“เสี่ยหนู” เผย เพื่อไทย ลงศรีสะเกษ ไล่หนูตีงูเห่า เป็นแค่กลยุทธ์หาเสียง ปัดวิจารณ์ “ณัฐวุฒิ” นั่ง ผอ.ครอบครัว เชื่อ ปชช.เบื่อความขัดแย้ง ชี้ นักการเมืองเป็นเพื่อนกัน แยกแยะหน้าที่กันได้ ยกกรณี “ชัชชาติ-บิ๊กตู่” ประชุม ศบค.ชื่นมื่น
วันนี้ (17 มิ.ย.) เมื่อเวลา 11.40 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์กรณีพรรคเพื่อไทย จัดกิจกรรม ครอบครัวเพื่อไทยไปศรีสะเกษไล่หนูตีงูเห่า ในวันที่ 18 มิถุนายนนี้ และลงพื้นจังหวัดศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย มีความกังวลหรือไม่ ว่า พื้นที่ในแต่ละจังหวัดไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง ทุกจังหวัดก็มีผู้แทนของพี่น้องประชาชน คนที่จะเสนอตัวเองเป็นผู้แทนต้องมีวิธีและกลยุทธ์เป็นของตัวเอง ที่จะทำให้ประชาชนเลือกเขาเข้ามา พรรคภูมิใจไทยก็จะมีกลยุทธ์ในแบบของตน พรรคอื่นก็มีกลยุทธ์อื่นๆ สุดท้ายอยู่ที่การตัดสินใจของประชาชน
เมื่อถามว่า พรรคภูมิใจไทย ได้ประเมินหรือไม่ว่าหลังจากที่พรรคเพื่อไทย ได้นำ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ มาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย จะมีนัยทางการเมืองและกังวลจะนำความขัดแย้งมาสู่การเมืองหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า คงเป็นเรื่องของกลยุทธ์ เราจะไปวิพากษ์วิจารณ์ได้อย่างไร ว่า อันไหนถูกอันไหนผิด อย่างเวลาตนลงพื้นที่ก็ลงเอง เพราะตั้งใจเต็มใจที่จะลงพื้นที่ ไม่ต้องไปพึ่งพาใคร ถือเป็นกลยุทธ์ของพรรคภูมิใจไทย ถ้าหัวหน้าพรรคและรัฐมนตรีลงพื้นที่เอง ก็น่าจะให้ความเชื่อมั่นกับชาวบ้านได้
เมื่อถามย้ำว่า การที่ดึง นายณัฐวุฒิ เข้ามาจะดึงความขัดแย้งเข้ามาด้วยใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนคิดว่าประชาชนทุกวันนี้คงเบื่อเรื่องความขัดแย้ง ความรุนแรงเต็มทนแล้ว อย่างที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่ทำให้เกิดความขัดแย้งมีก่อนในอดีต เขาก็ต้องดูความรู้สึกของประชาชน ทุกอย่างต้องปรับเปลี่ยนไป เช่น ตนกับนายณัฐวุฒิ ส่วนตัวก็เรียกพี่เรียกน้องมาโดยตลอด เจอกันก็ทักทายกันเป็นอย่างดี เคยเรียนหลักสูตรเกี่ยวกับการเมืองร่วมกัน ไม่มีปัญหาอะไร เรื่องการเมืองก็เรื่องการเมือง เพื่อนสนิทตนในพรรคเพื่อไทยก็เยอะแยะไป แต่ในฐานะที่ทำหน้าที่ในฐานะที่เป็นพรรค เขาก็ทำหน้าที่ของเขา มันต้องแยกกันให้ออก
เมื่อถามว่า มองว่า บรรยากาศการเมืองขณะนี้เป็นเรื่องปกติใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติเหมือนตีกอล์ฟ คนที่ไปตีกอล์ฟในก๊วนเดียวกันได้ก็เพื่อนกันทั้งนั้น แต่เวลาแข่งขันกันก็ไม่มีใครยอมใคร ก็ถือเป็นเรื่องธรรมดา เป็นเรื่องกติกาสากล แต่เราไม่ได้มีความเครียดแค้นหรือโกรธแค้นอะไรกัน ดูอย่างเช่นเมื่อสักครู่ หลังประชุม ศบค. ระหว่างนายกฯ กับ ผู้ว่าฯ กทม.ที่คนไปคิดว่าจะเจอกันได้หรือไม่ แต่เมื่อสักครู่นายกฯพาชมตึกไทยคู่ฟ้าและตึกภักดีบดินทร์ ซึ่งอยู่ในทำเนียบรัฐบาล ให้เห็นว่าห้องนี้ทำอะไรห้องนั้นทำอะไร บรรยากาศดีจะตาย