นายกฯ เผย ผ่อนคลายสถานที่ท่องเที่ยวกลางคืน 1 มิ.ย. ย้ำต้องปฏิบัติตามมาตรการเคร่งครัด โอดเจอปัญหา 3 เด้ง แต่จะทำอย่างดีที่สุด ตัดสินใจบนพื้นฐานความถูกต้อง
วันนี้ (20 พ.ค.) เมื่อเวลา 11.20 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19 ) หรือ ศบค. ครั้งที่ 8/2565 ว่า วันนี้เป็นการประชุมอีกครั้งของ ศบค.จากข้อมูลที่ชี้แจงในที่ประชุม เราได้เตรียมความพร้อมหลายๆ เรื่อง สิ่งที่น่ายินดี คือ สถานการณ์ผู้ติดเชื้อลดลงตามลำดับ ซึ่งเป็นผลจากความร่วมมือจากทุกฝ่ายและประชาชน ซึ่งขอขอบคุณที่ได้ปฏิบัติตามมาตรการที่ได้กำหนดออกไป สำหรับผู้ที่ยังหละหลวมอยู่ก็ขอให้ร่วมมือกับรัฐฉีดวัคซีนให้ครบ โดยเฉพาะเข็มบูสเตอร์ให้ได้มากที่สุดทั้งเข็ม 3 และเข็ม 4 ในเมื่อเรามีวัคซีนก็ฉีดกันเถอะอย่างไรก็ปลอดภัย ตนฉีดวัคซีนเข็ม 4 แล้วก็ไม่เป็นอะไร ยืนยันเรามีวัคซีน ยารักษาโรคและเตียงเพียงพอ สิ่งเหล่านี้คือมาตรการที่รัฐดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง
นายกฯ กล่าวว่า ในการประชุมวันนี้ มีการผ่อนคลายเรื่องระดับพื้นที่หรือสีของจังหวัด ซึ่งเหลือเพียงพื้นที่สีเขียว สีเหลือง และสีฟ้า เนื่องจากสถานการณ์เริ่มดีขึ้น รวมถึงการมีมติร่วมกันที่จะผ่อนคลายสถานที่ท่องเที่ยว ผับ บาร์ โดยจะเริ่มในวันที่ 1 มิ.ย.เป็นต้นไป ซึ่งเป็นข้อเรียกร้องที่รับมาพิจารณาดำเนินการ โดยเราต้องพิจารณาตามหลักของสาธารณสุข เมื่อผ่อนคลายให้เปิดก็ต้องปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด ทั้งผู้ที่ให้บริการและผู้ที่ไปเที่ยว นอกจากนี้ ก็มีการปรับมาตรการในการเดินทางเข้าประเทศให้รวดเร็วขึ้น เพราะจากสถิติจำนวนคนที่เดินทางเข้าประเทศมีเพิ่มขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะทางอากาศ ขณะที่ทางเรือและทางบกก็มีมาตรการอยู่แล้ว ซึ่งจะมีการหารือตามมาตรการต่อไป
นายกฯ กล่าวว่า ขณะเดียวกัน ตนได้สอบถามเรื่องการเปิดเรียนก็ได้รับรายงานทุกอย่างอยู่ในเกณฑ์ที่ควบคุมได้อยู่ ฉะนั้น มาตรการทุกอย่างที่รัฐออกไป ตนรู้ว่าประชาชนเดือดร้อน ไม่สบายใจ เพราะทุกคนถูกสถานการณ์ทำให้เกิดความลำบากในการประกอบการ ประกอบอาชีพและทุกเรื่อง รัฐบาลจึงพยามทำอย่างเต็มที่และระมัดระวังขอให้เข้าใจรัฐบาลด้วย
“วันนี้ประเทศไทยถูกยกระดับเป็นลำดับต้นๆ ของโลก หรือเป็นอันดับหนึ่งของอาเซียนด้วยซ้ำในเรื่องการดูแลการแพร่ระบาด หลายอย่างก็นำไปเป็นบทเรียน องค์การอนามัยโลกก็นำของเราไปศึกษา วันนี้การท่องเที่ยวของไทยได้รับการชื่นชมจากต่างประเทศ โดยเฉพาะกรุงเทพฯ ภูเก็ต และ เชียงใหม่ ถ้าเราทำได้และร่วมมือกันดี ฉีดวัคซีนให้ครบมันก็จะดีขึ้นไปกว่านี้ เพราะเครื่องจักรสำคัญด้านเศรษฐกิจของเรา คือ ด้านการท่องเที่ยว ซึ่งวันนี้ก็คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนพอสมควร ก็คงทำให้รายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ส่วนเครื่องจักรอันอื่นยังไปได้ช้า เพราะเรามีซ้อน 3 ซ้อน คือ 1. มาตรการกีดกันทางการค้า 2. โควิด-19 และ 3. สถานการณ์ความขัดแย้ง ซึ่งเกี่ยวพันกันทั้งหมดเท่ากับรัฐบาลเจอ 3 เด้ง ผมพยายามทำอย่างดีที่สุด ตัดสินใจบนพื้นฐานความถูกต้องจากผลการหารือของทุกฝ่าย ซึ่งเราต้องไปด้วยกัน” นายกฯ กล่าว