นายกฯ ขอบคุณทุกฝ่ายที่ทำให้สถานการณ์โควิดดีขึ้น ศบค.ปรับลดพื้นที่สีของ จว.และผ่อนคลายสถานที่ท่องเที่ยว ผับ บาร์ 1 มิ.ย. เผย การท่องเที่ยวได้รับคำชมและความนิยม โฆษกแจงไม่กักตัว ไปใช้สิทธิเลือกผู้ว่าฯ กทม.ได้ แม้ใกล้ชิด “ดอน” ที่เพิ่งตรวจพบโควิด
วันนี้ (20 พ.ค.) เวลา 12.50 น. ณ บริเวณทางเชื่อมตึกสันติไมตรีและตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 8/2565 ว่า รู้สึกยินดีกับสถานการณ์การติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และอัตราผู้เสียชีวิตนั้นลดลง เป็นผลมาจากความร่วมมือกันของทุกฝ่าย รวมถึงประชาชน ขอบคุณทุกคนที่ปฏิบัติตามมาตรการของทางสาธารณสุข พร้อมขอให้ผู้ที่ยังมีความหละหลวมไม่ปฏิบัติตามมาตรการได้ให้ความร่วมมือกับทางภาครัฐด้วย โดยเฉพาะในเรื่องของการฉีดวัคซีน ซึ่งยืนยันขณะนี้มีวัคซีนที่เพียงพอ สำหรับการฉีดวัคซีนเข็มแรก และการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้กับประชาชนทุกคน รวมถึงเตียงสำหรับการรักษา สิ่งเหล่านี้เป็นมาตรการที่รัฐบาลดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการปรับระดับพื้นที่สีของจังหวัด ว่า ที่ประชุม ศบค. ได้ปรับลดพื้นที่สีในการควบคุมโรคโควิด-19 เหลือพื้นที่สีเขียว สีฟ้า และสีเหลือง รวมทั้งผ่อนคลายมาตรการให้เปิดสถานบันเทิง ผับ บาร์ ในพื้นที่สีฟ้า และพื้นที่สีเขียว ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. 2565 ภายใต้มาตรการด้านสาธารณสุข อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการผ่อนคลายที่จะให้เปิดแล้ว แต่ก็ขอให้ทุกคนต้องปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ทั้งผู้ให้บริการ และผู้ใช้บริการ รวมไปถึงที่ประชุม ศบค. ยังมีการปรับมาตรการการเข้าประเทศให้มีความรวดเร็วขึ้น ให้สอดคล้องกับสถานการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศ โดยเฉพาะทางอากาศ ขณะที่ในส่วนของทางเรือ ทางบกก็มีมาตรการอยู่แล้ว
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังติดตามการเปิดเรียนแบบ On-site ได้รับรายงานว่า ทุกอย่างยังอยู่ในเกณฑ์ที่ควบคุมได้ ทั้งนี้ ทุกอย่างที่รัฐบาลออกมาตรการไปรู้ว่าประชาชนเดือดร้อน ไม่สบายใจ เพราะทุกคนล้วนได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้นทำให้เกิดความลำบากในการประกอบอาชีพ ซึ่งรัฐบาลพยายามทำอย่างเต็มที่ด้วยความระมัดระวัง ขอให้เข้าใจรัฐบาลด้วย พร้อมกล่าวย้ำว่า วันนี้ประเทศไทยถูกจัดอันดับเป็นอันดับต้นๆ ของโลก และเป็นอันดับ 1 ของอาเซียน ในเรื่องของการดูแลการแพร่ระบาดโควิด-19 และหลายอย่างที่ประเทศไทยดำเนินการนั้น WHO ก็ได้นำไปศึกษาด้วย
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการท่องเที่ยวของไทย ว่า ได้รับคำชื่นชมและเป็นที่นิยมจากต่างประเทศ โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร ภูเก็ต เชียงใหม่ เป็นต้น จึงขอให้ทุกคนร่วมมือกันฉีดวัคซีนให้ครบ สถานการณ์โควิด-19 ก็จะดีขึ้น เพราะเครื่องจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย คือ การท่องเที่ยว ทั้งนี้ ได้คาดการณ์ไว้ว่านักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่งผลให้สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามในส่วนของเครื่องจักรอื่นๆ ยังขับเคลื่อนได้ช้า เพราะประสบปัญหา 3 ซ้อน 1) การกีดกันทางการค้า 2) โควิด-19 3) สถานการณ์ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน โดยรัฐบาลจะทำให้ดีที่สุดบนพื้นฐานของความถูกต้องและการประชุมหารือร่วมกันของทุกฝ่ายก่อนดำเนินการต่อไป
ด้าน นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากกรณีที่นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ มีผลตรวจยืนยันเป็นโควิด-19 และได้พบกับ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวานนี้ ไม่เป็นเหตุให้ต้องกักตัวตามแนวทางที่ ศบค. กำหนด เพราะสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา แต่ต้องดูแลตัวเอง สังเกตอาการ หลีกเลี่ยงการรวมกลุ่ม และ ยังสามารถไปใช้สิทธิเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้ ภายใต้มาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด