โฆษกกรรมาธิการร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ เผยผลสำรวจความเห็นทางเฟซบุ๊ก กว่าร้อยละ 70 เห็นว่า การกำหนดให้ปลูกกัญชาเพื่อในครัวเรือนไม่เกิน 10 ต้น ไม่เพียงพอ ร้อยละ 52.40 เห็นว่า ไม่ควรจำกัดจำนวน เตรียมเสนอเป็นข้อมูลให้กรรมาธิการใช้ประกอบการตัดสินใจ ย้ำ ต้องฟังความคิดเห็นอย่างรอบด้าน
วันนี้ (24 มิ.ย.) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ในฐานะโฆษกและกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาร่าง พ.ร.บ. กัญชา กัญชง พ.ศ…. โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ เกี่ยวกับผลการสำรวจความคิดเห็นทางเฟซบุ๊กกรณีการกำหนดให้ปลูกกัญชาเพื่อใช้ในครัวเรือน (ไม่จำหน่าย) ครัวเรือนละไม่เกิน 10 ต้น มีรายละเอีดระบุว่า สรุปผลการสำรวจความคิดเห็นในเฟซบุ๊กร้อยละ 52.40 เห็นว่า ไม่ควรจำกัดจำนวน
สำหรับประเด็นการปลูกกัญชาไม่เกิน 10 ต้นนั้น ตลอดวันที่ 23 มิถุนายน 2565 ในเฟซบุ๊กแฟนเพจ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ พบว่า มีผู้แสดงความเห็นร้อยละ 70.66 เห็นว่า 10 ต้นไม่เพียงพอในการ “จดแจ้ง” เพื่อใช้ในครัวเรือน (ไม่มีการจำหน่าย) โดยในจำนวนนี้แบ่งเป็นผู้ที่เห็นว่าไม่ควรจำกัดจำนวนกัญชามากที่สุดร้อยละ 52.40 และเห็นว่า ควรให้ปลูกได้มากกว่า 10 ต้น ร้อยละ 18.26
ในขณะที่มีผู้ที่เห็นว่าการจดแจ้งเพื่อปลูกได้ไม่เกิน 10 ต้น เหมาะสม และเพียงพอแล้วจำนวนร้อยละ 23.05 โดยมีผู้ที่เห็นว่าควรให้ปลูกกัญชาน้อยกว่า 10 ต้น หรือไม่ควรให้ปลูกเลยร้อยละ 3.29 และยังมีความเห็นอื่นๆ อีกประมาณร้อยละ 3 เช่น ควรนับจำนวนสมาชิกในครัวเรือน ควรคุมขนาดพื้นที่ และควรให้การปลูกในครัวเรือนขายได้ ฯลฯ
ผลสรุปการแสดงความคิดเห็นดังกล่าวข้างต้นจะได้ถูกนำเสนอต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ…. เพื่อเป็นความเห็นส่วนหนึ่ง ในการประกอบความคิดเห็นและตัดสินใจต่อไป ส่วนคณะกรรมาธิการฯจะพิจารณาอย่างไร จะแจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง
ทั้งนี้ ขอยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่า ทางกรรมาธิการยังต้องฟังความเห็นอย่างรอบด้านทั้งข้อจำกัดการปฏิบัติตามอนุสัญญาเดี่ยวว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ ค.ศ. 1961 และกฎหมายพันธะผูกพันระหว่างประเทศอื่นๆ รวมทั้งความเห็นจากทุกภาคส่วนที่มีห่วงใยในสังคมในมิติต่างๆ
ถึงเวลานี้กรรมาธิการเสียงข้างมาก ยังเห็นความจำเป็นว่า “การจำหน่าย” ทุกรูปแบบยังคงต้องมีการขออนุญาต เพื่อให้มีคำตอบต่อการปฏิบัติตามอนุสัญญาเดี่ยวว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ ค.ศ. 1961 จึงแตกต่างจากระท่อมที่ไม่อยู่ภายใต้ข้อจำกัดนี้ ตลอดจนยังต้องมีกฎกติกาในการคุ้มครองเด็กและเยาวชน และประชาชนกลุ่มอื่นๆ เพียงแต่จะพยายามอำนวยความสะดวกให้ผู้จำหน่ายรายเล็ก (น้อยกว่า 5 ไร่) ให้ได้รับความสะดวกและมีภาระต่างๆ ให้น้อยที่สุด ภาระและความยุ่งยากทั้งหลายให้น้อยกว่าผู้ที่ปลูกขนาดใหญ่ โดยไม่เคยมีทิศทางว่าจะต้องการเอื้อประโยชน์ให้นายทุนกลุ่มใดทั้งสิ้น
จึงเรียนมาเพื่อทราบและขอขอบคุณที่ร่วมแสดงความเห็นในการรับฟังความเห็นในครั้งนี้ และหากมีความเห็นอื่นใดในการแก้ไขเพิ่มเติมขอได้แสดงความเห็นกันเข้ามาได้อย่างต่อเนื่องในระหว่างการพิจารณานี้