“เต้” ควง “แม่แตงโม” พบ กมธ.สิทธิฯ วุฒิสภา ขอรับวัตถุพยานจากผู้หวังดี ลั่นไม่รัก “ทนายเดชา” แล้วไม่ต้องคิดถึง แฉที่ผ่านมา ไม่เคยแนะนำให้ทำเป็นคดีพิเศษ อวยเจอ “เต้” เหมือนฟ้าเปิดได้ทำสิ่งที่ถูกต้อง เจ้าตัวลั่นแม้เอี่ยวคดี ก็ไม่กลัวหลุด ส.ส.
วันนี้ (30 พ.ค.) เมื่อเวลา 11.50 น. ที่รัฐสภา นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ พร้อมด้วย นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของ น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือ แตงโม ยื่นหนังสือถึง นายสมชาย แสวงการ ส.ว. ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา เพื่อขอรับวัตถุพยานจาก กมธ.ไปส่งให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ดำเนินการตรวจสอบต่อไป โดย นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า แม่ของแตงโม ได้ขอร้องให้พรรคไทยศรีวิไลย์ ดูแลคดีการเสียชีวิตของแตงโม ซึ่งปัจจุบันคดีอยู่ในกระบวนการของอัยการ ยังไม่ทราบว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป และทราบว่า กมธ.อาจมีวัตถุพยานในคดีของแตงโมที่ได้รับจากผู้หวังดี ที่ส่งผ่าน พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ส.ว. ในฐานะ กมธ. ซึ่งยังไม่ทราบว่าเป็นวัตุพยานสำคัญหรือไม่ ตนกับนางภนิดาจะขอรับวัตถุพยานนี้ เพื่อส่งให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ดำเนินการต่อไป
ด้าน นางภนิดา กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ตนอยากให้วัตถุพยานนี้เป็นประโยชน์ต่อคดี
ขณะที่ นายสมชาย กล่าวว่า ที่ผ่านมา ที่ประชุม กมธ.ได้มีการพิจารณาเรื่องนี้เป็นวาระด่วน ภายหลังจากที่ได้รับพัสดุจากผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นผู้หวังดี โดยประสานผ่านทาง พญ.คุณหญิงพรทิพย์ ซึ่งทาง พญ.คุณหญิงพรทิพย์ จึงได้เสนอต่อ กมธ.ว่าจะรับพัสดุดังกล่าวไว้พิจารณาหรือไม่ โดยที่ประชุมมีมติรับพัสดุห่อนี้ไว้ แต่เราไม่ยืนยันว่า ข้างในเป็นอะไร เนื่องจากยังไม่ได้แกะห่อพัสดุที่ส่งมาจากสหรัฐอเมริกาที่ระบุชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า Sukmak Kanlaya DA เป็นผู้ส่ง ซึ่งตนก็ไม่รู้จักว่าคือใคร แต่มีการบอกว่าอาจจะเป็นชื่อของบังแจ็คหรือไม่
นายสมชาย กล่าวต่อว่า เมื่อได้รับพัสดุแล้วก็ได้ทำหนังสือถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่าได้สรุปปิดสำนวนคดีไปแล้ว และขณะนี้คดีอยู่ในขั้นตอนของอัยการ กมธ.จึงทำหนังสือส่งให้อัยการแต่ยังไม่ได้รับการตอบกลับมา ทั้งนี้ เราอยากให้เปิดพัสดุดังกล่าวในที่ประชุมของกมธ. โดยเชิญอัยการมาดูหรืออาจส่งไปที่อัยการ แต่ยังไม่รู้ว่าเป็นอะไร และจะเป็นวัตถุพยานสำคัญหรือไม่ ถ้ามีส่วนสำคัญอัยการจะไปตรวจสอบต่อ และกมธ.ขอทำหน้าที่ต่อไป ทั้งนี้ กมธ.คงให้พัสดุดังกล่าวกับนางภนิดาไม่ได้ เนื่องจากพัสดุที่ส่งมาไม่ได้ระบุชื่อของนางภนิดา และไม่รู้ว่าข้างในคืออะไร ไม่รู้ว่าเป็นผ้าหรือกระดาษหรืออะไรหรือไม่ ซึ่งเราจะยังไม่เปิดจนกว่าอัยการจะตอบเรื่องกลับมา
ด้าน นางภนิดา สอบถามนายสมชาย ว่า จะเก็บพัสดุดังกล่าวไว้ที่ กมธ.นานแค่ไหน
นายสมชาย กล่าวว่า นี่ก็เก็บไว้มานาน 27 วันแล้ว ยังไม่ได้เปิด ซึ่งต้องรอคำตอบจากอัยการก่อน เพราะ กมธ.ไม่มีหน้าที่ส่งให้คนนอก นอกจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า กมธ.พยายามทำตามอำนาจหน้าที่ของเราอย่างตรงไปตรงมา เมื่อได้รับพัสดุมาก็ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ได้เก็บอมพะนำอะไรไว้เลย แต่ทางตำรวจให้เหตุผลว่าสรุปสำนวนส่งอัยการไปแล้ว และตอนนี้ยังไม่ได้คำตอบจากอัยการ จึงขอให้รออีกนิด ถ้าอัยการมารับเองก็จะมีการบันทึกเทปตอนเปิดพัสดุดังกล่าวไว้เป็นหลักฐานด้วย แต่ถ้าอัยการให้เราส่งไปให้ก็จะส่งเจ้าหน้าที่ไปติดตามเรื่องดังกล่าวด้วย สำหรับเรื่องการเก็บรักษาพัสดุดังกล่าวนั้น จากนี้จะยังคงเก็บไว้ที่กมธ. เพราะฝ่ายวุฒิสภามีที่เก็บอยู่แล้ว อยู่มา 27 วันแล้ว เชื่อว่าไม่มีปัญหา
ขณะที่ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวถึงพัสดุดังกล่าว ว่า บังแจ็คติดต่อมาที่ตน ตนจึงส่งที่อยู่ในนาม กมธ.ให้ แต่พอพัสดุส่งมากลับกลายเป็นระบุชื่อตนเป็นผู้รับ และส่งมาที่สภา สาเหตุที่ต้องเก็บพัสดุดังกล่าวไว้นานถึง 3 สัปดาห์ เพราะไม่มีอำนาจที่จะทำอะไรต่อ แต่ได้พยายามประสานกับทุกหน่วยงานจนกระทั่งเห็นนางภนิดาเปลี่ยนใจ และเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของแตงโม จึงอยากให้มารับรู้และทำให้ถูกวิธีการ 3 สัปดาห์ที่ผ่านมาไม่ใช่ว่าเราดึงเรื่อง แต่เราไม่มีอำนาจหน้าที่
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนางภนิดา ว่า ภายหลังเห็นห่อพัสดุแล้วรู้สึกอย่างไร นางภนิดา กล่าวว่า “แม่มั่นใจว่ามันจะเป็นสิ่งสำคัญในคดี” จากนั้นนางภนิดาได้ยกมือไหว้และกล่าวต่อว่า “ขอความกรุณาท่านสมชายใช้อำนาจหน้าที่เร่งเรื่องนี้ให้แม่ด้วย”
ต่อมาเมื่อเวลา 12.20 น. นางภนิดา กล่าวภายหลังยื่นหนังสือขอหลักฐานต่อคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ว่า ตนรู้สึกมีความหวังมากขึ้น แต่ก็ต้องทำตามระเบียบราชการ และรู้สึกดีใจที่พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ส.ว. ในฐานะ กมธ. มาช่วย ทั้งนี้ ตนได้กล่าวขอโทษ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ ถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา ตั้งแต่มี นายเดชา กิตติวิทยานันท์ เป็นทนายความ ซึ่งตอนนั้นตนไม่ค่อยได้พูดและไม่กล้าขัดใจนายเดชา ส่วนกรณีที่มีการส่งพัสดุมายัง กมธ. แต่ไม่ได้จ่าหน้าซองพัสดุเป็นชื่อบังแจ็คนั้น ตนก็ไม่ทราบเรื่องนี้
ด้าน นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวเสริมว่า คุณแม่ไม่ทราบเรื่องนี้และตนก็พึ่งทราบ
เมื่อถามว่า กระบวนการยุติธรรมในการตรวจสอบไม่ปกติหรือมีปัญหาหรือไม่ นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า ฟ้าเปิด ซึ่งเห็นคุณแม่บอกว่าจะไปยื่นกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ด้วยตนเองเพื่อให้เป็นคดีพิเศษ ซึ่งขณะนี้รอให้ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ในฐานะคณะทำงานร่างหนังสือเสร็จ ทั้งนี้ ตนอยากฝากไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า เนื่องจากคดีดังกล่าวเป็นคดีสำคัญและส่งผลต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย ซึ่งสามารถเรียกคดีนี้ว่า แตงโมโมเดล ซึ่งหากคดีนี้ประสบความสำเร็จก็ถือว่าประชาชนช่วยกัน และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระบบกฎหมาย เพื่ออำนวยความยุติธรรมให้กับประชาชน
“ผมเชื่อว่า นายกรัฐมนตรี คงจะใส่ใจ เห็นใจประชาชนที่สนใจและต้องการให้คดีนี้เป็นคดีพิเศษ หากนายกรัฐมนตรีกำชับกับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม และบอร์ดคณะกรรมการคดีพิเศษอย่างเต็มที่ ก็เชื่อว่า ความศรัทธาจะเกิดขึ้นกับรัฐบาลและตัวนายกรัฐมนตรีเอง ทั้งนี้ ผมมองว่า ตำรวจได้ทำหน้าที่เต็มที่แล้ว แต่ด้วยข้อจำกัดหลายอย่าง จึงไม่อยากไปตำหนิการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ” นายมงคลกิตติ์ กล่าว
ด้าน นางภนิดา กล่าวว่า ที่ผ่านมา ที่ตนไม่ได้คิดว่าเป็นคดีพิเศษ เนื่องจากไม่มีใครแนะนำ และนายเดชาก็ไม่ได้แนะนำ โดยบอกตนแค่ว่าอย่าทำ เดี๋ยวหาทางลงไม่ได้ และย้ำอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งฟ้าเปิดและได้มาเจอนายมงคงกิตติ์ จึงได้ทำอะไรทุกอย่างที่จะเป็นความจริง และเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ซึ่งตนได้บอกกับแตงโมทุกวันว่า จะหาความยุติธรรมให้กับแตงโมให้ได้ ถึงจะเหนื่อยแต่ก็ยินดีทำให้ลูก
เมื่อถามว่า คดีดังกล่าวเหมือนมาถูกทางแล้ว แต่ดูเหมือนว่านายมงคลกิตติ์อาจถูกฟ้องดำเนินคดี นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า การเป็นผู้แทนประชาชน หากเราปล่อยให้ประชาชนไปเจ็บปวดด้วยตัวเขาเอง และไม่รู้จักเสียสละเอาตัวเข้ามาฝ่ากระสุนแทน เราจะเป็น ส.ส.ไปทำไม หากเรื่องแค่นี้ยังทำไม่ได้ เรื่องปากท้องประชาชนจะทำได้อย่างไร ส่วนกรณีที่นายเดชาออกมาระบุว่าอาจจะส่อผิดจริยธรรม ส.ส.นั้น ก็ไม่เป็นไร หลุดเก้าอี้ ส.ส.ก็หลุดไป เขาเรียกว่า “ตำแหน่งอยู่ได้ไม่นาน แต่ตำนานอยู่ได้ตลอดไป”
เมื่อถามว่า คุณแม่อยากฝากอะไรถึงนายเดชาหรือไม่ นางภนิดา หัวเราะ ก่อนกล่าวว่า “เลิกคิดถึงคุณแม่ได้แล้ว คุณแม่จ่ายค่าข้าวไปแล้ว ทำไมต้องปล่อยให้เป็นข่าวหลายวัน คิดว่า นายเดชา เป็นคนปล่อย ซึ่งหากนายเดชาคิดถึงคุณแม่ ก็ขอให้เงียบๆ คิดถึงในใจ ซึ่งตอนนี้คุณแม่ไม่รักนายเดชาแล้ว แต่ยังคิดถึงอยู่ สามารถคิดถึงกันได้”