xs
xsm
sm
md
lg

ได้ฤกษ์ยื่นซักฟอก ฝ่ายค้านจัดเต็ม “บิ๊กตู่” พ่วง 11 รมต.ซัดผู้นำพิการทางความคิด ศก.ล่มจม ทุจริตอื้อ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ฝ่ายค้านได้ฤกษ์ยื่นญัตติเชือด “ประยุทธ์” พ่วง 11 รมต. ตั้งข้อหาฉกรรจ์ อัด ผู้นำพิการทางความคิด นำพารบ.บริหารล้มเหลว เศรษฐกิจล่มจม ปล่อยบริวารทุจริตอื้อ ทำ ปชช.แตกแยก

วันนี้ (15 มิ.ย.) เมื่อเวลา 13.00 น. พรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล พร้อมรายชื่อสมาชิก ส.ส.จำนวน 182 คน ต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร

โดย ประธานสภา กล่าวว่า จะรับญัตตินี้ไปพิจารณาภายใน 7 วัน ซึ่งต้องตรวจสอบว่าว่าญัตติมีความถูกต้องหรือไม่ โดยทั่วไปจะมีปัญหาเรื่องลายเซ็นไม่ตรงกัน ทั้งนี้ เราอภิปรายไม่ไว้วางใจกันมาทุกปี ประสบการณ์ทุกฝ่ายทราบดีว่าต้องเตรียมตัวอย่างไร คาดว่า จะใช้เวลาอีก 2-3 สัปดาห์ เนื่องจากเดือน มิ.ย. และเดือน ก.ค. มีร่างกฎหมายที่ต้องพิจารณาอีกมาก และจะต้องหารือกับรัฐบาลว่ามีความพร้อมช่วงเวลาใด

ด้าน นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ส.ส.ฝ่ายค้าน 7 พรรค ร่วมกันเข้าชื่อตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 จำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ของ ส.ส.ที่มีอยู่ ทั้งหมด 182 รายชื่อ เพื่อขอยื่นญัตติอภิปรายรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล จำนวน 11 คน คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย และ นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน

นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า เด็ดหัวนายกฯ และนั่งร้านทั้ง 10 เราใช้ข้อกล่าวหาเป็นรายบุคคลอยู่แล้ว ในส่วนของ พล.อ.ประยุทธ์ มีข้อกล่าวหาว่า ผิดพลาดบกพร่องล้มเหลวการบริหารราชการแผ่นดิน จงใจฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ กฎหมาย มาตรฐานจริยธรรม ปล่อยปละละเลยละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เอื้อประโยชน์พวกพ้อง ไม่ปฏิบัติตามคำแถลงนโยบายรัฐบาล มีพฤติกรรมที่ปล่อยให้มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน และทำลายผู้เห็นต่าง ปล่อยปละละเลยให้มีการทำลายประชาธิปไตยระบบรัฐสภา มีภาวะผู้นำที่พิการทางสมอง แม้ว่าจะแรงพอสมควร แต่เป็นเรื่องของลักษณะความรู้ความสามารถ

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ส่วนข้อกล่าวหาของนายจุรินทร์ เน้นเรื่องความไม่ซื่อสัตย์สุจริต เอื้อประโยชน์ให้มีการทุจริตต่อพวกพ้อง , นายอนุทิน ข้อกล่าวหาสำคัญ คือ การบริหารราชการแผ่นดินล้มเหลวผิดพลาดบกพร่อง สนับสนุน หรือทำให้เกิดกระบวนการทำลายการปกครองระบบรัฐสภา มีการใช้เงินให้ได้มาซึ่งอำนาจ, พล.อ.ประวิตร จงใจไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ เอื้อประโยชน์สนับสนุนให้มีการแสวงหาผลประโยชน์, พล.อ.อนุพงษ์ ข้อกล่าวหาคือไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ บริหารราชการแผ่นดินผิดพลาดล้มเหลว เอื้อประโยชน์ สนับสนุนให้มีทุจริต, นายศักดิ์สยาม ข้อกล่าวหาคือไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต ใช้ตำแหน่งหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์, นายชัยวุฒิ บริหารราชการผิดพลาดบกพร่องร้ายแรง ทำให้เกิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี มีพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงขาดมาตรฐานจริยธรรม ประพฤติปฏิบัติมิชอบ ในทางเสื่อมเสียศีลธรรมอันดี, นายจุติ ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ล้มเหลวไร้ความรู้ความสามารถในการบริหารราชการแผ่นดิน และนายสุชาติ ข้อกล่าวหาคือไม่มีความซื่อสัตย์ เอื้อประโยชน์ แสวงหาประโยชน์ในหน้าที่

นพ.ชลน่าน กล่าวด้วยว่า สำหรับช่วงเวลาการอภิปรายการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง 2 ฉบับ และร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ น่าจะพิจารณาแล้วเสร็จไม่เกินวันที่ 24 มิ.ย.นี้ หรืออย่างช้าไม่ควรเกินวันที่ 1 ก.ค. ดังนั้น การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล น่าจะมีขึ้นตั้งแต่วันที่ 18 ก.ค. ทั้งนี้ การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งที่ผ่านมา พรรคฝ่ายค้านอภิปรายรัฐมนตรีจำนวนน้อยกว่าการขอเปิดอภิปรายครั้งนี้ ยังใช้เวลาการอภิปรายถึง 4 วัน ฉะนั้น ครั้งนี้น่าจะใช้เวลามากกว่าครั้งที่ผ่านมา

“การอภิปรายครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายของรัฐบาลนี้ก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งการเลือกตั้งต้องเกิดขึ้นแน่นอน อย่างช้าที่สุดไม่เกิน 23 มี.ค.2566 แต่เรามั่นใจจะมีการเลือกตั้งเร็วกว่านั้น การอภิปรายครั้งนี้ตั้งวัตถุประสงค์ไว้ 2 อย่าง คือ อาศัยมือในสภาเด็ดหัว สอยนั่งร้าน มั่นใจว่ามีเสียงพอในการโหวตไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี และคาดหวังว่าในสนามเลือกตั้ง เราจะตรวจสอบนั่งร้านเพื่อให้ประชาชนชี้ขาดวินิจฉัย เรามั่นใจในศรัทธาของประชาชน ถ้าไม่ตายในสภาก็ไปตายในการเลือกตั้ง” นพ.ชลน่าน กล่าว

ทั้งนี้ ญัตติดังกล่าวได้ระบุถึงพฤติกรรมของบุคคลที่ถูกอภิปราย ดังรายละเอียดต่อไปนี้

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ตลอดระยะเวลาร่วม8 ปีที่บริหารประเทศมาในฐานะนายกรัฐมนตรี ผิดพลาดล้มเหลว ไม่สามารถแก้ปัญหาต่างๆ ให้กับประเทศ ไม่สามารถสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและความอยู่ดีกินดีให้กับประชาชนได้เลย ในทางตรงกันข้ามกลับกลายเป็นต้นตอที่ทำให้ปัญหาที่มีอยู่มีความซับซ้อน ขยายวงกว้างและรุนแรงยิ่งขึ้นทั้งปัญหาด้านเศรษฐกิจ การเมือง อาชญากรรม ยาเสพติด การทุจริตคอรัปชั่น ประชาชนในชาติแตกแยกแบ่งฝักแบ่งฝ่ายขยายวงกว้างขึ้นมากกว่าเดิม โดยเฉพาะปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันในยุคของ พล.อ.ประยุทธ์ นับว่า มีสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยแพร่กระจาย ไปทุกอณูของสังคม เป็นยุคที่ทุจริตเฟื่องฟู ความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจรั้งท้ายของอาเซียน ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการที่ พลเอก ประยุทธ์ ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ไร้ภูมิปัญญา ไร้องค์ความรู้ ไร้ความสามารถ ไร้ประสิทธิภาพ ไร้จิตสำนึกรับผิดชอบ ขาดภาวะความเป็นผู้นำที่จะ เป็นหัวหน้ารัฐบาล เป็นผู้นำที่พิการทางความคิด ยึดติดแต่อำนาจ ไม่เคารพหลักนิติรัฐนิติธรรม ไร้คุณธรรมจริยธรรม ทำให้การบริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว ผิดพลาด บกพร่องเสียหายอย่างร้ายแรงทุกด้าน ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจและสังคม

มีพฤติกรรมปล่อยปละละเลยให้บุคคลแวดล้อมและ พวกพ้องของตนแสวงหาผลประโยชน์บนความทุกข์ยากของพี่น้องประชาชน ไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย โดยละเว้นเพิกเฉยต่อการทุจริตในภาครัฐเพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่ตนเองและพวกพ้อง การใช้จ่ายงบประมาณมิได้คำนึงถึงวินัยการเงินการคลัง มุ่งแต่ก่อหนี้เพื่อแสวงหาคะแนนนิยม ทางการเมือง โดยไม่สนใจต่อภาระหนี้สาธารณะและหนี้สินต่อหัวของประชาชน จนเรียกได้ว่า “เป็นยุคก่อหนี้มหาศาลเพื่อนำมาผลาญโดยไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศและประชาชน” ไม่ปฏิบัติตามนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา ไม่ใส่ใจและไม่ดำเนินการแก้ไขข้อบกพร่องในการบริหารราชการแผ่นดินตามข้อกล่าวหาและคำแนะนำของสภา

จงใจปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ขาดจิตสำนึกในความเป็นประชาธิปไตย ไร้การเคารพซึ่งสิทธิเสรีภาพของประชาชน มุ่งใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือทางการเมือง ปิดปากประชาชนและปิดกั้นเสรีภาพของสื่อมวลชน ละเมิดสิทธิมนุษยชน ใช้งบประมาณเพื่อการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ ที่ไม่มีความจำเป็นต่อภารกิจของประเทศในภาวะที่ประเทศมีปัญหาด้านเศรษฐกิจ ที่รุนแรง ไม่กำกับดูแลการใช้งบประมาณแผ่นดินให้เป็นไปโดยมีประสิทธิภาพ มีประสิทธิผล ไม่รักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ผลจากการบริหารประเทศของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นับวันจะทำให้ประเทศถอยหลัง เศรษฐกิจของประเทศดิ่งเหว ประชาชนที่ยากจนอยู่แล้วยิ่งยากจน ลงเรื่อยๆ ความเหลื่อมล้ำระหว่างคนจนกับคนรวยขยายวงกว้างมากขึ้น ผู้คนตกงานและบัณฑิตจบใหม่ไม่มีงานทำเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ธุรกิจย้ายฐานการผลิตไปประเทศอื่น นักลงทุนใหม่ก็เข้ามาลงทุนน้อยลง

ขณะที่ปัญหาสังคมทั้งยาเสพติด อาชญากรรมโดยเฉพาะอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่เพิ่มมากขึ้นสร้างความเสียหายและความเดือดร้อนให้กับประชาชนโดยที่ภาครัฐไม่สามารถป้องกันและแก้ปัญหาดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้สถานการณ์ความเดือดร้อนและความทุกข์ยากของประชาชนดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์ กลับปล่อยให้พวกพ้องและบุคคลแวดล้อมของตนเองกระทำการทุจริต และประพฤติมิชอบอย่างกว้างขวาง ไม่ใส่ใจที่จะป้องกันและปราบปราม มีการใช้เงินและการต่อรองผลประโยชน์เพื่อความอยู่รอดทางการเมืองของตนเอง อันเป็นการทำลายระบบรัฐสภาและหลักการประชาธิปไตย จนทำให้ระบบรัฐสภาตกต่ำสั่นคลอน และกลไกในระบบรัฐสภาเสียหาย

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ มีพฤติกรรมฉ้อฉล ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ รู้เห็นเป็นใจหรือปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตในองค์กรหรือหน่วยงานในกำกับดูแล สร้างความเสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ แสวงหาผลประโยชน์สำหรับตนเองและพวกพ้อง ไม่ระงับยับยั้ง ละเลยไม่ติดตามแก้ไขปัญหาการทุจริตเพื่อให้มีการชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่รัฐ ล้มเหลวและไร้ความรู้ความสามารถ ในการบริหารราชการของกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงในกำกับดูแล ปล่อยให้ราคาสินค้าอุปโภค บริโภคสูงขึ้นจนกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนและการดำเนินธุรกิจของภาคเอกชน จนส่งผลกระทบต่อประชาชนทุกหย่อมหญ้า จงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ไร้คุณธรรมจริยธรรม ไร้จิตสำนึกของการเป็นนักการเมืองที่ดี มีพฤติกรรมทำลายระบบการเมืองด้วยการรู้เห็นเป็นใจ สนับสนุนการใช้เงินและผลประโยชน์เพื่อมุ่งดึง ส.ส.จากพรรคการเมืองอื่นเข้าสังกัดกลุ่มการเมืองของตนโดยไม่คำนึงถึงหลักการประชาธิปไตย และคุณธรรมทางการเมือง ทำให้ระบบการเมืองถอยหลังไปสู่ยุคการใช้เงินและผลประโยชน์สร้างฐานอำนาจทางการเมือง อันถือเป็นธุรกิจการเมืองที่ทำลายอุดมการณ์ประชาธิปไตย เปลี่ยนจากระบบคุณธรรมนำการเมืองเป็นใช้เงินและผลประโยชน์นำการเมือง นายอนุทิน ยังล้มเหลวผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรง ไร้ความรู้ความสามารถในการบริหารราชการของกระทรวงสาธารณสุข มีการใช้งบประมาณแผ่นดินเกินความจำเป็นและไม่เกิดประโยชน์ เกิดความเสียหายแก่งบประมาณของประเทศ มุ่งเอื้อประโยชน์ให้เพื่อนพ้องบริวาร แสวงหาประโยชน์จากตำแหน่งและหน้าที่ของตน จงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จงใจไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ และกฎหมาย ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มุ่งสร้างความมั่งคั่งในตำแหน่งหน้าที่ รู้เห็นเป็นใจหรือปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตและแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายที่เกิดกับประเทศ ไร้จิตสำนึกและไร้ความรับผิดชอบต่อตำแหน่งหน้าที่ ไม่เป็นแบบอย่างที่ดีในการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต แต่กลับทำตนเป็นแบบอย่างของการหลีกเลี่ยงการปฏิบัติตามกฎหมายที่มีวัตถุประสงค์ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต เมื่อพบเห็นการทุจริตกลับปกป้องและไม่ดำเนินการแก้ไข

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ขาดซึ่งธรรมาภิบาล บริหารราชการแผ่นดินผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรง ใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตของหน่วยงานในกำกับดูแลอย่างกว้างขวาง เมื่อรู้ว่ามีการทุจริตกลับไม่ระงับ ยับยั้ง แต่กลับรู้เห็นยินยอมให้มีการกระทำดังกล่าวจนทำให้การทุจริตเป็นเรื่องปกติของการปฏิบัติหน้าที่ราชการ ทำให้ระบบราชการและประเทศชาติได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ บริหารราชการแผ่นดินโดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมของชาติ มีพฤติกรรมใช้อำนาจ ในตำแหน่งหน้าที่เพื่อแสวงหาประโยชน์ให้กับตนเองและพวกพ้อง ดำเนินนโยบายโดยไม่คำนึงถึง ความคุ้มค่าในด้านการใช้จ่ายงบประมาณ มีการใช้งบประมาณจำนวนมากโดยไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจและประโยชน์สาธารณะ ทำให้ประเทศสูญเสียโอกาสและงบประมาณจำนวนมหาศาล ใช้สถานะ หรือตำแหน่งกระทำการโดยทางตรงและทางอ้อม อันเป็นการก้าวก่ายแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐในกระทรวงคมนาคม เพื่อประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง และพรรคการเมืองที่ตนสังกัด ละเว้นไม่ดูแลให้มีการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดจนเกิดความเสียหายต่อแผ่นดิน ไม่ดูแลให้เกิดการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม มีผลประโยชน์ทับซ้อนและกระทำการขัดกันแห่งผลประโยชน์ จงใจปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายเพื่อให้ตนเองมีส่วนได้รับประโยชน์จากโครงการต่างๆ ของรัฐ ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม บริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว บกพร่องอย่างร้ายแรง ปล่อยปละละเลยให้เกิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่ทำลายระบบเศรษฐกิจและสร้างความเสียหายต่อประชาชนอย่างกว้างขวางแพร่หลาย และเพิ่มจำนวนมากขึ้นโดยไม่สนใจ และขาดความรู้ความสามารถที่จะป้องกันและปราบปราม สนใจ เอาผิดแต่เฉพาะกับกลุ่มบุคคล นักเรียน นิสิต นักศึกษา ที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือทางการเมือง ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้กับตนเอง บริวาร และพวกพ้องนอกจากนี้ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ยังมีพฤติการณ์จงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย มีความประพฤติเสื่อมเสียทางศีลธรรมอันดี ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ล้มเหลว ไร้ความรู้ ความสามารถในการดูแลงานด้านพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ปล่อยให้ประชาชนขาดไร้ซึ่งที่อยู่อาศัย และค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพ ขณะทีการใช้งบประมาณแผ่นดินกลับมุ่งเพื่อแสวงหาประโยชน์สำหรับตนเองและพวกพ้อง ทำให้คุณภาพชีวิตของประชาชนตกต่ำ ขาดโอกาสในการพัฒนาศักยภาพของตนเอง

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มีพฤติกรรมทุจริตต่อหน้าที่ ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตและแสวงหาประโยชน์ในหน่วยงานที่กำกับดูแล เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชน ไม่ดูแลรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ จงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

นายนิพนธ์ บุญญามณี รมว.มหาดไทย ไร้ความรู้ความสามารถในการบริหารราชการแผ่นดิน มีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ จงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ปล่อยปละละเลย รู้เห็น สนับสนุนให้มีการทุจริตและแสวงหาผลประโยชน์ภายในหน่วยงานในกำกับดูแล ไม่ดำเนินการตรวจสอบ ระงับ ยับยั้ง และป้องกันการทุจริตจนทำให้เกิดความเสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง

นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มีพฤติการณ์ส่อไปทางทุจริตและประพฤติมิชอบต่อหน้าที่ กระทำการอันเป็นการขัดกัน แห่งผลประโยชน์ ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้กับตนเองและพวกพ้อง จงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย ปล่อยปะละเลยให้มีการแสวงหาผลประโยชน์จากการนำแรงงานต่างด้าวเข้าประเทศ เอื้อประโยชน์ให้เอกชนรายใหญ่ในการใช้ประโยชน์จากแรงงานโดยผิดกฎหมาย ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

“ผลจากการบริหารราชการแผ่นดินและพฤติกรรมต่างๆ ของ พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐมนตรีรวม 11 คน ข้างต้น ได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติอย่างใหญ่หลวง ประเทศชาติประสพความตกต่ำอย่างถึงที่สุดในทุกด้าน ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจและสังคม ประชาชนสูญเสียโอกาสที่จะได้คุณภาพชีวิตและหลักประกันการดำรงชีพที่ดี เดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า เกิดภาวะ “รวยกระจุก จนกระจาย” และ “ค่าครองชีพสูง คุณภาพชีวิตต่ำ” หากปล่อยให้ พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐมนตรีดังกล่าวยังคงบริหารราชการแผ่นดินต่อไป ย่อมนำมาซึ่งความเสียหายแก่ประเทศชาติและประชาชนจนยากที่จะเยียวยาแก้ไขได้” ฝ่ายค้าน ระบุ


กำลังโหลดความคิดเห็น