“ประยุทธ์” เปิดทำเนียบหารือกับ รอง ปธน. เวียดนาม เห็นพ้องเพิ่มความร่วมมือด้านการค้า ความร่วมมือในภูมิภาค และกระชับความสัมพันธ์ระดับประชาชน
วันนี้ (24 มิ.ย.) เวลา 13.00 น. ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นางหวอ ถิ แองห์ ซวน (Vo Thi Anh Xuan) รองประธานาธิบดีสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำสตรีโลกประจำปี 2565 (Global Summit of Women) โดยภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญดังนี้
นายกรัฐมนตรีต้อนรับรองประธานาธิบดีเวียดนามในโอกาสเยือนไทยเป็นครั้งแรก เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำสตรีโลกเมื่อวานนี้ ชื่นชมบทบาทรองประธานาธิบดีในการส่งเสริมบทบาทสตรี เยาวชน และการช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส รวมถึงการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมจากฐานราก โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีฝากความระลึกถึงประธานาธิบดี เหวียน ซวน ฟุก และนายกรัฐมนตรีฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ ของเวียดนาม ซึ่งเป็นมิตรที่ดี และได้มีโอกาสพบหารือกันในหลายโอกาส หวังว่า จะได้ร่วมงานอย่างใกล้ชิดต่อไป เพื่อส่งเสริมหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่เข้มแข็งระหว่างไทยกับเวียดนามให้ก้าวหน้า
รองประธานาธิบดีเวียดนาม ยินดีที่ได้มาเยือนไทย พร้อมได้ร่วมประชุมสุดยอดผู้นำสตรีโลกประจำปี 2565 ประทับใจในการต้อนรับที่อบอุ่นจากรัฐบาลไทย รวมถึงชื่นชมการกล่าวถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรีในพิธีเปิดการประชุม เป็นการกล่าวที่น่าประทับใจ ชื่นชมไทยที่ให้ความสำคัญ สนับสนุนบทบาทสตรีทั่วโลก และผลักดันสตรีให้มีบทบาทในสังคม โอกาสนี้ รองประธานาธิบดีเวียดนาม กล่าวถึงความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างไทย และเวียดนาม ซึ่งมีพลวัตทางความสัมพันธ์ในฐานะหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่เข้มแข็ง โดยเวียดนามสนับสนุนให้มีการหารือแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกันในระดับสูงอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในกรอบการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมอย่างไม่เป็นทางการ เพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือให้มีความก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรม
นายกรัฐมนตรี และรองประธานาธิบดีเวียดนาม เห็นพ้องเพิ่มความร่วมมือในด้านการค้า การลงทุน และความเชื่อมโยงของห่วงโซ่อุปทานในสาขาอุตสาหกรรมที่เกื้อกูลกัน เพื่อขับเคลื่อนการฟื้นฟูเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศจากสถานการณ์โควิด-19 และความเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ระหว่างประเทศ โดยนายกรัฐมนตรีเห็นว่าควรเร่งอำนวยความสะดวกและลดอุปสรรคทางการค้าระหว่างกัน โดยมุ่งเพิ่มมูลค่าการค้าตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี ค.ศ. 2025 พร้อมกล่าวขอบคุณรัฐบาลเวียดนามที่สนับสนุนนักลงทุนไทยด้วยดี และหวังว่า จะได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะโครงการลงทุนของไทยในสาขาพลังงาน พร้อมขอให้สองประเทศร่วมมือในการอำนวยความสะดวกการขนส่งสินค้าผ่านแดนไปยังประเทศที่สาม โดยเฉพาะการลดระยะเวลาการดำเนินการที่จุดผ่านแดนสำหรับสินค้าเกษตร ซึ่งรองประธานาธิบดีเวียดนามยืนยันดูแลนักลงทุนไทย พร้อมส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าขายสินค้าเกษตรที่ทั้งสองประเทศต่างมีศักยภาพมากยิ่งขึ้น โดยการมาเยือนไทยครั้งนี้ได้นำคณะนักธุรกิจเวียดนามร่วมเดินทางมาไทยด้วย ซึ่งได้มีโอกาสเปิดประชุมธุรกิจเวียดนาม-ไทย ร่วมกับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และได้ร่วมกิจกรรมพบปะกับภาคเอกชนไทยเมื่อวานนี้ ซึ่งกิจกรรมนี้ได้รับความสนใจจากภาคเอกชนของทั้งสองประเทศ คาดว่าจะนำไปสู่การค้าและการลงทุนใหม่ๆ ระหว่างกันมากขึ้น
ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องยกระดับความร่วมมือระดับท้องถิ่นและระดับประชาชน ซึ่งไทยและเวียดนามมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดในระดับประชาชน โดยเฉพาะชุมชนชาวไทยเชื้อสายเวียดนามกว่าหนึ่งแสนคนที่มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ พร้อมต่างมุ่งหวังที่จะกระชับความร่วมมือในระดับท้องถิ่นและประชาชนมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะระหว่างเยาวชน เพื่อส่งเสริมความเข้าใจอันดีและมิตรภาพ ซึ่งจะเป็นพื้นฐานความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดในอนาคต ซึ่งรองประธานาธิบดีเวียดนามยินดีส่งเสริมความร่วมมือในระดับท้องถิ่นให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งเห็นพ้องกับไทยในการสนับสนุนการอนุรักษ์ และพัฒนาสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่มีความเกี่ยวข้องกับเวียดนามในไทย ให้สถานที่เหล่านี้เป็นแหล่งท่องเที่ยว เพื่อเสริมสร้างความตระหนักรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของสองประเทศ
ในช่วงท้าย ทั้งสองฝ่ายได้หารือเรื่องสถานการณ์ภูมิภาคและระหว่างประเทศอย่างสร้างสรรค์ พร้อมร่วมมือ ประสานท่าทีและความร่วมมืออย่างใกล้ชิด เพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือในระดับภูมิภาค และระดับโลก ทั้งในกรอบอาเซียน และองค์การสหประชาชาติ โดยนายกรัฐมนตรีและรองประธานาธิบดีเวียดนาม ต่างมองว่า ทั้งไทยและเวียดนามสามารถร่วมมือกันทั้งในด้านทวิภาคีและพหุภาคี เพื่อผลักดันไทย เวียดนาม และอาเซียน ให้มีความมั่งคั่ง มีสันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน