เมืองไทย 360 องศา
รายงานข่าวที่ว่า “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เตรียมสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เพื่อลุยการเมืองแบบเต็มตัว ถือว่าได้รับความสนใจ และจับตามองจากหลายฝ่าย ขณะเดียวกัน หากพิจารณาตามเหตุผลและความจำเป็นแล้ว ก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลก เนื่องจากหากเจ้าตัวต้องการ “ไปต่อ” มันก็ต้องเลือกทางเดินแบบนี้เท่านั้น
เนื่องจากเงื่อนไขและบรรยากาศมันเปลี่ยนแปลงไปแบบสิ้นเชิง เมื่อเทียบกับสถานการณ์ในช่วงปี 2562 ที่ตอนนั้นถือว่าเป็นช่วงรอยต่อจากยุค คสช.เต็มรูปแบบ มาสู่การเมืองผ่านการเลือกตั้ง ยังไม่มีแรงบีบคั้นแบบหนักหน่วงรุนแรงเหมือนในตอนนี้ แรงกดดันเปรียบเทียบระหว่าง “เผด็จการ” กับประชาธิปไตยเสรีนิยม ยังไม่รุนแรงนัก หรือถึงแม้ว่าจะมี แต่เมื่อเทียบกันแล้วก็ยังพอเดินหน้าต่อไปได้
ขณะเดียวกัน ในเวลานี้กระแสของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ ยังถือว่ามีความโดดเด่นมากกว่าใคร แต่ในเวลานี้ทุกอย่างกำลังเปลี่ยนไปจากเดิมมาก หลังจากที่เขาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ต่อเนื่องกันมาจนเกือบ 8 ปีแล้ว
แน่นอนว่า ย่อมมีกระแส “ความเบื่อ” ซึ่งหลายคนบอกว่า นี่คือ นิสัยของคนไทยที่มักเบื่อหน่ายอะไรก็ตามที่ต้องอยู่กับอะไรก็ตามนานๆ หรืออีกอย่างหนึ่งเป็นเพราะการอยู่ในตำแหน่งนานๆ ของเขา ได้ทำลายโอกาสของฝ่ายตรงข้าม ทำให้ต้องมีการ “เร่งกระแส” ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
หากโฟกัสกันในเวลานี้ รวมถึงคาดการณ์ถึงกระแสในการเลือกตั้งครั้งหน้า จะต้องเน้นในเรื่องประชาธิปไตย เสรีนิยมเต็มรูปแบบ จะใช้วิธีแบบเดิมคงไม่ได้แล้ว ดังนั้น หาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตัดสินใจที่จะ “ไปต่อ” ก็ต้องเดินมาในเส้นทางประชาธิปไตยเต็มรูปแบบเช่นเดียวกัน จึงจะได้รับการพิจารณาจากประชาชน อีกทั้งยังเป็นการ “ลดเงื่อนไขการต่อต้าน” ที่จะตามมาอีกด้วย
วิธีการที่ว่า นั่นก็คือ เขาต้องสังกัดพรรคการเมือง และนาทีนี้ก็ต้องพรรคพลังประชารัฐ จะใช้วิธีการแบบเดิมที่ให้พรรคเสนอชื่อเป็นแคนดิเดต นายกฯ แบบเดิมคงไม่ได้แล้ว อีกทั้งยังอยู่ภาวะ “ขาลอย” อีกด้วย ซึ่งการเป็นสมาชิก และจะดำรงตำแหน่งใด ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าพรรคเอง หรือเป็นประธานที่ปรึกษาก็ตาม ถือว่าเข้าสู่กระบวนการประชาธิปไตยตามขั้นตอน และยังปิดช่องโหว่จากเสียงโจมตีในเรื่อง “เผด็จการ” ได้อย่างดีอีกด้วย
สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ แล้ว หากปิดช่องโหว่ดังกล่าว มาตามแนวทางประชาธิปไตย เพื่อลบคำปรามาส อาจจะลงสมัครในแบบบัญชีรายชื่อของพรรคในลำดับหนึ่ง หากเป็นแบบนี้ไม่ว่าพรรคพลังประชารัฐจะเสนอชื่อ นายกฯกี่คน แต่ไม่เกินสามคน ก็คงไม่มีปัญหา อีกทั้งการเป็นสมาชิกพรรคแบบนี้ ยังสามารถนำทีมหาเสียงได้อย่างเต็มที่ ไม่มีข้อจำกัดเหมือนกับก่อนหน้านี้เมื่อการเลือกตั้งคราวที่แล้ว ที่เป็นเพียงแค่ผู้ได้รับการเสนอชื่อเท่านั้น ทำให้เดินสายหาเสียงไม่สะดวก เนื่องจากมีข้อจำกัดเรื่องการหาเสียง ดังนั้น นาทีนี้หากประเมินจากแนวโน้มความเป็นไปได้ ก็ยังเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา น่าจะต้องการ “ไปต่อ” เพียงแต่ว่า “ยังไม่ถึงเวลา” ที่จะประกาศตัวในเวลานี้ เนื่องจากสถานการณ์และเวลายังไม่ เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง
แต่เมื่อพิจารณาจากสิ่งแวดล้อมรอบข้าง ให้สังเกตจากความเคลื่อนไหวของ “แรมโบ้” นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ที่ถือว่าเป็น “มือไม้” ของ พล.อ.ประยุทธ์ คนหนึ่งเวลานี้ ได้รับคำยืนยันแล้วว่าได้กลับเข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐแล้ว และเจ้าตัวก็พูดออกมาแล้ว “ถ้านายกฯอยู่ที่ไหน ผมก็อยู่ที่นั่น” คำตอบก็ชัดเจน
ขณะที่คำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ตอบคำถามล่าสุด เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน ที่ทำเนียบฯ ถึงเรื่องดังกล่าว โดยสรุปความว่า “ยังไม่ถึงเวลาตัดสินใจ”
ยังไม่ได้มีอะไรทั้งสิ้น ยังทำงานอยู่เหมือนเดิม ซึ่งทุกอย่างกำลัง เดินหน้าไปได้ด้วยดี ฉะนั้น คงต้องตอบได้แค่นี้ ก็ไม่รู้ข่าวนี้มาจากไหน ตนยังไม่ทราบเลย
เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. ให้ถาม พล.อ.ประยุทธ์ ว่าจะตัดสินใจไปต่อหรือไม่ ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ในใจมีคำตอบหรือยังว่าจะไปต่อหรือไม่ในทางการเมือง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ผมยังไม่คิดไปไกลขนาดนั้น ผมคิดว่าทำอย่างไรจะประคับประคองรัฐบาลนี้ไปให้ครบวาระ เรื่องวันหน้าก็เป็นอีกเรื่องนึง อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับประชาชนนะจ๊ะ”
เมื่อถามว่า จากการโหวตรับ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีวาระแรก ที่ดูเหมือนเสถียรภาพรัฐบาลเหนียวแน่น นายกฯ กล่าวว่า ก็โอเค นะ ยังไม่เห็นมีปัญหาอะไร จากการอภิปรายในสภา ทุกคนก็ช่วยกันดีในเรื่องของงบประมาณ ซึ่งก็ทำให้มติเห็นชอบมากกว่าตามระบบสภาอยู่แล้ว เมื่อเห็นชอบมากกว่าก็ดำเนินการต่อไป ช่วงนี้เป็นช่วงของคณะกรรมาธิการที่จะพิจารณาในรายละเอียด เมื่อถามว่าจุดยืนอนาคตการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ที่อะไร พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ตอบคำถาม เพียงหยุดฟังและเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า
ซึ่งคำตอบดังกล่าวก็สอดคล้องกับคำพูดของ พล.อ.ประวิตร ก่อนหน้านี้ ว่า “ยังมีเวลาที่จะตัดสินใจอีกนาน”
ดังนั้น หากให้ประเมินถึงแนวโน้มก็ยังเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะ “ไปต่อ” มากกว่าจะกลับบ้าน รวมไปถึงต้องสังกัดพรรคพลังประชารัฐในอนาคต เพียงแต่ไม่ใช่ตอนนี้ ยังไม่ถึงเวลา เพราะหากประกาศตอนนี้ก็จะกลายเป็นเป้าโจมตีทันที อีกทั้งเส้นทางเดินเฉพาะหน้าก็ต้องประคองรัฐบาลไปให้ไกลที่สุด แต่ขณะเดียวกันก็ต้องระวังการยุบสภา “ล้างไพ่” กันใหม่ด้วยเหมือนกัน !!