xs
xsm
sm
md
lg

ประกาศคนหาย “ท็อป จิรายุส” ธรรมดาเสนอหน้าทุกที่ พอมีดรามา มีแต่ “พิมรี่” กะ “วินิจ” รับขี้ไปเต็ม ๆ ** เรตติ้ง “ลุงตู่” กู่ไม่กลับ “หลานอิ๊ง” ขยับนำห่าง ย้ำสัญญาณหมดยุค “ขุนทหาร 3 ป.”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว

** ประกาศ คนหาย “ท็อป จิรายุส” ธรรมดาเสนอหน้าทุกที่ พอมีดรามาตอนนี้ มีแต่ “พิมรี่” กะ “วินิจ” รับขี้ไปเต็มๆ

ในปมดรามาที่สร้างความอับอายไปทั่วโลก กรณี “พิมรี่พาย” แม่ค้าออนไลน์ชื่อดัง เอาตั๋วเข้าชมศึกอุ่นเครื่องแดงเดือด ของสโมสรยักษ์ใหญ่จากอังกฤษ ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ ลิเวอร์พูล รายการ “THE MATCH Bangkok Century Cup 2022” ที่ขายไม่ออก กว่า “สองหมื่นใบ” มูลค่ากว่า 400 ล้านบาท มาไลฟ์สดขายลดราคา หรือ “รีเซล” แถมคุยโม้คนที่ซื้ออาจโชคดีได้ “ดินเนอร์” กับนักเตะทั้งสองทีม และ “แจ๊คสัน หวัง” สมาชิกบอยแบนด์ GOT 7 ที่มาเล่นคอนเสิร์ตในงาน

งานนี้เล่นเอา “ทัวร์ลง” พิมรี่พาย ไปจนถึงผู้จัดอย่าง บริษัท เฟรชแอร์ เฟสติวัล จำกัด ของ “เสี่ยวินิจ” วินิจ เลิศรัตนชัย จนสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ ลิเวอร์พูล ที่ร้อยวันพันปีเป็น “อริ” ในสนามต้องออกแถลงการณ์ด้วยข้อความเดียวกัน ทั้ง “ผิดหวัง” และ “ไม่พอใจ” ที่ผู้จัดปล่อยให้เกิดเรื่อง “รีเซล” คุยโม้โอ้อวดของแม่ค้าออนไลน์ ทำให้สองสโมสรถูก “ด้อยค่า” เสียภาพลักษณ์อย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน รวมถึงต้นสังกัดของ “แจ็คสัน หวัง” ที่แถลงไปในทำนองเดียวกัน

แม้ว่าต่อมา “เสี่ยวินิจ” จะออกมาโพสต์ไอจี แสดงสปิริต “ขอรับผิดแต่เพียงผู้เดียว” และ แม้ว่า “พิมรี่พาย” จะไลฟ์ขอจบดรามา ในทำนอง “ยังไม่จบอีกเหรอ จบเถอะ” แต่โลกโซเชียลฯ ก็ยังคาใจดรามาไม่น่าจะจบลงง่ายๆ.ตราบใดที่ “ความจริง” ยังไม่ปรากฏ

ความจริงที่ว่านี้ ก็ย้อนกลับไปที่คำถามที่ถามกันว่า “พิมรี่พาย” ไปได้ตั๋วสองหมื่นใบ มาจากไหน ?

แม่ค้าออนไลน์ตอนที่ไลฟ์สดขายตั๋ว บอกว่า อยากช่วย “เพื่อน” ควักเงินซื้อมาเอง 400 ล้าน เอามาขายลด ยอมขาดทุนราวๆ 100 ล้าน ถามว่า ใครจะเชื่อเธอ? แม่ค้าที่ไหนจะใจใหญ่ ทำธุรกิจชาดทุนป่นปี้แบบนี้?

ตั๋วล็อตใหญ่ขนาดนี้ ซื้อหากันมาก็ต้องมีหลักฐาน ต้องมี “ใบเสร็จ” ใครเป็น “เพื่อน” ที่มีตั๋วมากมายขนาดนี้ ? มีหรือไม่มี โชว์ตัว โชว์ใบเสร็จ ให้สังคมเห็นได้หรือไม่ ?

ในเรื่องนี้ ถ้าจะนำสืบกันจริงๆ ไม่ต้องไปถึงมือนักสืบคดีพิเศษทีไหนใครๆ ก็จะรู้ว่า สารตั้งต้นน่ามาจาก “ผู้จัด” ที่ไม่มีทางที่จะไม่รู้ว่า ตั๋วสองหมื่นใบที่ให้ พิมรี่พาย ไปรีเซล มาจากไหน

ทีนี้ผู้จัดที่ออกหน้า มีเพียง “เสี่ยวินิจ” ที่แสดงสปิริตรับผิดไปเต็มๆ เพราะเป็นผู้จัดงานอย่างเป็นทางการ แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า ยังมี “ผู้จัดร่วม” ที่ร่วมลงทุนไปกับเฟรชแอร์ฯ นั่นคือ “ท็อป” จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา เจ้าของ “บิทคับ” แพลตฟอร์มตลาดซื้อขาย คริปโตเคเรนซี่ ที่มีโฆษณาชวนคนเล่นอยู่เต็มบ้านเต็มเมือง

“เสี่ยวินิจ” กับ “ท็อป จิรายุส” ตอนเปิดตัวจัดรายการนี้ก็ทำด้วยกัน ไปไหนไปด้วย ตัวติดเป็น “ปาท่องโก๋” ตั้งแต่เริ่มต้น ปัญหาต่างๆ ย่อมรู้กันดีอยู่แล้ว โดยเฉพาะเมื่อเปิดขายตั๋ว จัดอีเวนต์ใหญ่แบบนี้ เรื่องขายตั๋วเป็นโจทย์ใหญ่ ทำอย่างไรจึงจะขายหมด แต่พอตั๋วแพง เศรษฐกิจแบบนี้ คนไม่มีกำลังซื้อ ขายไม่ได้ ก็ไปดึง “แจ็คสัน หวัง” มาเปิดคอนเสิร์ต แต่ “หวัง” ก็ไม่ได้ทำให้ “เสี่ยวินิจ” และ “ท็อป” สมหวัง เพราะกลุ่มแฟนของ Got7 ก็ยังบ่นตั๋วแพง แถมเป็นคนละกลุ่มเป้าหมายกับฟุตบอล ตั๋วยังเหลืออีกบานตะไท จึงว่ากันว่าเมื่อขายในระบบ ผ่านไทย ทิกเก็ตเมเจอร์ ลดราคาไม่ได้ กลยุทธ์ จึงมองไปที่ “พิมรี่พาย” เป็นช่องทางที่น่าจะระบายตั๋วได้

ความคิดนี้ “เสี่ยวินิจ” รับรู้มั้ย ? เจ้าตัวอาจจะไม่ได้คิด คนที่คิดเชื่อกันว่าเป็นผู้จัดร่วมอย่าง “นายท็อป บิทคับ” เสนอหรือไม่? เพราะว่าหนึ่งนั้น กลยุทธ์การตลาดแบบ “สองมาตรฐาน” นี้ เป็นงานถนัดของบิทคับเขาล่ะ

เห็นได้จาก กลยุทธ์สองมาตรฐานที่เอามาใช้ปั่นเหรียญอภินิหาร “Kub” ระหว่างรายใหญ่ กับรายย่อย นั่นยังไง แบบว่า รายใหญ่ ให้เงื่อนไขพิเศษ “มีกำไรเอาไป แต่ถ้าขาดทุนขายคืนบิทคับได้ในราคาทุน” จนถูกรายย่อยโวยวาย ราคา Kub ดิ่งเหวไม่หยุด ตอนหลังจึงเปลี่ยนมาเอาใจรายย่อยบ้าง โดยคิดเงื่อนไขจูงใจให้อย่างเสียไม่ได้

ส่วนทำไมต้องเป็น “พิมรี่พาย”? นี่เป็นข้อที่สอง ที่ชาวโซเชียลฯ เขาก็ไปตามสืบมาได้ก่อนหน้านี้ ว่า เธอไม่ใช่คนแปลกหน้าของ “ท็อป บิทคับ” มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ผ่านเครือข่าย “Chosen1” ของบิทคับ ที่ตั้งขึ้นมาดึงชนชั้น กลุ่มอีลิท ให้เข้ามาร่วมเป็นลูกค้า หรือทำธุรกิจกับบิทคับ มีความร่วมมือกันอยูแล้วในระดับหนึ่ง เพียงแต่พิมรี่พาย ยังไม่ได้ออกเหรียญ หรือประกาศความร่วมมือกับบิทคับ ออกมาเท่านั้น

ด้วยความรู้จัก และเห็นพลังจากช่องทางการขายของ “พิมรี่พาย” เงื่อนไขใดๆ ที่พิมรี่พายนำเสนอ แฟนๆ ที่ติดตามก่อน จะเป็นดรามา ทั้งกินข้าวกับนักฟุตบอล หรือนักร้องดัง ก็อาจจะได้รับสัญญาณ จากวงใน ระหว่างผู้จัด ซึ่ง “ท็อป บิทคับ” ไม่ได้มองว่าจะเกิดผลเสียหายอะไร นอกจาก “วิน-วิน” ขายตั๋วได้ ตัวเองได้ภาพลักษณ์จากการเข้ามาสนับสนุนจัดงานใหญ่ร่วมกับ วินิจ มีแต่ได้กับได้

แมนยูฯ-ลิเวอร์พูล เป็นสโมสรระดับโลก มีแฟนๆ ติดตามหลายพันล้านคน ชื่อของ “บิทคับ” และตัวเขา จะได้มากกว่า กับการแค่สนับสนุนสมาคมฟุตบอล ที่เพิ่งโดน “จับโป๊ะ” ไปว่า อยากจะเป็นมากกว่าสปอนเซอร์ อยากจะคุมทีม ยู19 จนแฟนๆ บอลแอนตี้กันหนัก

ที่โดนจับโป๊ะนอกจากมีการเตรียมถวายพานให้คุม ยู19 แล้วยังสปอนเซอร์สมาคมฯ ด้วย “คับคอยน์” เงินที่ตัวเองปั่นขึ้นมาจากกระดาษเปล่า หาใช่เงินสดไม่

อย่ากระนั่นเลย มาจับมือ มาลงทุนจัดแดงเดือดกับ “เสี่ยวินิจ” ได้ทั้งหน้า ได้ทั้งเงิน มีหรือจะยอมพลาด เพียงแต่คนคำนวณไม่คิดว่ากลยุทธ์การตลาดสองมาตรฐานที่ได้ผล จะมาผิดพลาดขึ้นมากับ “พิมรี่พาย” จนคนเขาด่ากันทั่วบ้านทั่วเมือง อื้อฉาวไปทั่วโลกอีกต่างหาก ตัวของ “ท็อป บิทคับ” ตอนนี้เลยเงียบกริบ ผิดวิสัยที่ต้องเสนอหน้าไปทุกที่ เพราะนี่ศึกแดงเดือดเหลืออีกไม่กี่วันจะเริ่มงานแล้ว

งานนี้น่าเห็นใจ “เสี่ยวินิจ” ต้อง “แบกหม้อก้นดำ” ไว้เพียงผู้เดียว “พิมรี่พาย” ก็รับขี้ไปเต็มๆ ทั้งๆ ที่ต้นเหตุอาจจะมาจาก “ความมั่ว” กลยุทธ์ตลาดสองมาตรฐานแบบ “ท็อป-บิทคับ” ใช่หรือไม่ใช่ยังไง วานโผล่มาบอกให้ชาวบ้านรู้ที







** เรตติ้ง “ลุงตู่” กู่ไม่กลับ “หลานอิ๊ง” ขยับนำห่าง ย้ำสัญญาณหมดยุค “ขุนทหาร 3 ป.” อาจถึงเวลา “ฝ่ายอนุรักษนิยม” เข็นตัวแทนคนใหม่สู้แทน

ขยี้จังหวะ “ขาลง” ของ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างต่อเนื่อง

ผลสำรวจ “นิด้าโพล” ของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ที่ตามเช็ก “เรตติ้ง” คะแนนนิยมทางการเมืองเป็น “รายไตรมาส” ล่าสุด กางผลโพลมาเมื่อวาน (26 มิ.ย.) สำหรับการสำรวจครั้งที่ 2 ประจำปี 2565

ปรากฏว่า คำถามที่ว่าบุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรี เป็น “มาดามอุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร ว่าที่แคนดิเดตนายกฯของ “ค่ายดูไบ” พรรคเพื่อไทย ยังคงเหนียวแน่นเป็นอันดับ 1 กลุ่มตัวอย่างเทใจให้ถึงร้อยละ 25.28

อันดับ 2 ร้อยละ 18.68 ระบุว่า ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 3 ร้อยละ 13.24 ระบุว่าเป็น “เสี่ยทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล

ส่วน “นายกฯตู่” มาเป็นอันดับ 4 ที่ร้อยละ 11.68 และอันดับ 5 เป็น “หญิงหน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย ที่ร้อยละ 6.80 และมี “ผู้ว่าฯ ทริป” ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. สอดแทรกเข้ามาเป็นอันดับ 7 ที่ร้อยละ 4.20
เมื่อเทียบกับการสำรวจนิด้าโพลในหัวข้อนี้หนก่อน ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ “พิธา” มีคะแนนนิยมแซง “ประยุทธ์” แต่ก็ยังไม่เหนือกว่าตัวเลือก “ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้”

แต่มาครั้งนี้เป็น “แพทองธาร” ที่มาแรงแซงโค้ง คะแนนนิยมพรวดพราดเกินเท่าตัว จากร้อยละ 12.53 ขึ้นมาเป็นร้อยละ 25.28 รั้งอันดับ 1 เป็นครั้งแรก หลังเข้ามามีชื่อในโพลไม่กี่ครั้งหลัง

ขณะเดียวกัน ตัวเลือก “ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้” ก็ลดลงจากร้อยละ 27.62 เหลือเพียงร้อยละ 18.68 ส่วนตัวเลือกรายอื่นๆ ตัวเลือกอื่นคะแนนก็ขยับลดลงกันคนละร้อยละ 1-2 เช่นกัน

จนพออนุมานได้ว่า คะแนนที่เพิ่มขึ้นมาของ “อุ๊งอิ๊ง” มาจากผู้ที่เคยเลือก “ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้” พาลนึกได้ไปว่า ที่ผ่านมาอาจเป็นเพราะ “ติ่งเพื่อไทย-คนเสื้อแดง” อาจจะยังไม่มีตัวเลือกที่ถูกใจ หรือไม่งวดนี้ “นิด้าโพล” ก็เผอิญไปเก็บข้อมูลใน “พื้นที่เสื้อแดง” หรือเปล่า

ไม่เพียงแต่คะแนนตัวบุคคลที่พุ่งจนน่าหวั่นใจแทนฝ่ายตรงข้ามอย่าง “รัฐบาลลุงตู่” เท่านั้น คะแนนนิยมในส่วนของพรรคการเมือง ก็เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เมื่อ “ค่ายดูไบ” พรรคเพื่อไทย ที่เดิมรั้งอันดับ 2 ขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ร้อยละ 36.36 เพิ่มจากเดิมที่เคยได้ร้อยละ 25.89 แซงตัวเลือก “ไม่สนับสนุนพรรคการเมืองใดเลย” ที่ได้ร้อยละ 18.68 ลดฮวบจากที่เคยได้ร้อยละ 28.86

อนุมานได้อีกเช่นกันว่าคะแนนที่เคยไม่เลือกพรรคใดเลย เทไปให้พรรคเพื่อไทย

ขณะที่ อันดับ 3 ร้อยละ 17.88 เป็น พรรคก้าวไกล อันดับ 4 ร้อยละ 7.00 เป็น พรรคพลังประชารัฐ อันดับ 5 ร้อยละ 6.32 เป็น พรรคประชาธิปัตย์ อันดับ 6 ร้อยละ 3.04 เป็น พรรคเสรีรวมไทย อันดับ 7 ร้อยละ 2.96 เป็น พรรคไทยสร้างไทย อันดับ 8 ร้อยละ 2.68 เป็น พรรคกล้า อันดับ 9 ร้อยละ 2.56 เป็น พรรคภูมิใจไทย และ ร้อยละ 2.52 ระบุเป็นพรรคอื่น ๆ

ซึ่งคะแนนนิยมพรรคการเมืองก็ลดลงพรรคละเล็กละน้อยคล้ายกับในส่วนของตัวบุคคล

เชื่อแน่ว่า ผลนิด้าโพลครั้งนี้จะถูกนำไปเคลมภายในพรรคเพื่อไทย ว่า แนวทางในการปั้น “อุ๊งอิ๊ง” ให้เป็น “นายหญิงคนใหม่” ผ่านการตีปิ๊บอีเวนต์ “ครอบครัวเพื่อไทย แลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน” หรือการดึงแกนนำคนเสื้อแดง และเชิญชวนคนเสื้อแดงให้กลับมาสนับสนุนพรรคเพื่อไทย เป็นทิศทางที่ถูกต้อง

ตามรูปการณ์ “หลานอิ๊ง” ที่ยังไม่ประกาศตัวอย่างเป็นทางการ ยังมาแรงได้ขนาดนี้ จนอาจสร้างประวัติศาสตร์ได้เหมือน “อาปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ใช้เวลาเพียง 49 วัน นำทัพเพื่อไทยคว้าชัยในการเลือกตั้งปี 2554 ได้อย่างเบ็ดเสร็จ

แถมรอบนี้ “หลานอิ๊ง” เปิดตัวตั้งแต่ไก่โห่ มีเวลาตุนแต้ม ทำคะแนนอีก หากไม่สะดุดขาตัวเองล้ม ก็คงขยับนำคู่แข่งห่างมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงวันเลือกตั้ง

สวนทางกับ “ลุงตู่” ที่แนวโน้มสาละวันเตี้ยลงๆ แบบมองไม่เห็นทางกลับมาได้

ที่ต้องเอามือเกาหัว เท้าก่ายหน้าผาก ไม่เพียง “พี่น้อง 3 ป.” ผู้กุมอำนาจรัฐในปัจจุบัน ที่นับวันคะแนนนิยมตกต่ำแบบโงหัวไม่ขึ้น ทั้งตัว “ประยุทธ์” ที่เป็นพระเอกตามท้องเรื่อง หรือ “ค่ายหลวงพ่อป้อม” พรรคพลังประชารัฐ ที่เป็น “นั่งร้าน” เองก็ทรงๆ ทรุดๆ ทั้งที่คะแนนนิยมต่ำอยู่แล้ว

ความหนักอกหนักใจยังพันไปถึง “ฝ่ายอนุรักษนิยม” ด้วย เพราะน่าสังเกตว่า ในตัวเลือกตัวบุคคลที่สนับสนุนให้เป็นนายกฯนั้น นอกจาก “ประยุทธ์” ที่ทำท่าจะไปต่อไม่ไหว และคงต้องหาตัวเลือกใหม่มาแทนที่อดีตฮีโร่ ที่วันนี้ช้ำเต็มทีแล้ว

กวาดตาดูตามโพล ก็มีเพียง “เสี่ยดอน” กรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า ในลำดับที่ 8 และ “เฮียกวง” สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกฯ ในลำดับที่ 10 ที่ท่าทีอยู่ในฝ่ายนี้ และหลุดเข้าในท็อปเทน

สำหรับ “กรณ์” ที่ถือว่าใช้เวลาทำพรรคกล้ามาพอสมควร เคยชิมลางหลายสนามเลือกตั้ง แต่ยังไม่เคยประสบความสำเร็จ อาจดูห่างไกลจากการเป็นตัวเลือกที่จะชูขึ้นมาแทน “ประยุทธ์”

ขณะที่ “สมคิด” ที่กำลังถูกทาบทามให้เป็น แคนดิเดตนายกฯของ “ค่ายกุมาร” พรรคสร้างอนาคตไทย เพิ่งมีชื่อเข้ามาในโพลเป็นหนแรกๆ หลังลาออกจากรัฐบาลไป อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า ด้วยความที่พรรคสร้างอนาคตไทย ที่รันโดย “อุตตม สาวนายน-สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” ขายภาพความเป็น “มือเศรษฐกิจ” ซึ่งถือว่า ตรงจุดกับวิกฤตของประเทศในยามนี้

หากต้องเข็นใครซักคนออกมาแทนที่ “ประยุทธ์” ตัวเลือกอย่าง “สมคิด” ก็น่าจะอยู่ในข่าย

หรือถ้าว่ากันด้วย “ฐานการเมือง” ที่เป็นรูปธรรม ตัวเลือกที่ดีอาจต้องมองไปถึง “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ในทางการเมือง ถือเป็นพรรคที่กำลังโตวันโตขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสาน แบบไม่หวั่นไหวกับอิทธิพลของ “เฮียโทนี” ทักษิณ ชินวัตร ผู้นำจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทย

แม้ในแง่ผลโพล “อนุทิน” อาจหลุดไปถึงลำดับที่ 12 แต่ก็เป็นเพราะบทบาทในรัฐบาล ในฐานะรองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ที่ผู้เป็นนายกฯ ย่อมต้องโดดเด่นกว่า ไม่ต่างกับ “เสี่ยอู๊ดด้า” จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่อยู่ในลำดับที่ 11 ด้วยคะแนนนิยมที่ไม่ต่างกันมากนัก

แต่หากพูดถึงความเป็นไปได้ในแง่จำนวน ส.ส.หลังเลือกตั้ง ก็ต้องยกให้ “ค่ายเซราะกราว” พรรคภูมิใจไทย เหนือกว่าทั้งพรรคพลังประชารัฐ หรือแม้แต่ “ค่ายสะตอ” พรรคประชาธิปัตย์ ที่มีข้อจำกัดอยู่แค่ในพื้นที่ภาคใต้ ต่างกับพรรคภูมิใจไทย ที่วันนี้ “เสี่ยหนู” เดินยุทธศาสตร์เจาะพื้นที่ในทุกภาค โดยเฉพาะภาคอีสาน ที่ถ้าพรรคภูมิใจไทยได้ ส.ส.อีสาน มาได้มากเท่าไร ก็เท่าไปลดจำนวน ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย ลงไปในตัว

สรุปแล้ว ถ้า “ประยุทธ์ และแก๊ง 3 ป.” ไปต่อไหวๆ จริง คู่เทียบที่พอจะมาช่วงชิงบัลลังก์อำนาจกับ “หลานอิ๊ง ณ เพื่อไทย” ได้
หากมองในแง่จุดขายด้านเศรษฐกิจ ก็ยกให้ “เฮียกวง-สมคิด” ที่วันนี้โดดเด่นที่สุดในด้านนี้

หรือถ้าวัดกันในมุมการเมือง ก็ต้องยกให้ “เสี่ยหนู-อนุทิน” ที่ดูจะมีลำหักลำโค่น พอท้าทายความร้อนแรงของพรรคเพื่อไทยได้








กำลังโหลดความคิดเห็น