xs
xsm
sm
md
lg

บิทคับของ “ท็อป-จิรายุส” ปั่นวอลุ่มเทียมหลอกนักเทรดคริปโต ยูนิคอร์นแบบนี้ SCBX จะไปต่อหรือพอแค่นี้ ? **ภาพสะท้อนนิด้าโพล “อุ๊งอิ๊ง” ผงาดหัวตาราง “หมอชลน่าน” หัวหน้าพรรคตัวจริง หน้าชื่นอกตรม ตอกย้ำ “เพื่อไทย” ก็แค่กิจการในครัวเรือน “ตระกูลชินฯ”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว


**บิทคับของ "ท็อป-จิรายุส” ปั่นวอลุ่มเทียมหลอกนักเทรดคริปโต ยูนิคอร์นแบบนี้ SCBX จะไปต่อหรือพอแค่นี้ ?


กรณีสำนักงานคณะกรรมการหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. เปิดเผยการดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิด 3 ราย กรณีสร้างปริมาณเทียมสินทรัพย์ดิจิทัลในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล Bitkub (ศูนย์ซื้อขาย Bitkub) ของบริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด (บริษัท บิทคับ) โดยให้ผู้กระทำผิดชำระเงินรวม 24,161,292 บาท พร้อมกับกำหนดระยะเวลาห้ามซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าสินทรัพย์ดิจิทัล และกำหนดระยะเวลาห้ามเป็นกรรมการ หรือผู้บริหาร

ก.ล.ต พบเหตุสงสัยว่า อาจมีการสร้างปริมาณเทียมในศูนย์ซื้อขาย Bitkub จึงได้ตรวจสอบโดยพบการกระทำเข้าข่ายเป็นความผิดของบุคคล 3 ราย ได้แก่ (1) บริษัท บิทคับ (2) นายอนุรักษ์ เชื้อชัย ร่วมกันในการส่งคำสั่งซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัล อันเป็นการทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับปริมาณการซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัลในศูนย์ซื้อขาย Bitkub และ (3) นายสกลกรย์ สระกวี ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้มีอำนาจจัดการของบริษัท บิทคับ สั่งการ หรือกระทำการหรือไม่สั่งการหรือไม่กระทำการอันเป็นหน้าที่ที่ต้องกระทำ เป็นเหตุให้บริษัท บิทคับ กระทำความผิดดังกล่าว
พฤติการณ์ที่มาของเรื่องนี้ บริษัท บิทคับ โดย นายสกลกรย์ ได้ทำสัญญากับนายอนุรักษ์ให้นายอนุรักษ์ทำหน้าที่ดูแลสภาพคล่อง (Market Maker) ในศูนย์ซื้อขาย Bitkub และได้ให้นายอนุรักษ์ ยืมเงินเพื่อใช้ในการทำหน้าที่ดังกล่าว ซึ่งจากการตรวจสอบของ ก.ล.ต. พบว่า ในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 นายอนุรักษ์ ได้ส่งคำสั่งจับคู่ซื้อขายเหรียญคริปโตเคอร์เรนซี จำนวน 4 เหรียญ ได้แก่ Bitcoin (BTC) Bitcoin Cash (BCH) Ethereum (ETH) และ Ripple (XRP) โดยเป็นการจับคู่ซื้อขายกันเองในบัญชีซื้อขายเหรียญคริปโตเคอร์เรนซี ของตนเองในศูนย์ซื้อขาย Bitkub ซึ่งการจับคู่ซื้อขายกันเองในแต่ละเหรียญดังกล่าว มีสัดส่วนตั้งแต่ร้อยละ 84-99 ของปริมาณการซื้อขายทั้งหมดของ นายอนุรักษ์ และตั้งแต่ร้อยละ 57- 99 ของปริมาณการซื้อขายรวมทั้งตลาด โดยบริษัท บิทคับ และ นายสกลกรย์ รับทราบถึงการจับคู่ซื้อขายกันเองในบัญชีซื้อขายของนายอนุรักษ์ แต่ไม่ได้มีการทักท้วงการส่งคำสั่งซื้อขายเหรียญคริปโตเคอร์เรนซี ของนายอนุรักษ์ดังกล่าว
พูดง่ายๆ Market Maker ทำเกินหน้าที่ แทนที่จะทำแค่วางออเดอร์ กลับ “Take” จับคู่ซื้อ-ขายเอง โดยตลาด-ผู้บริหารตลาดรู้เห็นเป็นใจให้ทำอย่างมี “เจตนา” ให้นักเทรดโดยเฉพาะ “รายย่อย” หลงเชื่อ หลงผิด กับ “ภาพ” ที่สร้างขึ้น ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลย เพราะการหลงผิด หมายถึงการลงทุนที่ผิดพลาดกลายเป็น “เหยื่อ” ที่ผลลัพธืที่สูญเสียเงินทอง หมดเนื้อหมดตัวกันง่ายๆ

จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา
อุปมาเรื่องนี้ ถ้าเทียบกับ “บ่อนพนัน” ก็คือ เจ้าของบ่อนจ้าง “หน้าม้า” มาเล่นหลอก “ขา” ทั้งหลาย มิหนำซ้ำ ยังให้หน้าม้ายืมเงินมา “ปั่น” ราคา สร้างกลลวงอีก นักเล่นเฮละโล แทงตาม เจ้าของบ่อนเก็บค่าต๋ง มีแต่ได้กับได้ เจ้ามือรวย หน้าม้าได้ค่าจ้าง คนเล่นถูกหลอกสิ้นเนื้อประดาตัวกันไป
“บิทคับ” ทำผิดคราวนี้ไม่ใช่ครั้งแรก ลองย้อนไปดูได้ว่า เคยถูก ก.ล.ต.ลงดาบไปแล้วกี่หน และถ้าสังเกตว่า เคสนี้เกิดขึ้นปี 2562 ก.ล.ต.ต้องใช้เวลาตรวจสอบถึง 3 ปี คำถามถามว่า จากปี 62-ปัจจุบัน จะมีอีกกี่กรณีที่รอการตรวจสอบ อย่างน้อยๆ ก็เคสการซื้อขายเหรียญอภินิหาร “Kub” ของบิทคับเอง ที่มีข้อครหา “ปั่น” กันอย่างเอิกเกริก ลากราคาจาก 30 บาทไปถึง 500 กว่าบาท ปั่นแล้วทุบ ทุบแล้วปั่น ใครได้ประโยชน์ ใครรวย เดี๋ยวก็รู้หมู่ หรือจ่า

งานนี้จับตาดูดีๆ ก.ล.ต.ถึงจะทำงานแต่ละเคสล่าช้า แต่เพราะเจ้าหน้าที่ที่ไล่ตามทำงานมีน้อยเกินไป ก็น่าเห็นใจ แต่ก็ถือเป็นสัญญานที่ดีว่า ก.ล.ต.ทำหน้าที่ของผู้กำกับดูแลปกป้องนักลงทุนอย่างเต็มที่ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าชื่นชม
แน่นอนว่า สัญญาณนี้ย่อมต้องไปถึง บอร์ดไทยพาณิชย์ หรือ SCBX วันก่อนเพิ่งจะมีข่าวว่า บอร์ดยังรอให้ทีมทำ “ดีลดีลิเจนท์” หรือ ทีมตรวจสอบและประเมินสินทรัพย์ของ บิทคับ กลับมารายงานมาว่า เป็นอย่างไร โดยผู้บริหาร SCBX “อาทิตย์ นันทวิทยา” กรรมการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อ้ำๆ อึ้งๆ ไม่ยอมตอบคำถามนักข่าวว่า “จะไปต่อ หรือพอแค่นี้” กับ ยูนิคอร์น ที่ “ท็อป” จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา คนก่อตั้ง และเอาตัวเองทำตลาดโฆษณา สร้างภาพลักษณ์ไปทุกที่ แทรกซึมไปทุกแหล่ง แม้แต่สถาบันการศึกษา เยาวชนก็ชวนเด็กๆ มาลงทุน ทำเงื่อนไขให้เปิดบัญชีง่ายๆ 10 บาท ก็ลงทุนได้
ก็ไม่รู้ว่า ทีมที่เข้าไปทำดีลดิลิเจนท์ในบิทคับที้ ใช้เวลาตรวจสอบมา 7-8 เดือนมาแล้ว พบเจออะไร เหมือนที่ ก.ล.ต.เห็นมั้ย? ถ้าเห็นสิ่งที่ไม่ปกติ อย่างที่ถูก ก.ล.ต.จับโป๊ะ สร้างวอลุ่มเทียม หลอกนักเทรดได้ ก็ถามต่อว่า แล้วปริมาณการซื้อขายจริงๆ ที่ “ท็อป-จิรายุส” มักเคลมว่า โตพรวดพราด ทำรายได้ให้บริษัทปีละเป็นพันเปอร์เซ็นต์ แน่ใจแล้วหรือว่าใช่ของจริง ไม่ใช่ปริมาณเทียมดังที่ถูกจับได้นี้
ทีมดีลดิลิเจนท์ หากพบเห็น ยูนิคอร์นตัวนี้จริงๆ แล้วเป็นอย่างไร ทองแท้หรือทองเค ก็ต้องรายงานให้บอร์ดรู้ตามเท็จจริง ถ้าไม่รายงานหรือปกปิด ย่อมต้องมีบทลงโทษรอรับไว้ ซึ่งก็ต้องติดตามกันต่อไป

อาทิตย์ นันทวิทยา
ขณะที่ ตัวบริษัท บิทคับ- CEO และ Market Maker โดนโทษถ้วนหน้า คนสงสัยกันว่า “ท็อป-จิรายุส” ผู้ร่วมก่อตั้งและหนึ่งในทีมบริหารที่เป็นเหมือนโลโก้ บิทคับ พบเห็นเสนอหน้าตามป้ายโฆษณาตัวเองเต็มบ้านเต็มเมือง ยังชิลๆ อยู่มั้ย? “สกลกรย์” เพื่อนผู้ร่วมตั้งบิทคับอย่างโดนห้ามเป็นบอร์ด นั่งบริหารเป็นปี ควรถึงคราว “ท็อป” ต้องนั่งเป็นบอร์ด และเป็นตำแหน่งบริหารแทนหรือไม่ ?
แว่วว่า ที่ผ่านมา “ท็อป-จิรายุส” ชิ่งไม่อยากเป็นบอร์ด และมีตำแหน่งบริหาร เพราะไม่อยากรับ “กระทง” จากผู้คุมกฎ หรือมีส่วนต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย เข้าทำนองประสงค์ออกหน้า ได้ชื่อเสียง ขอหล่อๆ อย่างเดียว แต่ไม่ประสงค์รับคดี ... นี่ล่ะเรื่องที่รู้กันในบิทคับ



**ภาพสะท้อนนิด้าโพล “อุ๊งอิ๊ง” ผงาดหัวตาราง “หมอชลน่าน” หัวหน้าพรรคตัวจริง หน้าชื่นอกตรม ตอกย้ำ “เพื่อไทย” ก็แค่กิจการในครัวเรือน “ตระกูลชินฯ”


แทบจะปิด “ตึกโอไอเอ” ที่ทำการพรรคฉลอง หลังผลสำรวจ “นิด้าโพล” เกี่ยวกับความนิยมทางการเมืองล่าสุดออกมา ปรากฏว่า ทั้ง “นายหญิงคนใหม่” อย่าง “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และตัว “ค่ายดูไบ” พรรคเพื่อไทย ขึ้นรั้งหัวตารางเป็นหนแรก
โดยเฉพาะ “มาดามอิ๊ง” ที่เพิ่งเปิดตัวทางการเมืองได้ไม่ถึงปี เรตติ้งนำโด่ง มีคนสนับสนุนให้เป็นนายกฯ ถึงร้อยละ 25.28 เหนือ “เสี่ยทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่โชว์หล่อในสภา มาร่วม 4 ปี ที่มาเป็นที่ 3 แถมแพ้หัวข้อ “ยังไม่ตัดสินใจ” อีกด้วย
ไม่ต้องพูดถึง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่วาดลวดลายมา 8 ปีเต็ม ก็มีแต่สาละวันเตี้ยลงๆ เรตติ้งมาแค่ที่ 4 ทำท่าจะกู่ไม่กลับ
ทำให้ช่วงนี้ “ค่ายเพื่อไทย” ครื้นเครงเป็นพิเศษ คิดเองเออเองทันที ว่า ยุทธศาสตร์วางคิวให้ “หัวหน้าอิ๊ง” เดินสาย พร้อมดึง “โจกเสื้อแดง” กลับพรรคเข้าเป้า ทำเอาบรรดา “นักรบห้องแอร์” เสนอหน้าเคลมผลงานกันวุ่น
แนวโน้มแบบนี้ เลี้ยงกระแสไปเรื่อยๆ ถึงเลือกตั้งใหญ่ เป้าหมาย “แลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน” น่าจะไม่ยาก

แพทองธาร ชินวัตร
ทว่า ในความแช่มชื่น ปลื้มปริ่ม ในพรรคเพื่อไทยเอง ก็น่าจะมี “คนหน้าชื่ออกตรม” อยู่เหมือนกัน ก็มีอย่างที่ไหน “หัวหน้าครอบครัว” ตำแหน่งอุปโลกน์ ที่แทบไม่ได้มีบทบาท-ผลงานอะไรให้เห็น กลับอยู่หัวแถว แต่ “ตัวจริง” อย่าง “หมอชลน่าน” นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กลับมีคะแนนนิยมรั้งท้ายๆ มาเป็นที่ 9 ด้วยร้อยละ 2.92 เท่านั้น ห่างกับ “คุณนายอิ๊ง” ถึง 10 เท่า

จะว่า “หมอชลน่าน” เป็นแค่นอมินี ที่จำเป็นต้องแต่งตั้ง ส.ส.ให้เป็นหัวหน้าพรรค เพื่อรั้งตำแหน่ง “ผู้นำฝ่ายค้านในสภา” ก็จริง แต่บทบาทการทำงานในสภา ของ “หมอชลน่าน” ก็ถือว่าเหมาะสม ได้รับการยอมรับโดยถ้วนทั่ว เป็นทั้ง “ดาวสภา-ดาวเด่น” มาตลอด

น่าน้อยใจแทน “หมอชลน่าน” ที่มีตำแหน่งแห่งใหญ่โต เป็นหัวหน้าพรรค เป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภา ซึ่งเป็นตำแหน่งโปรดเกล้าฯ ที่เรียกว่าอยู่ในระนาบเดียวกับนายกรัฐมนตรี ... หลังรับตำแหน่งใหญ่ ก็ทุ่มเท ทำงานเสมอต้นเสมอปลาย ด้วยจิตวิญญาณผู้แทนราษฎรเต็มเปี่ยม

แต่หันกลับมาที่พรรค กลับเป็นแค่ “เบอร์รอง” ให้กับ “คนรุ่นลูก” ที่เพิ่งเข้าการเมืองมาได้ไม่ถึงปี

หากจำกันได้ วันเดียวกับที่ “หมอชลน่าน” ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค ก็เป็นวันเดียวกับที่เปิดตัว “แพทองธาร” ในฐานะประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม ของพรรคเพื่อไทย บนเวทีประชุมใหญ่ของพรรคที่ จ.ขอนแก่น

สปอตไลต์ สาดไปที่ตัว “อุ๊งอิ๊ง” ที่ขโมยซีนไปหมด โดยมี “ชลน่าน” เป็นแค่แบ็กกราวนด์ ประดับบารมี

จากนั้นแทบทุกอีเวนต์ของพรรค ที่โดยปกติต้องมีหัวหน้าพรรคเป็น “ตัวยืน” กลับกลายเป็นแค่ “ตัวแถม” เพื่อขับความโดดเด่นของหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยอย่าง “หลานอิ๊ง”

ทั้งที่ตามบทบาทหน้าที่หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เป็นแค่สมาชิกพรรค ไม่มีกฎหมายหรือกระทั่งข้อบังคับพรรครองรับ แถมไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ กับกระบวนการดำเนินงานของพรรค ตามกฎหมายพรรคการเมือง

ต่างจากหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค ที่เหมือนอนาคตทางการเมืองแขวนไว้บนเส้นด้าย หากเกิดผิดพลาดทางเทคนิคขึ้นมา ก็ไม่วายถูกยุบพรรค ตัดสิทธิทางการเมือง เรื่องแบบนี้ “ลิ่วล้อนายใหญ่” น่าจะรู้ดี

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว
แม้จะสุ่มเสี่ยงพลีชีพขนาดไหน ยังมีการพูดกันไปว่า ถึงเวลาเลือกตั้งจริง “ชลน่าน” อาจกระเด็นจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค และไม่มีลุ้นได้เอี่ยวกับตำแหน่งแคนดิเดตนายกฯ ที่มีคนจับจองครบแล้วทั้ง 3 โควตา โดยมี “อุ๊งอิ๊ง” เป็นตัวยืน
นึกแล้วก็น่าน้อยใจแทน “หมอชลน่าน” ไม่น้อย!!
ย้อนไปเมื่อครั้งที่สถาปนา “อุ๊งอิ๊ง” ขึ้นเป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึง “นัย” ที่ส่งออกมาว่า “ครอบครัว” เหนือกว่า “พรรค” เสียแล้ว
กลายเป็นระบบการเมืองใหม่ถอดด้ามของโลก จากเดิมที่แข่งกันสร้างพรรคให้เป็น “สถาบันการเมือง” สร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน ...กลายเป็นเอา “ครอบครัว” มานำ จนกลายเป็น “พรรคครอบครัว” โดยสมบูรณ์แบบ
ครอบครัวที่ว่าก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็น “ตระกูลชินวัตร” ที่ถูกค่อนขอด เหน็บแนบมาตลอดว่า ตั้งพรรคการเมืองมาตั้งแต่ “ไทยรักไทย-พลังประชาชน-เพื่อไทย” ล้วนแล้วแต่เป็นแค่กิจการในครัวเรือนของ “ตระกูลชินวัตร”
การที่ “นายห้างโทนี่” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ อุ้มชูหนุนส่ง “ลูกอิ๊ง” ขึ้นเป็นผู้นำและแคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทย ข้ามหัวหงอก หัวขาวในพรรค ทั้งที่ประสบการณ์ทางการเมืองเท่ากับศูนย์ มีดีก็ตรงที่แค่นามสกุล “ชินวัตร” เท่านั้น
ยิ่งตอกย้ำการทำงานการเมืองของ “ทักษิณ และตระกูลชินวัตร” เพื่อครอบครัวตัวเองอย่างชัดเจน และคงหนีไม่พ้นถูกวิพากษ์สนุกปาก ว่า การทำการเมืองของพรรคเพื่อไทย เพียงเพื่อประโยชน์ของครอบครัว หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ก็คือ “ตระกูลชินวัตร”




กำลังโหลดความคิดเห็น