สธ.ชง ศบค.ปรับพื้นที่สีพรุ่งนี้ คาดพื้นที่สีเขียว 14 จังหวัด เปิดผับบาร์ขึ้นกับ คกก.โรคติดต่อจังหวัดนั้นพิจารณา เผยทั่วประเทศอยู่ระยะขาลงทั้งหมดแล้ว เหลือ 5 จังหวัดยังทรงตัว ตัวเลขดีขึ้นกว่าแผน 2 สัปดาห์ ส่วนยอดวัคซีนเข็มกระตุ้นจะประเมินอีกครั้งในการปรับเป็นโรคประจำถิ่น
เมื่อวันที่ 19 พ.ค. นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเสนอมาตรการต่อที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศบค.) ในวันที่ 20 พ.ค.นี้ ว่า สธ.ไม่ได้เสนอมาตรการผ่อนคลาย แต่จะเป็นเรื่องของการปรับระดับพื้นที่สีของแต่ละจังหวัด ซึ่งพิจารณาจากความรุนแรงของโรค หากความรุนแรงลดลงค่อนข้างผ่อนคลายก็จะลดระดับสี ซึ่งแต่ละพื้นที่สีจะผูกกับมาตรการทางสังคมที่ ศบค.กำหนดไว้อยู่แล้ว ดังนั้น ถ้าถูกลดระดับสีไป ก็จะสามารถดำเนินการอะไรต่างๆ ได้ตามลักษณะมาตรการทางสังคมที่กำหนดไว้ สำหรับการเสนอพื้นที่สีจะเสนอทั้ง 3 รูปแบบ คือ พื้นที่นำร่องท่องเที่ยวสีฟ้า พื้นที่เฝ้าระวังสีเขียว และพื้นที่เฝ้าระวังสูงสีเหลือง ซึ่งสัดส่วนพื้นที่สีเขียวและสีฟ้าน่าจะใกล้เคียงกัน
"ขณะนี้สถานการณ์โควิดในแต่ละจังหวัด หากแบ่งตามระยะที่จะเข้าสู่โรคประจำถิ่น ขณะนี้ไม่มีระยะต่อสู้หรือขาขึ้นแล้ว ส่วนระยะทรงตัวเมื่อเดือนที่แล้วมีประมาณ 20 จังหวัด ตอนนี้เหลือประมาณ 5 จังหวัด คือ พะเยา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ ยโสธร และอุทัยธานี และที่เหลือเป็นระยะขาลงแล้ว ซึ่งขาลงนั้นสอดคล้องกันในทุกตัวเลข ทั้งผู้ติดเชื้อรายใหม่ ผู้ป่วยอาการรุนแรง และเสียชีวิต" นพ.เกียรติภูมิกล่าว
เมื่อถามว่าพื้นที่สีเขียวจะเปิดผับบาร์ได้เลยหรือไม่ นพ.เกียรติภูมิกล่าวว่า เมื่อระดับของการควบคุมลดลง ตรงนี้ขึ้นกับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดในพื้นที่สีเขียวอาจต้องพิจารณาว่า จะสามารถประกอบกิจกรรมกิจการอะไรได้บ้าง และกิจการกิจกรรมเสี่ยงก็ต้องมีข้อกำหนดมาตรการทางสาธารณสุขกำกับเสมอ เพื่อไม่ให้ติดเชื้อแพร่เชื้อต่อไป
ถามต่อว่าจะปรับลดการแจ้งเตือนภัยจากระดับ 3 เป็นระดับ 2 ด้วยหรือไม่ นพ.เกียรติภูมิกล่าวว่า ตรงนี้จะดูให้สอดคล้องกับมติ ศบค.ที่ออกมาก่อน แต่จะมีเรื่องของเงื่อนเวลาอยู่ด้วย
ถามอีกว่าจะเสนอ ศบค.เรื่องของโรคประจำถิ่นที่อาจเดินหน้าได้เร็วกว่าครึ่งเดือนหรือไม่ นพ.เกียรติภูมิกล่าวว่า จะมีการรายงานให้ ศบค.ทราบ เนื่องจากตัวเลขดีกว่าในแผนประมาณ 2 สัปดาห์ เราก็จะดูตามเหตุการณ์ แต่คิดว่าวันที่ 1 ก.ค.นี้น่าจะเป็นไปได้สูง ซึ่ง สธ.ก็ได้เตรียมการรองรับเอาไว้เมื่อโรคเบาบางลง เช่น มาตรการทางการแพทย์และสาธารณสุขจะทำอย่างไรต่อไป อย่างเรื่องการตรวจ ATK ในโรงงานก็คงไม่ได้ตรวจทุกสัปดาห์ ก็จะมีคำแนะนำที่เหมาะสมต่อไป
ถามว่ายอดการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นยังเพิ่มขึ้นไม่มาก จะมีผลกระทบเรื่องโรคประจำถิ่นหรือไม่ นพ.เกียรติภูมิกล่าวว่า การฉีดวัคซีนยังต้องดำเนินการต่อไป แต่ภาพรวมความรุนแรงของโรคขณะนี้ลดลงในตัวเอง การฉีดวัคซีนก็เพื่อลดความรุนแรงได้เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ การตั้งข้อกำหนดหรือเกณฑ์ก็เพื่อใช้เป็นทิศทางบริหารจัดการ แต่ถึงเวลาก็ต้องประเมิน อย่างเดิมเราคิดว่าภูมิคุ้มกันวัคซีนต้อง 60% พอไม่พอก็ต้องเพิ่มเป็น 80% ปัจจุบันอาจจะ 65% น่าจะเพียงพอ ซึ่งจะให้ผู้เชี่ยวชาญพิจารณาประเมินอีกครั้ง แต่ส่วนตัวก็เชื่อว่าน่าจะดีขึ้น เพราะการติดเชื้อไม่เด้งขึ้น ทั้งหลังสงกรานต์ เปิดเทอมก็ไม่เด้ง แสดงว่าระบบภูมิคุ้มกันแต่ละคนก็ทำงาน
แหล่งข่าวในสาธารณสุขรายงานว่า ในการประชุม สธ.มีการปรับระดับพื้นที่สีของแต่ละจังหวัด คือ พื้นที่สีฟ้าคงเดิม 17 จังหวัด พื้นที่สีเขียวจากที่ไม่มีก็เพิ่มขึ้นเป็น 14 จังหวัด และพื้นที่สีเหลืองเดิมมี 65 จังหวัดลดลงเหลือ 46 จังหวัด ซึ่งจะขึ้นกับการพิจารณาของ ศบค.ในวันที่ 20 พ.ค.นี้