รมว.คมนาคม ร่วมวงเสวนาหัวข้อ “เศรษฐกิจไทยยุคใหม่ ประเทศไทยก้าวต่อไปอย่างไร” ลุยลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแม้มีโควิด พัฒนาระบบการคมนาคมขนส่งในทุกมิติ กระจายความเจริญออกนอกพื้นที่
วันนี้ (19 พ.ค.) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่ากระทรวงคมนาคม ร่วมงานประชุมเสวนา “Better Thailand Open Dialogue : ถามมา-ตอบไป เพื่อประเทศไทยที่ดีกว่าเดิม” พร้อมร่วมเสวนาในหัวข้อ “เศรษฐกิจไทยยุคใหม่ ประเทศไทยก้าวต่อไปอย่างไร” เกี่ยวกับประเด็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของไทย โดยมี นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม ผู้บริหารและผู้แทนจากหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม เข้าร่วมงาน ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2565 ณ รอยัล พารากอนฮอลล์ ศูนย์การค้าสยามพารากอน กรุงเทพฯ
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของประเทศ แม้ว่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยจะเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ซึ่งกระทรวงคมนาคมไม่ได้หยุดหรือชะลอการลงทุนในโครงการที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานและโครงข่ายคมนาคมของประเทศ เนื่องจากเห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องเตรียมความพร้อม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ รองรับการค้าการลงทุนจากต่างประเทศ รวมทั้งลดต้นทุนโลจิสติกส์ด้านการขนส่งที่จะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยภายหลังสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลาย ตามนโยบายของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่มุ่งมั่นพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมในทุกมิติอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของประเทศครอบคลุมพื้นที่ สามารถรองรับความต้องการของประชาชนทั้งในระดับครัวเรือน อุตสาหกรรม การท่องเที่ยว และส่งผลต่อยอดเชื่อมโยงเครือข่ายในระดับประเทศ โดยในปี 2565 ประเทศไทยจะมีโครงการลงทุนทั้งทางถนน ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ ในวงเงิน 1.4 ล้านล้านบาท ประกอบด้วย โครงการที่ได้ลงนามสัญญาแล้ว 516,000 ล้านบาท และโครงการลงทุนใหม่ 974,000 ล้านบาท ซึ่งสามารถสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจเป็นมูลค่าสูงถึง 2.24 ล้านล้านบาท คาดการณ์เบื้องต้นว่าจะก่อให้เกิดการจ้างงานประมาณ 154,000 ตำแหน่ง และมีส่วนที่จะต้องจัดหาวัสดุก่อสร้าง อุปกรณ์ รวมทั้งเครื่องจักร และยานพาหนะต่างๆ ประมาณ 1.24 ล้านล้านบาท จากการประเมินผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ด้วยสูตรคำนวณที่เป็นผลมาจากงานวิจัยของ Global Infrastructure Hub and Cambridge Economic Policy Associates ของสหภาพยุโรป จะทำให้เกิดผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจแบบทวีคูณ หรือ Multiply Effect ประมาณ 4 แสนล้านบาท/ปี ในปี 2565 หรือ คิดเป็น 2.35% ของ GDP
กระทรวงได้ลงทุนพัฒนาระบบการคมนาคมขนส่งในทุกมิติ โดยด้านการขนส่งทางราง ได้แก่ การพัฒนาระบบรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล โครงการระบบรถไฟฟ้าชานเมือง (สายสีแดง) การพัฒนาสถานีกลางบางซื่อ ศูนย์กลางการเดินทางของระบบรางของไทยและของภูมิภาคอาเซียน โดยเป็นศูนย์รวมของรถไฟทุกประเภท การพัฒนารถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงบางซื่อ-ท่าพระ การพัฒนาระบบรถไฟระหว่างเมืองเพื่อเพิ่มความสะดวกของประชาชนในการเดินทาง และการเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งสินค้า โครงการรถไฟทางคู่ ช่วงจิระ-ขอนแก่น โครงการรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-จิระ รถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-นครราชสีมา และรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา) ด้านการขนส่งทางถนน ได้แก่ ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-นครราชสีมา และสายบางใหญ่-กาญจนบุรี การแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุด้วยการก่อสร้างกำแพงคอนกรีตหุ้มยางพาราบริเวณเกาะกลางถนน เพื่อลดแรงกระแทกและช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางพารา ด้านการขนส่งทางน้ำ ได้แก่ โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 (ท่าเทียบเรือ F) และโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 ด้านการขนส่งทางอากาศ ได้แก่ การพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 และโครงการพัฒนาท่าอากาศยานอู่ตะเภา
ทั้งนี้ กระทรวงได้ศึกษาจัดทำแผนการพัฒนาระบบคมนาคมสำหรับอนาคต โดยมุ่งเน้นการกระจายความเจริญออกไปในพื้นที่อื่น คือ ออกแบบแนวเส้นทางโครงการให้เป็นแนวตรง เพื่อลดระยะเวลาการเดินทางซึ่งจะช่วยลดต้นทุนค่าขนส่ง และลดผลกระทบที่จะมีต่อประชาชนทั้งในด้านการเวนคืนที่ดินและการแบ่งชุมชนออกเป็น 2 ฝั่ง โดยจัดทำเป็นแผนแม่บทการพัฒนา MR-Map ศึกษาโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจ เชื่อมอ่าวไทยและอันดามันที่จังหวัดชุมพรและระนอง (Land Bridge) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการขนส่งทางทะเล รวมทั้งอยู่ระหว่างดำเนินโครงการการจัดตั้งสายการเดินเรือแห่งชาติ โดยรัฐบาลจะร่วมกับภาคเอกชนจัดตั้งสายการเดินเรือของไทย เพื่ออำนวยความสะดวก และให้สิทธิพิเศษในการจัดตั้งและดำเนินการ เพื่อให้กองเรือไทยสามารถแข่งขันได้ และเป็นเครื่องมือในการขนส่งสินค้าของไทย
กระทรวงร่วมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จัดงานประชุมเสวนา “ถามมา-ตอบไป เพื่อประเทศไทยที่ดีกว่าเดิม” ระหว่างวันที่ 19-20 พฤษภาคม 2565 ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ศูนย์การค้าสยามพารากอน เพื่อให้ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมแบ่งปันประสบการณ์และการดำเนินงานที่ผ่านมา ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมภายใต้วิกฤตการณ์ในปัจจุบัน รวมทั้งแสดงวิสัยทัศน์ ข้อเสนอแนะและทิศทาง การปรับตัวรับมือ เพื่อวางรากฐานรองรับการเปลี่ยนแปลงด้านต่างๆ ในอนาคต ให้สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนและความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานในพิธีเปิดและกล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ประเทศไทยที่ดีกว่าเดิม” ภายในงาน ประกอบด้วยนิทรรศการ 3 ส่วนหลัก ได้แก่ นิทรรศการอนาคตของไทย นิทรรศการแสดง ผลงานของรัฐบาลที่สำคัญ และนิทรรศการในส่วนบริการภาครัฐ รวมทั้งการกล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “สังคมยุคใหม่ กฎหมายทันสมัย ระบบราชการทันโลก แก้คอร์รัปชันทันที” โดย นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี การเสวนา หัวข้อ “มองเศรษฐกิจโลก สะท้อนเศรษฐกิจไทย” หัวข้อ “เศรษฐกิจไทยยุคใหม่ ประเทศไทยก้าวต่อไปอย่างไร” หัวข้อ “สิ่งแวดล้อมยุคใหม่ เติบโตไปพร้อมกับเศรษฐกิจ” และหัวข้อ “คุณภาพชีวิตยุคใหม่ ดูแลทุกวัย ยกระดับสวัสดิการ”