รมช.คลัง ย้ำอีก ประมูลโครงการท่อส่งน้ำอีอีซี ถูกต้องตาม กม.กำหนด อ้างอยู่ที่ศักยภาพการทำงานไม่เกี่ยวขนาดตึกบริษัท แจงไม่ใช้วิธีประมูลทั่วไปเหตุ ม.เกษตรฯ วิเคราะห์ให้คัดเลือก
วันนี้ (2 มิ.ย.) เมื่อเวลา 15.40 น. ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาคนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ชี้แจงถึงกรณีสมาชิกอภิปรายการประมูลโครงการท่อส่งน้ำในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ (อีอีซี) ว่า กรมธนารักษ์ใช้วิธีจัดซื้อจัดจ้างโดยใช้ พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างที่ราชพัสดุ ส่วนที่บริษัท อีสท์วอเตอร์ แพ้การประมูลทั้งที่เป็นบริษัทขนาดใหญ่ แต่บริษัทที่ชนะ ตึกไม่ใหญ่เท่าบริษัท อีสท์วอเตอร์ นั้น เรื่องศักยภาพการทำงานไม่ได้ขึ้นอยู่กับตึก แต่ขึ้นอยู่กับความรู้ความสามารถในการทำงาน
ส่วนที่ไม่ใช้วิธีประมูลทั่วไป เนื่องจากโครงการท่อส่งน้ำ เป็นกิจการโครงสร้างพื้นฐาน และการบริการสาธารณะที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของอีอีซี ต้องมีประสิทธิภาพ และเสถียรภภาพในการจ่ายน้ำ กรมธนารักษ์จึงจ้างที่ปรึกษาเพื่อศึกษาวิเคราะห์แนวทาง และการกำหนดผลประโยชน์ตอบแทน ในการให้เอกชนเข้ามาเช่าบริการท่อส่งน้ำสายหลักภาคตะวันออก โดยกรมธนารักษได้จ้าง ม.เกษตรศาสตร์ ที่เชี่ยวชาญเกี่ยวกับพืชผลและน้ำ เป็นมหาวิทยาลัยที่มีความรู้ความสามารถเรื่องนี้มาวิเคราะห์และศึกษา เรื่องปริมาณน้ำ รวมถึงผลประโยชน์ตอบแทนให้รัฐ ซึ่ง ม.เกษตรฯ จึงเสนอแนะแนวทางให้ใช้วิธีคัดเลือกในการหาผู้ร่วมทุน ในการบริหารจัดการโครงการท่อส่งน้ำครั้งนี้ โดย พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างที่ราชพัสดุ กำหนดทำได้ 3 วิธี คือ 1. ประมูลทั่วๆ ไป 2. การคัดเลือก และ 3. จำเพาะเจาะจง ดังนั้น เมื่อ ม.เกษตรฯ พิจารณาถึงความจำเป็นแล้วจึงให้ใช้วิธีคัดเลือกผู้ประมูล