xs
xsm
sm
md
lg

“ชัชชาติ” ฟีเวอร์ ข่มอุ๊งอิ๊ง-เพื่อแม้ว จนหมอง !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เมืองไทย 360 องศา

ยังอยู่ในช่วงของการแห่แหนเฉลิมฉลองชื่นชมยินดีกับบุคคลที่ถูกยกให้เป็น “บุรุษที่แข็งแกร่งในปฐพี” อย่าง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ที่สามารถสร้างปรากฏการณ์ใหม่ที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน จากการชนะการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) แบบถล่มทลาย ชนิดที่เรียกว่า “ทุกสาย ทุกสี ทุกกลุ่ม” เทให้เขาจนมีผลออกมาอย่างที่เห็น

แม้ว่าจะทราบผลการเลือกตั้งตั้งแต่ช่วงเย็นๆ วันที่ 22 พ.ค.เป็นต้นมา จนถึงวันนี้ล่วงมาเป็นสัปดาห์แล้วกระแสแบบ “ฟีเวอร์” ก็ยังไม่หยุด ขณะที่เจ้าตัว คือ นายชัชชาติ ก็ยังมีกระแสต่อเนื่องจะด้วยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจหรือไม่ก็ตาม เพราะจากการเดินสายไปพบปะกับชาวบ้านใน กทม.ทุกระดับ ทุกวัย ยังเรียกเสียงกรี๊ด เสียงต้อนรับ อย่างล้นหลามในแต่ละวัน การออกมาแบบเรียบง่าย มาในชุดสบายๆ ถือว่าเป็นปรากฏการณ์ที่น่าประทับใจ สามารถครองใจคนทุกกลุ่ม

เอาเป็นว่าเวลานี้ถือว่า นายชัชชาติ “ไม่มีคนเกลียด” ก็แล้วกัน นั่นคือ มีแต่คนรัก และคนที่รู้สึกเฉยๆ

แม้ว่าในอดีตนักการเมืองประเภทนี้ หรือที่ “คล้ายกัน” เคยมีมาแล้วสมัย “มหาจำลอง” พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ในช่วงที่เป็นผู้ว่าฯ  กทม.ครั้งแรกในนาม “กลุ่มรวมพลัง” สร้างมิติใหม่ทางการเมืองให้จดจำมาแล้ว แต่สำหรับ นายชัชชาติ ก็มีบุคลิก ที่ “พิเศษ” ออกไป อย่างน้อยก็ในยุคที่มีการ “แบ่งขั้ว” แบ่งแยกเป็นหลากหลายกลุ่ม แต่เมื่อประเมินจากคะแนนเสียงที่เทมาให้เขา ก็พอบ่งบอกได้ว่าเขาได้รับการสนับสนุนจากทุกฝ่าย

อาจเป็นเพราะว่า นายชัชชาติ มาในนาม “อิสระ” และตัวเขาก็แสดงออกให้เห็นแบบน้ันจนชาวบ้านเช่ือ จึงเทเสียงให้ แม้ว่าในจำนวนคะแนนเสียงเกือบ 1.4 ล้านเสียง มันมีรายละเอียดอีกมากมาย ทั้งฐานเสียงเดิมจากบางพรรค เช่น จากพรรคเพื่อไทย เป็นหลักก็ตาม

แต่หลายคนก็ยังมั่นใจว่า หากเขาลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทย เขาก็คงชนะ แต่คงไม่ได้เสียงมากแบบถล่มทลายแบบนี้แน่ รวมไปถึง “โปรไฟล์” ที่โดดเด่น และ บุคลิกเฉพาะตัว การหาเสียงที่ไม่เน้นการปะทะ ไม่ตอบโต้จนสร้างความประทับใจ สร้างความหวังให้กับชาว กทม.รวมไปถึง “ความหวังของคนทั้งประเทศ” นับจากนี้อีกด้วย

เมื่อพูดถึงตรงนี้มันก็ทำให้ต้องมาพิจารณากันต่อว่า ชัยชนะของนายชัชชาติ เป็นชัยชนะของพรรคเพื่อไทย ด้วยหรือไม่ คำตอบแบบเฉพาะหน้าก็ต้องบอกว่า “ไม่น่าจะใช่” และยังเชื่ออีกว่า ไม่น่าจะทำให้พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งในสนามใหญ่ แบบ “แลนด์สไลด์” ค่อนข้างแน่นอน

แม้ว่าพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) จำนวน 20 ที่นั่ง ถือว่ามากที่สุดก็ตาม แต่นั่นก็อาจจะมาจากฐานเสียงเดิม เพราะถ้าแลนด์สไลด จริงต้องกวาดมาเกินครึ่งถึงจะพอพูดแบบนั้นได้

แต่สำหรับพรรคเพื่อไทย ในที่นี้ย่อมหมายรวมถึงเจ้าของ คือ นายทักษิณ ชินวัตร และคนในครอบครัวที่พยายาม “เคลม” กับ ชัยชนะของนายชัชชาติ ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะหากไม่ “โหน” ตอนนี้ก็ไม่รู้จะไปโหนกันตอนไหน และต้องพยายามสร้างกระแสแบบนี้ต่อเนื่องไปให้นานที่สุด

แต่อีกมุมหนึ่งหากสังเกตให้ดีจะเห็นว่าการ “ขึ้นมา” ของนายชัชชาติกับตำาแหน่ง ผู้ว่าฯ กทม.แบบ “มหาชน” หนุนส่งแบบนี้ มันก็เหมือนกับว่า เขานี่แหละคือ “ขวัญใจ คนใหม่” ที่ต้องเบียด “ขวัญใจคนเก่า” รวมไปถึงคนที่ “พยายามสร้างขึ้นมาใหม่” อีกด้วย

ใช่แล้วกำลังพูดถึง นายทักษิณ และ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ที่หลายฝ่ายฟันธงว่า กำลังถูกผลักดันให้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เป็น “นอมินี” คนต่อไป

เพราะหากความเชื่อที่ว่า สาเหตุที่ นายชัชชาติ ชนะการเลือกตั้งแบบถล่มทลายดังกล่าวมาจากความเป็น “อิสระ” ไม่ได้สังกัดพรรคใด หรือกลุ่มใด ก็มีความหมายชัดเจนอยู่ในตัวเองอยู่แล้วว่า ชัยชนะ “ขาด” ย่อมไม่ได้มีสาเหตุที่เชื่อว่ามาจากเป็น ของพรรคเพื่อไทยแน่นอน

ขณะเดียวกัน กระแส “ฟีเวอร์” ของ นายชัชชาติ ในเวลานี้ และคาดว่า ยังจะ ต่อเนื่องไปอีกพักใหญ่ นอกเหนือจากเป็นความหวังของคนใน กทม.แล้ว ยังเชื่อว่า ยังต้องเป็นความหวังของคนทั้งประเทศอีกด้วย คนไม่น้อยทีเดียวที่มองแบบนั้น ซึ่งหากมีมุมมองและความหวังแบบนั้น นั่นก็หมายความว่าเป็นความนิยมในตัวของ นายชัชชาติ ไม่ใช่ความนิยมในพรรคเพื่อไทย หรือตัวของ “อุ๊งอิ๊ง” ที่เชื่อว่าจะถูกชูขึ้น มาในอนาคตแต่อย่างใด

ดังนั้น ยิ่ง นายชัชชาติ มีกระแสความนิยมมากเท่าใด อีกด้านหนึ่งมันก็ยิ่ง “ข่ม” พรรคเพื่อไทย และคนของพรรคเพื่อไทยลงไปเรื่อยๆ เช่นกัน

และหากสังเกตให้ดีในเบื้องต้นจะเห็นว่า นายชัชชาติ พยายามรักษาระยะห่างอย่างเหมาะสม เริ่มจากการแต่งตั้งว่าที่ “รองผู้ว่าฯ  กทม.” อย่าง นายจักกพันธ ผิวงาม เป็นคนแรก ที่ถือว่าได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี ทั้งความซื่อสัตย์ และผลงาน และที่สำคัญไม่มีกลิ่นอายของสังกัดพรรคการเมือง ไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทย

หรือแม้แต่การเปิดตัว นายภิมุข สิมะโรจน์ ที่ตามข่าวบอกว่าจะมาเป็น เลขาฯ ผู้ว่าฯ คนนี้ แม้ว่าจะเคยเป็นรองหัวหน้าพรรคกล้า แต่หากก้าวพ้นมาจากพรรคเพื่อไทย มานานก็ถือว่าตัดขาดออกมาแล้ว ซึ่งการเปิดตัวแบบนี้ มันก็ทำให้เพิ่มความไว้ใจจากบางฝ่ายที่กำลังเฝ้ามองด้วยความระแวงลงไปได้ระดับหนึ่ง

แต่อีกด้านหนึ่งมันก็ทำให้เห็นคำตอบในเบื้องต้นแล้วว่า นายชัชชาติ พยายามรักษาระยะห่าง กำลังพิสูจน์เป็นนัยว่าเขาเป็น “อิสระ” จริงๆ เพราะความเป็นอิสระ ต่างหากที่จะทำให้การทำงานในตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.สะดวกขึ้น และหากยึดเอาประชาชน เป็นศูนย์กลางก็ยิ่งเป็นผลดีมากกว่า แม้ว่าในความเป็นจริงในอนาคตเขาก็ยังต้องพึ่งพาเสียงสนับสนุนในสภา กทม.หรือ ส.ก.จากพรรคเพื่อไทย แต่ขณะเดียวกัน ก็ยังต้องอาศัยความร่วมมือจากพรรคอื่นและกลุ่มอื่นด้วย ทุกอย่างจึงจะไม่สะดุด

แม้ว่าเส้นทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล ยังไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง ไม่รู้ว่า นายชัชชาติ จะสามารถสร้างผลงานแก้ปัญหาได้ตาม “ความคาดหวัง” ของประชาชน ได้มากมายแค่ไหน เพราะในสถานการณ์จริงมันไม่ง่าย ไม่ใช่โลกสวยอย่างเดียว แต่เชื่อว่า ด้วยความสามารถ และความเชื่อมั่นศรัทธาของชาวบ้านในเวลานี้ อย่างน้อยก็เป็นแรงส่งที่สำคัญ เหมือนกับเริ่มต้นถูกทางมันก็มีชัยไปเกือบครึ่งแล้ว

แต่หากมองข้ามช็อตไปในอนาคต หากเขายังรักษาความศรัทธาได้อย่าง คงเส้นคงวา ก็ช่วยไม่ได้ที่จะต้องเดินไปสู่ “สนามใหญ่” เป็น “ผู้นำ” ของคนทั้งประเทศ เหมือนกับที่หลายคนเริ่มคาดหวังกันแล้ว

ซึ่งนาทีนี้ยังไม่รู้ เพราะยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่หากเป็นจริงตามนั้น มันก็ย่อมหมายถึงความนิยมที่มีเฉพาะตัวต่อ นายชัชชาติ และคงไม่ใช่คนอื่นที่พยายาม เกาะเกี่ยว หรือ “เคลม” อยู่ในเวลานี้

หากโฟกัสให้ชัดลงไปอีก ก็ต้องฟันธงว่า การขึ้นมาของ “ชัชชาติ” ย่อมเป็นการ “ข่ม” พรรคเพื่อไทย รวมไปถึง “อุ๊งอิ๊ง” หรือแม้แต่ “ทักษิณ” ที่นาทีนี้ก็ไม่ใช่แล้ว!!.


กำลังโหลดความคิดเห็น