข่าวนำเรื่องนี้ไปถาม “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.ยุติธรรม ในช่วงเช้าก่อนประชุม ครม. เล่นเอาท่านรัฐมนตรีถึงกับอึกอัก คงเป็นเพราะไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อน จึงได้แต่บอกว่า การที่นักโทษจะออกนอกเรือนจำนั้น เป็นอำนาจของ “อธิบดีกรมราชทัณฑ์” ที่จะพิจารณา เหมือนกรณีของ “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” อดีตแกนนำ นปช. ก็เคยได้รับอนุญาตออกมาร่วมงานศพเช่นกัน แต่ยืนยันว่า “บุญทรง” ยังไม่พ้นโทษแน่นอน
“สมศักดิ์” ยังชี้แจงถึงขั้นตอน กระบวนการลดโทษของ “บุญทรง” ว่า ยังไม่การลดโทษใดๆ ซึ่งเป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ ผู้ที่จะได้รับการลดโทษต้องได้รับโทษ 1 ใน 3 ก่อนเท่านั้น
ด้านกรมราชทัณฑ์ เมื่อเห็นว่าเรื่องนี้กลายเป็นประเด็นร้อนในโลกโซเชียลฯ ก็รีบออกเอกสารชี้แจง ถึงการที่ “บุญทรง” ได้สิทธิพิเศษออกนอกเรือนจำ เพื่อไปร่วมงานศพมารดา ว่า เป็นไปอย่างถูกต้องตาม พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ และระเบียบกรมราชทัณฑ์ ว่าด้วยการลาของนักโทษเด็ดขาด เพื่อให้เป็นการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังอย่างมีมนุษยธรรม เป็นเครื่องจูงใจให้ผู้ต้องขังประพฤติดี อยู่ในระเบียบ วินัย เป็นผลดีต่อการปกครอง และการบริหารงานของเรือนจำ รวมถึงเป็นการให้โอกาสในการแสดงความกตัญญู และการไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้าย
โดยทางเรือนจำกลางคลองเปรม ได้อนุญาตให้ “บุญทรง” ลากิจตามที่ร้องขอ ระหว่างวันที่ 18-20 ก.ย. 65 และได้ประสานกับทางเรือนจำจังหวัดลำพูน และสถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงใหม่ เพื่อประสานการเดินทางไปร่วมพิธีศพ มีเจ้าหน้าที่เรือนจำ ควบคุมอย่างใกล้ชิด และนำตัวกลับทันทีที่เสร็จภารกิจ
ราชทัณฑ์ยืนยันว่า ผู้ต้องขังทุกรายที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามเกณฑ์ คือ มีความประพฤติดี ไม่เป็นผู้กระทำผิดวินัยในเรือนจำ มีความอุตสาหะ ความก้าวหน้าในการศึกษา และทำการงานเกิดผลดี หรือทำความชอบแก่ทางราชการเป็นพิเศษ โดยต้องเป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นกลางขึ้นไป และไม่ได้กระทำความผิดซึ่งเป็นที่สะเทือนขวัญ ก็จะมีสิทธิ์ได้รับการพิจารณาโดยจะให้สิทธิเฉพาะการลาไปร่วมพิธีฌาปนกิจศพผู้ตายที่เป็น บิดา มารดา สามี ภรรยา และบุตร ของนักโทษเท่านั้น
เป็นอันว่าการออกนอกเรือนจำของ “บุญทรง” ในครั้งนี้ แม้จะเป็นประเด็นดรามาในสังคม แต่ราชทัณฑ์ยืนยันว่า ไม่ผิดระเบียบ!!
ยังมีประเด็นดรามาอีกเรื่อง เมื่อมีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า งานศพแม่ของอดีต ส.ส. อดีตรัฐมนตรี คนสำคัญของพรรคเพื่อไทย ที่เคยรับใช้นายใหญ่ นายหญิง อย่างชนิด “ถวายหัว” จนตัวเองต้องติดคุก รับเคราะห์แทน แต่ไม่เห็นมี ส.ส.ของพรรคนี้ หรือคนในครอบครัว นายใหญ่ นายหญิง ครอบครัวเพื่อไทย มาร่วมงานแต่อย่างใด ...เข้าทำนองเสร็จนาฆ่าโคถึก...
ปัจจุบัน “บุญทรง” อายุ 62 ปี ถูกศาลฯพิพากษาจำคุก 48 ปี ซึ่งตามกฎหมายจะต้องถูกจำคุกจริงเป็นเวลา 20 ปี หลังถูกคุมขัง มีรายงานว่า ได้เป็นนักโทษชั้นเยี่ยม ได้รับอภัยโทษลดวันต้องโทษเมื่อปี 64 ในรอบแรก เหลือวันต้องโทษจำคุก 16 ปี ได้รับอภัยโทษลดวันต้องโทษปี 64 ในรอบสอง เหลือวันต้องโทษ 10 ปี โดยจะพ้นโทษในวันที่ 21 เม.ย. 71