“หมอวาโย” ประกาศไม่รับร่าง พ.ร.บ.งบฯ 66 อัดรัฐบาลสอบตก จัดงบผิดไม่ยึดประชาชน ไร้ตัวชี้วัด งบ สธ.คุรุภัณฑ์บวม กระจุกบางจังหวัด-กระทรวงวัฒนธรรมใช้งบแจกสื่อ
เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ต่อเป็นวันที่สอง ที่มี นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดย นพ.วาโย อัควรุ่งเรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า น่าผิดหวังกับงบที่จนกระจุกจนกระจาย จัดลำดับความสำคัญผิดไม่ยึดผลประโยชน์ประชาชนส่วนใหญ่ ใช้งบไม่คุ้มค่า การลงทุนไม่เกิดประสิทธิภาพ ตัวชี้วัดไม่นำพา และความโปร่งใสไม่มี ยอมรับว่า สถานการณ์โควิด-19 เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้หลายรัฐบาลทั่วโลกต้องคิดวิเคราะห์ว่าจะดำเนินราชการต่อไปอย่างไร เพราะปี 2566 จะเป็นปีแห่งการฟื้นฟู กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กำลังประกาศโรคประจำถิ่น กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดประเทศ และประชาชนร้อยละ 70 ได้รับวัคซีนอย่างน้อย 2 เข็ม ดังนั้น การจัดงบประมาณต้องสอดคล้องแนวคิดนี้
นพ.วาโย อภิปรายว่า เริ่มต้นที่งบ สธ. 156 แสนล้านบาท ร้อยละ 77 อยู่ที่สำนักปลัด สธ. ส่วนใหญ่เป็นงบรายจ่ายประจำมากกว่างบรายจ่ายลงทุน ซึ่งหลายกระทรวงงบซื้อคุรุภัณฑ์บวมมาก แค่สำนักปลัด สธ.งบซื้อคอมพิวเตอร์สูงถึง 137 ล้านบาท เมื่อไล่ดูกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) มีงบซื้อคอมพ์ 93 ล้านบาท ส่วนโครงการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ 9.6 พันล้าน อยู่ที่การก่อสร้างไปแล้ว 9.5 พันล้านบาท หากซื้อคุรุภัณฑ์ทางการแพทย์หรือก่อสร้างตึก ก็ไม่ว่ากัน ถ้ามันไม่กระจายแต่ไปกระจุกตัวแค่บางจังหวัด เช่น บุรีรัมย์ ถามว่า จะเอากันแบบนี้จริงหรือ ส่วนโครงการลดความเหลื่อมล้ำของ 3 กองทุน 1.2 พันล้านบาท ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีและสนับสนุน แต่รัฐบาลเอาไปอุดบุคคลที่มีปัญหาสถานะสิทธิที่ไม่อยู่ในกองทุนแทน
นพ.วาโย อภิปรายต่อว่า ตั้งคำถามถึงการชี้วัดว่า กรมอนามัย ตั้งเป้าหมายระหว่างปี 65-66 ตั้งการสร้างความรับรู้สุขภาพกับประชาชนเพียงร้อยละ 70 เหมือนปีที่ผ่านมา ถามเขียนไว้แบบนี้ ถ้าไม่มีใครตายคงไม่ทำอะไรเลย ขณะที่สถาบันวัคซีนแม้งบประมาณจะมากกว่าปีที่ผ่านมา 2 เท่า แต่เป้าหมาจำนวนวัคซีนที่ใช้ตอบโต้ภาวะระบาดมีเพียงพอใช้สถานการณ์ฉุกเฉินเพียง 1 ชนิด เช่นเดียวกับปี 65 หากยังเป็นแบบนี้จะสอบตกหมด เพราะเราก้าวไม่ทันโลก ส่วนงบที่เพิ่มขึ้นกลับเอาไปสร้างตึก 7 ชั้น
นพ.วาโย อภิปรายด้วยว่า ส่วนงบกระทรวงศึกษาธิการ พบว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เพียงหน่วยงานเดียวได้งบมากถึง 250 แสนล้าน ตั้งคำถามว่าทำไมถึงมีงบคุรุภัณฑ์การศึกษา 900 ล้านบาท โดยใช้วิธีจัดจ้างพิเศษจิ้มเลือกด้วยงบที่ต่ำกว่า 1 ล้าน ที่มีมากถึงแสนรายการ แม้ปีที่แล้วจะถูกตัดทิ้ง แต่ปีนี้ใส่มาอีก นอกจากนี้ กระทรวงวัฒนธรรม จัดงบในการทำภาพยนตร์และวีดิทัศน์ 40 ล้านบาท แม้ว่าจะมีน้อยแต่มีซ่อนไว้อยู่ที่กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยสร้างสรรค์ 516 ล้านบาท ตนไม่กล้าเอาสไลด์มากลัวโดนฟ้อง แต่กองทุนนี้เอาไปแจกให้ช่องระดับท็อปที่เพิ่ง
โดนปิดยูทูบไป เพราะเผยแพร่ข่าวปลอมยูเครนอะไรประมาณนี้ ถามว่าประชาชนมองว่าเป็นช่องที่ปลอดภัยและสร้างสรรค์จริงหรือไม่
“การใช้เงินแบบนี้ สิ่งสำคัญคือตัวชี้วัด ถ้าท่านไม่รู้เขียนตัวชี้วัดอย่างไร ประชาชนเจ้าของภาษีเขารู้สึกเสียดายหรือเปล่า ถ้าพวกเสียดายเงินภาษีให้รัฐบาล ผมคิดว่าแบบนี้รัฐบาลสอบไม่ผ่าน ผมและพรรคก้าวไกล คงไม่สามารถรับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 66 ได้” นพ.วาโย กล่าว
