xs
xsm
sm
md
lg

ลีลาประจำฤดูกาล “ซักฟอก” สกัดคู่แข่ง !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เมืองไทย 360 องศา

ในที่สุด เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พรรคร่วมฝ่ายค้านก็ได้ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลจำนวน 11 คนต่อ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรเรียบร้อยแล้ว โดยในจำนวนรัฐมนตรีทั้งหมดดังกล่าวรวมนายกรัฐมนตรีด้วย

สำหรับรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลทั้ง 11 ราย ที่ถูกยื่นญัตติไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ หากแยกเป็นกลุ่มได้ดังนี้ กลุ่ม “สาม ป.” ประกอบด้วย 1. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม 2. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ 3. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

รัฐมนตรีจากพรรคพลังประชารัฐ คือ 4. นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม 5. นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน 6. นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เลขาธิการพรรค

ส่วนพรรคภูมิใจไทย 7. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข หัวหน้าพรรค 8. นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เลขาธิการพรรค

พรรคประชาธิปัตย์ 9. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ 10. นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และ 11. นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย

จากการแถลงของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราฎร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุว่า นี่คือ รายการ “เด็ดหัวนายกฯและสอยนั่งร้านทั้ง 10” และมีข้อกล่าวหาความผิดพอสรุปดังนี้

ในส่วนของ พล.อ.ประยุทธ์ มีข้อกล่าวหาว่า ผิดพลาดบกพร่องล้มเหลวการบริหารราชการแผ่นดิน จงใจฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ กฎหมาย มาตรฐานจริยธรรม ปล่อยปละละเลยละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เอื้อประโยชน์พวกพ้อง ไม่ปฏิบัติตามคำแถลงนโยบายรัฐบาล มีพฤติกรรมที่ปล่อยให้มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน และทำลายผู้เห็นต่าง ปล่อยปละละเลยให้มีการทำลายประชาธิปไตยระบบรัฐสภา มีภาวะผู้นำที่พิการทางสมอง แม้ว่าจะแรงพอสมควร แต่เป็นเรื่องของลักษณะความรู้ความสามารถ

ส่วนข้อกล่าวหาของนายจุรินทร์ เน้นเรื่องความไม่ซื่อสัตย์สุจริต เอื้อประโยชน์ให้มีการทุจริตต่อพวกพ้อง นายอนุทิน ข้อกล่าวหาสำคัญ คือ การบริหารราชการแผ่นดินล้มเหลวผิดพลาดบกพร่อง สนับสนุน หรือทำให้เกิดกระบวนการทำลายการปกครองระบบรัฐสภา มีการใช้เงินให้ได้มาซึ่งอำนาจ พล.อ.ประวิตร จงใจไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ เอื้อประโยชน์สนับสนุนให้มีการแสวงหาผลประโยชน์ พล.อ.อนุพงษ์ ข้อกล่าวหาคือไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ บริหารราชการแผ่นดินผิดพลาดล้มเหลว เอื้อประโยชน์ สนับสนุนให้มีทุจริต

นายศักดิ์สยาม ข้อกล่าวหาคือ ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต ใช้ตำแหน่งหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์ นายชัยวุฒิ บริหารราชการผิดพลาดบกพร่องร้ายแรง ทำให้เกิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี มีพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงขาดมาตรฐานจริยธรรม ประพฤติปฏิบัติมิชอบ ในทางเสื่อมเสียศีลธรรมอันดี นายจุติ ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ล้มเหลวไร้ความรู้ความสามารถในการบริหารราชการแผ่นดิน และ นายสุชาติ ข้อกล่าวหาคือไม่มีความซื่อสัตย์ เอื้อประโยชน์ แสวงหาประโยชน์ในหน้าที่

นพ.ชลน่าน กล่าวด้วยว่า สำหรับช่วงเวลาการอภิปรายการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง 2 ฉบับ และร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ น่าจะพิจารณาแล้วเสร็จไม่เกินวันที่ 24 มิ.ย.นี้ หรืออย่างช้าไม่ควรเกินวันที่ 1 ก.ค. ดังนั้น การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล น่าจะมีขึ้นตั้งแต่วันที่ 18 ก.ค.

ทั้งนี้ การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งที่ผ่านมา พรรคฝ่ายค้านอภิปรายรัฐมนตรีจำนวนน้อยกว่าการขอเปิดอภิปรายครั้งนี้ ยังใช้เวลาการอภิปรายถึง 4 วัน ฉะนั้น ครั้งนี้น่าจะใช้เวลามากกว่าครั้งที่ผ่านมา

“การอภิปรายครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายของรัฐบาลนี้ก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งการเลือกตั้งต้องเกิดขึ้นแน่นอน อย่างช้าที่สุดไม่เกิน 23 มี.ค. 66 แต่เรามั่นใจจะมีการเลือกตั้งเร็วกว่านั้น การอภิปรายครั้งนี้ตั้งวัตถุประสงค์ไว้ 2 อย่าง คือ อาศัยมือในสภาเด็ดหัว สอยนั่งร้าน มั่นใจว่ามีเสียงพอในการโหวตไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี และคาดหวังว่าในสนามเลือกตั้ง เราจะตรวจสอบนั่งร้านเพื่อให้ประชาชนชี้ขาดวินิจฉัย เรามั่นใจในศรัทธาของประชาชน ถ้าไม่ตายในสภา ก็ไปตายในการเลือกตั้ง”

แน่นอนว่า หากพิจารณาในร่างญัตติฉบับเต็มของฝ่ายค้านที่ระบุความผิดของรัฐมนตรีแต่ละคนแล้ว ถือว่ามี “ความผิดร้ายแรงมาก” เรียกว่า หากเป็นความจริงตามนั้นถือว่า “ไม่สามารถอยู่เป็นคนได้เลย” เพราะว่าร้ายแรงมาก โดยเฉพาะข้อกล่าวหาความผิดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผู้นำรัฐบาล

แต่ก็อย่างว่าแหละ มันเป็นแค่ข้อความหรือคำพูดที่แล้วแต่ว่าจะมีการคิดกันขึ้นมาหรือสรรหาคำมาด่าเท่านั้น เหมือนกับว่า หากคิดคำได้รุนแรงกว่านี้ก็คงขุดขึ้นมาแล้ว อย่างไรก็ดี หากพิจารณาจากความเป็นจริง หรือย้อนกลับไปพิจารณาความผิดของรัฐมนตรีแต่ละคนมันก็ยังนึกไม่ออกว่ามันจะมีความร้ายแรงถึงขนาดนั้น

แม้ว่าหลายเรื่องก็น่าสงสัย มีความเคลือบแคลงจากสังคม แต่หากมองกันอย่างตรงไปตรงมามันก็ยังไม่มีหลักฐานในแบบที่เรียกว่า “ใบเสร็จ” มายืนยันอย่างชัดเจนสักเรื่องเดียว หรือแม้แต่การบริหารงานที่ล้มเหลว ก็อาจจะมี แต่ก็ยังไม่อาจระบุได้ชัดเจนขนาดนั้น เนื่องจากมันยังมีปัจจัยหลายอย่างทั้งภายนอกภายในมาพิจารณาประกอบกัน

อย่างไรก็ดี หากพิจารณาให้ละเอียดก็จะพบความจริงว่าการยื่น “ญัตติซักฟอก” ในครั้งนี้ฝ่ายค้านมีเป้าหมายทางการเมืองอย่างชัดเจน เหมือนกับการซักฟอก “ตามฤดูกาล” โดยเฉพาะคราวนี้เป็นการหวังผลในการเลือกตั้งครั้งหน้าที่จะต้องเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เพราะเหลือเวลาอีกไม่ถึงปีก็จะครบวาระแล้ว และแม้ว่าเป้าหมายหลักยังเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และกลุ่ม “สาม ป.” ที่ถือว่าเป็น “กลุ่มอำนาจ” ในปัจจุบัน ที่ต้องหาทางโค่น หรือดิสเครดิตทำลายให้อ่อนแรงให้มากที่สุด เนื่องจากยังเป็นตัวขัดขวางสำคัญในสนามเลือกตั้ง ขณะที่เป้าหมายรองลงมา ก็น่าจะเป็นพรรคภูมิใจไทย หากพิจารณาจากคู่แข่งในระดับพรรคในสนามภูมิภาค โดยเฉพาะในภาคอีสานสำหรับพรรคเพื่อไทย อีกทั้งยังเป็นการ “สางปมแค้น” จากกรณี “งูเห่า” เลื้อยหนียกจังหวัด และคาดว่า ยังมีอีกหลายจังหวัด ดังนั้น คราวนี้ถึงเวลาต้องเอาคืน อย่างน้อยก็ยังเป็นการสกัดกั้นการรุกคืบล้ำเส้นเข้ามาพร้อมกันไปด้วย

ขณะที่รัฐมนตรีจากพรรคประชาธิปัตย์ ก็อาจจำเป็นต้องพ่วงเข้ามา เหมือนกับติดปลายนวม เช่น เรื่องสินค้าราคาแพง ความผิดพลาด ข้อหาเรื่องการทุจริตประพฤติมิชอบที่จัดการไปพร้อมๆ กัน

แต่จากการพิจารณาทั้งตัวญัตติ และข้อกล่าวหารัฐมนตรีทั้ง 11 คนแล้ว ยังไม่เชื่อว่า ฝ่ายค้านจะสามารถ “โค่น” รัฐมนตรีลงได้สักคนเดียว เนื่องจากการยื่นญัตติในแบบ “เหมาเข่ง” เข้ามาแบบทุกพรรครัฐบาลแบบนี้ มันก็ยิ่งทำให้บรรดารัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายต้องแพ็กกันแน่น แม้ว่าอาจจะมีบางคนที่ต้องลุ้นหวาดเสียวบ้าง เนื่องจากมี “โจทก์” ส่วนตัว จากบางพรรค แต่เชื่อเถอะเมื่อถึงเวลาก็ต้องโหวตให้อย่างมากก็งดออกเสียง แต่ถึงอย่างไรเชื่อว่าเสียงต้องเกินครึ่งแน่นอน นอกจากมี “ข้อมูลใหม่” ซึ่งเมื่อใกล้ถึงเวลาค่อยมาว่ากันอีก แต่นาทีนี้ยังไม่มีอะไรในกอไผ่ !!


กำลังโหลดความคิดเห็น