ข่าวปนคน คนปนข่าว
**หมอแก่เจตนาขวางกัญชา ดูออกแหละทุนยาฝรั่งเข้าสิงร่าง!
นับถอยหลังวันที่ 9 มิ.ย.นี้ พืชกัญชาจะเป็นไทจากบัญชียาเสพติด หลังจากผ่านกระบวนการพิจารณาตามกฎหมายมายาวนาน ภายใต้การผลักดัน “ทลายกำแพง” ของพรรคภูมิใจไทย “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรค รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ประชาชน เกษตรกร ผู้ป่วย ไปจนถึงธุรกิจต่างๆ ต่างตื่นตัวตั้งตารอคอย “กัญชา” จะถูกปลดล็อก จะได้ใช้ประโยชน์ทางการแพทย์รักษาโรค “แก้เจ็บ” และ “แก้จน” สร้างรายได้จากพืชเศรษฐกิจกัน แต่ก็มิวายมีใครบางคนที่มีคำนำหน้าว่า “นพ.” มีชื่อว่า “ช” ออกมาคัดค้าน เรียกหาสมัครพรรคพวกยื่นศาลปกครองให้ระงับใช้กฎหมาย
ว่ากันว่า นพ.สูงวัยผู้นี้ มีความสนิทสนมแนบแน่นกับหมู่หมอที่อยู่ข้างกายเป็นที่ปรึกษา “นายกฯ ลุงตู่” พยายามล็อบบี้หมอด้วยกันให้ปฏิเสธการใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ ซึ่งหลายคนก็งงๆ และสงสัยว่า ทำไมเขาจึงมีอคติกับพืชสมุนไพรไทยมากมายเช่นนี้ หรืออาจจะเป็นเพราะพืชสมุนไพรไทยไม่มีคอมมิชชัน เหมือนยาฝรั่ง ? เจตนาจึงอยากให้กัญชากลับไปเป็นยาเสพติดอีก เพื่อรักษาผลประโยชน์ของกลุ่มทุนยาหลายแสนล้าน ใช่หรือไม่? คนหลายคนตั้งพากันตั้งคำถาม
งานนี้ “อาจารย์เดชา ศิริภัทร” ผู้อำนวยการมูลนิธิข้าวขวัญ ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกใช้กัญชาทางการแพทย์ ต้นตำรับ “น้ำมันกัญชา อ.เดชา” ก็ไม่อยู่เฉย สุดจะทนต่อการกระทำของ “นพ.” สูงวัย และกลุ่มของเขา โดยออกมาแสดงความเห็นกรณีกลุ่มหมอยื่นคัดค้านต่อศาลปกครองในการปลดล็อกกัญชา ตามประกาศรายชื่อยาเสพติด ประเภทที่ 5 ที่จะมีผลวันที่ 9 มิ.ย.นี้ ว่า ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง ด้วยเหตุผลหลายอย่าง พ.ร.บ.ประมวลกฎหมายยาเสพติด 2564 ผ่านการพิจารณาของตัวแทนของประชาชน เป็นสภาผู้แทนราษฎร รัฐสภา จนกระทั่งออกมาเป็นพระราชบัญญัติ และ รายชื่อที่จะประกาศ วันที่จะเริ่มใช้ วันที่ 9 มิ.ย. 65 ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการยาเสพติดของชาติ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้ลงมติกันแล้วว่า ให้รายชื่อดังกล่าวออกจากยาเสพติด ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ตั้งแต่ตั้งแต่วันที่ 8 ก.พ. 65 ซึ่งเขาให้เตรียมตัวมา 120 วัน จนประชาชนรอมาจนถึงวันที่ 9 มิ.ย. 65 ประชาชนเตรียมไว้หมดแล้วว่า คนไหนจะแจ้ง คนไหนจะปลูก คนไหนจะใช้ประโยชน์ แล้วอยู่ดีๆ มีคนกลุ่มเดียว กลุ่มเล็กๆ ถึงแม้จะเป็นแพทย์ หรือไม่เป็นแพทย์ประจำ แต่มาคิดแทนประชาชน บอกว่า ยังไม่ต้องใช้ รอไปก่อน รอกฎหมายเกี่ยวกับกัญชงกัญชา ที่ยังไม่เสร็จ
“อ.เดชา” ถามว่า ตอนที่เขาประกาศมาในราชกิจจาฯ ทำไมคุณไม่คัดค้านมาตั้งแต่ตอนนั้น ทำตอนนี้เพื่อให้ประชาชนนี่นะ ไม่มีเวลาจะมาแก้ไข เพราะคุณเล่นมาให้ศาลตัดสินตอนจะถึงวันที่ 9 มิ.ย. กับคนเล่นแบบนี้ แสดงว่า มีเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์หรือไม่ อ้างอย่างเดียวว่ามันจะทำให้เกิดผลเสีย ซึ่งไม่ชัดเจนว่ามันจะเสียอะไร!!
กฎหมายที่บอกว่ารอ ถามว่า แล้วมีกำหนดไหมว่ามันจะออกมาเมื่อไหร่ ยกตัวอย่างง่ายๆ ตอนกระท่อม ออกจากยาเสพติด บอกให้บังคับใช้หลังจากที่ประกาศ 90 วัน แล้วจะมีกฎหมายกระท่อมมากำกับ กฎหมายรอมาตั้ง 2 ปีแล้ว ยังไม่ออกสักที ยังติดอยู่ในสภา ขนาดกระท่อมนะ แล้วถ้ากัญชา ที่คุณให้เรารอนี่ คุณบอกได้ไหมจะรออีกสักกี่ปี กี่เดือน
ส่วนผลเสียถ้ายังไม่เอากัญชาออกจากยาเสพติด “อ.เดชา” อธิบายว่า ข้อแรกคือ ละเมิดสิทธิของบุคคลที่เขาควรได้รับสิทธิ คือคนที่รับโทษจากคดีกัญชา อยู่ในคดี อย่างน้อย 4,000 คน จะไม่ได้รับอิสรภาพจากการกระทำของพวกหมอกลุ่มนี้ เพราะเล่นมาขวางให้ระงับไว้ก่อน ให้เอากัญชาอยู่ในบัญชียาเสพติดแบบเก่า นักโทษเหล่านั้นก็ยังติดคุกอยู่ต่อไปนั่นแหละอีก 4,000 คน หมอกลุ่มนี้ ไม่ได้คิดถึงเขาเลยว่าสิทธิของเขาถูกละเมิด เขาออกแล้วตามกฎหมาย ยังไประงับให้เขาติดคุกอีก
ว่ากันไปตามตรง ถ้าเปรียบเทียบ “โทษของกัญชากับเหล้าและบุหรี่ อันไหนมากกว่ากัน” อ.เดชา ถามง่ายๆ ถ้ากลุ่มหมอเป็นหมอจริง 1. บุหรี่ ทำให้เกิดโรคกี่โรค ลองตอบมา แค่ข้างซองที่เขาพิมพ์ก็นับไม่ถ้วนแล้ว 2. เหล้า ทำให้เกิดโรคกี่โรค 3. เหล้าทำให้เกิดอาชญากรรม ทำให้เกิดปัญหาทางกฎหมายเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่แต่ละปี 4. บุหรี่รักษาโรคได้กี่โรค อะไรบ้างสักโรคไหม 5. เหล้ารักษาโรคได้กี่โรค อะไรบ้าง แต่พวกนี้ไม่อยู่บัญชียาเสพติด ค้าขายกันเสรี ที่ไหนก็มี
ขณะที่ถามว่า “กัญชา” ทำให้เกิดโรคกี่โรค ลองบอกมา 2. กัญชารักษาโรคได้หรือเปล่า ไม่ต้องต่างประเทศ แค่ประเทศไทย แพทย์แผนไทย 2 ปีมานี่ คนเกือบ 2 แสนราย รักษาโรค 8 โรค เกิน 80% ไปดูข้อมูลได้
ถาม รพ.จุฬาลงกรณ์ ก็ได้ ข้อมูลเป็นอย่างไร ทำไมต้องเอาไปเข้า 30 บาทรักษาทุกโรค เทียบแค่นี้ก็รู้แล้วว่า กัญชาไม่มีโทษ มีแต่ประโยชน์ แต่ว่าเหล้าบุหรี่ ไม่มีประโยชน์มีแต่โทษ หมอกลุ่มนี้กลับไม่เคยคัดค้านว่า ทำไมไม่เข้ายาเสพติด เหตุผลพวกนี้ไม่มีข้อมูลหรืออย่างไร? แบบนี้คุณเป็นหมอหรือเปล่า ถ้าเป็นหมอทำไมไม่รู้ข้อมูลแบบนี้
ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ ยืนยันว่า การให้ปลดล็อก วันที่ 9 มิ.ย.ไปก่อน แล้วมาทำกฎหมาย จะทำให้ประชาชนเข้าถึงการใช้ประโยชน์จากกัญชาได้ แต่ถ้าไม่ปลดล็อกแล้วรอกฎหมาย ระหว่างนี้กัญชายังเป็นยาเสพติดอยู่ ประชาชนใช้ประโยชน์ไม่ได้ คนใช้ประโยชน์จะมีจำกัดมาก คือ หมอ ราชการ แล้วประชาชนเข้าถึงก็พวกใต้ดินจะเฟื่องฟูเหมือนเดิม ไม่มีประโยชน์ที่จะไปรอกฎหมายที่ไม่รู้เมื่อไหร่จะเสร็จ ก็ใช้ไปตามประมวลกฎหมายยาเสพติด ที่มีอยู่ไปก่อน เหมือนกระท่อม 2 ปีแล้วไม่มีกฎหมายไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย
ถ้ากัญชายังเป็นยาเสพติด ประชาชนเอาไปใช้ประโยชน์ไม่ได้เลย ไม่ว่าทำอาหาร เครื่องดื่ม เครื่องสำอาง ทำยาใช้เองเล็กๆ น้อยๆ ทำไม่ได้เลยต้องขออนุญาตราชการ เงื่อนไขเยอะแยะมากมายมหาศาล ซึ่งไม่ควรจะมีอีกแล้ว 2 ปีที่ผ่านมา เราก็เห็น ที่ผ่านมา ตอนพิจารณาประมวลกฎหมายยาเสพติด ในสภาเห็นพ้องกันว่า กัญชาไม่ใช่ยาเสพติดไม่มีคนค้านสักคนเดียว แล้วจะเอาไปเป็นยาเสพติดอีกทำไมมีเหตุผลอะไรจะต้องไปล็อกไว้อีก
สุดท้าย “อ.เดชา” ฟาดตรงๆ ว่า ถ้ามองแง่ร้าย คนบางกลุ่มมองหมอกลุ่มนี้ว่าเสียประโยชน์หรือไม่ เพราะยาสมัยใหม่ที่มาจากต่างประเทศ หมอพวกนี้เขาใช้อยู่ จึงต่อต้าน บางกลุ่มมองแบบนั้น แต่ผมไม่ได้มองแบบนั้น หมอพวกนี้อาจจะเข้าใจว่ากัญชาเป็นยาเสพติดจริงๆ เขาเลยไม่เห็นด้วย ที่จะเอากัญชาออกจากยาเสพติด เขาเห็นว่า ควรนำกลับไปเป็นยาเสพติดโดยวิธการต่างๆ เช่น ประวิงเวลาให้ช้าที่สุดรอกฎหมายออกซึ่งจะไปประวิงกฎหมายอีกแบบกระท่อม ไม่ให้ออก เข้าใจว่า มีกลุ่มไปประวิงเวลาไว้ซึ่งกัญชาก็คงเป็นแบบเดียวกัน โดยไปร้องศาลปกครอง แล้วไปประวิงเวลาพิจารณากฎหมาย ให้ช้าที่สุด โดยระหว่างนี้ หวังหรือหาเหตุการณ์ที่ทำให้คนเชื่อว่ากัญชามีโทษ และเป็นยาเสพติดอยู่ ก็จะอาศัยให้อยู่ในบัญชียาเสพติดต่อไป
งานนี้ดูออกแหละว่า กลุ่มหมอแก่ๆ พวกนี้ขวางกัญชา เพราะหวังผลอะไร?
**“ลุงตู่” อุบเรื่องนั่งหัวหน้า พปชร. บอกภารกิจตอนนี้ คือ นำรัฐบาลอยู่ครบวาระ
เป็นที่รับรู้กันว่า “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยืนยันว่า “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคในการเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งตัว “ลุงตู่” เองก็ยอมรับในเรื่องนี้ ... ทำเอา “พรรครวมไทยสร้างชาติ” ที่ “แรมโบ้” เสกสกล อัตถาวงศ์ ออกไปปลุกปั้นก่อตั้งเตรียมไว้รองรับ “ลุงตู่” เป็นอันต้องแท้งไป
แต่แล้วล่าสุดกลับมีข่าวว่า “ลุงตู่” จะสมัครเป็นสมาชิกพรรค และจะขึ้นนั่งตำแหน่งหัวหน้าพรรค นำทัพสู้ศึกเลือกตั้งเอง ส่วน “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะขึ้นหิ้งไปเป็นประธานที่ปรึกษาพรรค และ “แรมโบ้” ที่ลาออกจากพรรคไป ตอนนี้ก็กลับเข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรค พปชร.เหมือนเดิมแล้ว ... ข่าวนี้จึงเป็นที่ฮือฮามาก และเข้าเค้าว่าถ้า “ลุงตู่” จะไปต่อ ต้องลงมาเล่นเอง ไม่ใช่เป็น “เทวดา” หรืออยู่บนหอคอยงาช้าง คอยให้เขาหามเกี้ยวมารับ โดยไม่ลงมาเกลือกกลั้วกับ ส.ส.
เช้าวันวานเมื่อ “ลุงป้อม” ถึงทำเนียบฯ แค่ลงจากรถก็เจอนักข่าวรุมถามถึงเรื่องนี้ แต่ไม่ว่าจะถามอะไร คำตอบที่ได้คือ...ไม่รู้!! จนนักข่าวต้องถามว่า ต้องดูว่านายกฯจะได้ไปต่อหรือไม่ ก่อนใช่ไหม “ลุงป้อม” ค่อยพยักหน้า แล้วบอกว่า ยังเหลือเวลาอีกนานที่จะตัดสินใจ...นั่นแสดงว่าข่าวที่ว่ามีเค้าความจริง เพียงแต่ยังไม่ถึงเวลาที่จะบอก
คำว่าเหลือเวลาอีกนานของ “ลุงป้อม” ย่อมหมายถึงเดือนสิงหาคมนี้ ที่น่าจะมีความชัดเจน เรื่องวาระ 8 ปี ของนายกฯ
ขณะที่แกนนำพรรคคนอื่นๆ ต่างก็ออกมาบอกว่าเป็นแค่ “ข่าวปล่อย”...อย่าง “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค บอกเลยว่าเป็น “ข่าวโคมลอย” เพราะ “ลุงตู่” เองไม่ได้แสดงเจตจำนงอะไร ส่วน “ลุงป้อม” ก็ไม่เคยบอกว่าจะลาออก
หรืออย่าง “ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์” รมว.ดีอีเอส ที่เป็นรองหัวหน้าพรรค ก็บอกว่า ปกติถ้าในพรรคจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไร ก็ต้องมีการคุยกันแต่นี่ไม่มีเลย ..พอถามว่า ถ้า “ลุงตู่” มาเป็นหัวหน้าพรรคจริงๆ จะดีหรือไม่ ก็ได้แต่อ้อมแอ้มว่า ไม่ขอตอบดีกว่า เอาไว้ให้ถึงเวลาค่อยว่ากัน
ส่วน “เสี่ยแฮงค์” อนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ฟังคำถามยังไม่ทันจบ ก็รีบบอบเลยว่า “ไม่ได้ยินๆ” โบกไม้โบกมือ เอามือปิดหู แล้วบอกว่า “ไม่รู้เรื่อง”
ขณะที่ “ไพบูลย์ นิติตะวัน” รองหัวหน้าพรรค ในฐานะประธานคณะกรรมการกฎหมายและข้อบังคับของพรรคพลังประชารัฐ บอกว่า เป็นข่าวบิดเบือน มุ่งหวังปลุกปั่นให้เกิดความปั่นป่วนในพรรค เพราะก่อนหน้านี้ “ลุงป้อม” ก็เคยพูดในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคว่า จะอยู่ดูแล เป็นร่มโพธิ์ร่มไทร ให้กับพรรคตลอดไป
ส่วนคนที่ปล่อยข่าวนี้ “ไพบูลย์” เล็งไปที่สมาชิกพรรคที่เคยลาออกไปตั้งพรรค แต่ไปได้ไม่สุด แล้วเพิ่งกลับเข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรค พปชร.อีกครั้ง ... ขณะเดียวกัน ก็ยอมรับว่า “แรมโบ้” ได้กลับมาสมัครเป็นสมาชิกพรรค พปชร. และจ่ายค่าสมาชิกแบบถาวรเรียบร้อยแล้ว
ขณะที่ “ลุงตู่ ” บอกว่าเพิ่งได้ยินข่าวนี้ ไม่รู้ว่าใครเป็นแหล่งข่าวให้กับสื่อ ยืนยันว่า ตนยังไม่ได้มีอะไรทั้งสิ้น ยังทำงานอยู่เหมือนเดิม ซึ่งทุกอย่างกำลังเดินหน้าไปได้ด้วยดี ฉะนั้น คงต้องตอบได้แค่นี้
เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. ให้ถาม พล.อ.ประยุทธ์ ว่า จะตัดสินใจไปต่อหรือไม่ ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ในใจมีคำตอบหรือยัง “พล.อ.ประยุทธ์” กล่าวว่า “ผมยังไม่คิดไปไกลขนาดนั้น ผมคิดว่าทำอย่างไรจะประคับประคองรัฐบาลนี้ไปให้ครบวาระ เรื่องวันหน้าก็เป็นอีกเรื่องนึง อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับประชาชนนะจ๊ะ”
เมื่อถามว่า จุดยืนอนาคตการเมืองของ “พล.อ.ประยุทธ์” อยู่ที่อะไร พล.อ.ประยุทธ์ รับฟัง แต่ไม่ตอบคำถาม ก่อนเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าไป
ในวันเดียวกันนี้ มีเรื่องของ “ลุงตู่” ที่ฮือฮาอีกเรื่องคือ เพจเฟซบุ๊ก “ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha” ได้เปิดให้ประชาชนทั่วไปได้แสดงความคิดเห็น ทั้งที่ก่อนหน้านี้ได้ตั้งค่าปิดการแสดงความคิดเห็นมาโดยตลอด เมื่อเปิดเช่นนี้ ปรากฏว่ามีผู้เข้ามาแสดงความเห็นเป็นจำนวนมาก แต่เป็นไปในแบบ “ทัวร์ลง” อย่างเช่น... ออกไปให้พ้นๆ เบื่อลุงเต็มทีแล้ว, ถ้าชาติหน้ามีจริงขอเกิดมาเจอลุงตู่อีก แต่อยู่คนละมัลติเวิร์สนะ, คนรักลุงเยอะจัง สู้ๆ เป็นกำลังใจให้ พี่รีบๆ ออกเถอะ จุ๊บๆ, ลาออกได้แล้วค่ะ เป็นต้น ...ทำเอาผู้ดูแลเพจต้องรีบตั้งค่าปิดการแสดงความเห็นแทบไม่ทัน
ถือว่าเป็นภาพสะท้อนความจริงอีกด้านเกี่ยวกับ “ลุงตู่” ที่เคยมีแต่ผู้คนห้อมล้อม ขอถ่ายภาพด้วย ตะโกนเชียร์ลุงตู่ สู้ๆ ...ดังนั้นหาก “ลุงตู่” จะไปต่อ ต้องรับความจริงนี้ให้ได้ เช่นเดียวกับการจะเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง ก็ต้องอยู่กับ ส.ส.ให้ได้