เจ็บปวด! “อานนท์” รำลึก 19 พฤษภา คนเสื้อแดงถูกหลอกไปเผาศาลากลาง “นิรโทษกรรม” แทนที่จะช่วย ดันไป “สุดซอย” เพื่อคนต่างประเทศ “เต้น” เผยเองคนเสื้อแดงไม่ใช่แค่เพื่อไทย “ธันวา” จวก “ณัฐวุฒิ” พูดอะไรไว้
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (18 พ.ค. 65) นายอานนท์ แสนน่าน ประธานหมู่บ้านเทิดไท้องค์ราชันแห่งประเทศไทย อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดง โพสต์รูปภาพและข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า
“19 พฤษภาคม วันคนเสื้อแดงถูกปล่อยทิ้ง หยุดวาทกรรมเก่าๆ ได้แล้วครับ
อย่าเอาประชาชนเป็นเครื่องมือทางการเมืองอีกต่อไปเลย สงสารประเทศไทย หยุดทำลายประเทศไทยเสียเถอะ
จำคำนี้ได้มั้ยครับ “ให้เสื้อแดงไปรวมตัวกันที่ศาลากลาง” แล้วสรุปสุดท้าย เสื้อแดงไปรวมตัว เผาศาลากลาง ถูกจับ ติดคุกกันเป็นร้อยคน หนีคดีอีกหลายร้อยคน ใครพูดครับ แล้ว พ.ร.บ.นิรโทษที่เห็นกัน ว่า เสื้อแดงจะได้ออกจากคุกกันซะที แต่กลับมีมือดี เอาสุดซอย พ่วงเข้าไปเพื่อให้ “คนต่างประเทศ” รอดคดีด้วย แล้วก็ เละเทะ จนนายกฯยิ่งลักษณ์ ต้องยุบสภา
พ.ร.บ.ที่เสื้อแดงจะรอดคุก โดนถอดออก เสื้อแดง ในคุก คงต้องคอตก รับชะตากรรมต่อ เพราะ “คนต่างประเทศ” นั่นเอง...
คนเสื้อแดงในตอนนั้น สมัยนั้นต้องออกมาหาเงินเยียวยากันเอง
#เสร็จนาฆ่าโคถึกเสร็จศึกฆ่าขุนพล”
ขณะเดียวกัน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ หรือ เต้น แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ระบุว่า...
“มติชน เขาถาม เรื่อง พรรคการเมืองกับคนเสื้อแดง
ผมเห็นบางสื่อมวลชนเขาวิเคราะห์ว่า นี่เป็นการเปิดเกมของนางพญาเสื้อแดง แล้วก็เปิดฉากคนแบบณัฐวุฒิ แบบจตุพร วิเคราะห์กันว่ามันจะไม่มีแล้วแกนนำแบบสมัยก่อน ทำนองนี้
คือ ต้องพูดกันชัดๆ ตรงนี้นะครับ ว่า สำหรับผมนะ การเดินทางทางการเมืองของคนเสื้อแดง จะเดินไปข้างหน้าในทิศทางใดโดยไม่ได้มีองค์กรนำแบบ นปช.คอยขับเคลื่อนอยู่ และผมรู้สึกสูญเสียหรือไม่? ผมไม่รู้สึกเช่นนั้นเลย ผมจะรู้สึกสูญเสียก็ต่อเมื่อผมคิดว่าผมเป็นเจ้าของ ซึ่งไม่ใช่!
ผมก็เป็นเพียงคนเสื้อแดงคนหนึ่ง เริ่มสู้มาด้วยกัน เติบโตมาด้วยกัน เพียงแต่ว่าผมเป็นนักการเมือง สังกัดพรรคการเมืองที่ถูกรัฐประหาร คือ “ไทยรักไทย” แล้วพอดี พอมีความสามารถเรื่องพูดจาปราศรัยอยู่บ้าง พูดจาพอฟังได้ จับกลุ่มกับเพื่อนมิตร ยืนยันหลักการประชาธิปไตยด้วยกัน ก็เลยสู้มา แล้วก็เติบโตล้มลุกคลุกคลานมาพร้อมๆ กับคนเสื้อแดง ผมไม่เคยมีประสบการณ์ทางการเมืองแบบการต่อสู้จากเหตุการณ์ใดมาก่อน 14 ตุลา ก็เกิดไม่ทัน พฤษภา 35 ก็ยังเรียน ม.5 อยู่นครศรีธรรมราช ดังนั้น ผมนับหนึ่งพร้อมกับคนเสื้อแดงเมื่อหลังการรัฐประหาร 2549
เมื่อเหตุการณ์เดินมาถึงวันนี้ องค์กรนำของ นปช.มันมีปัญหาเรื่องหลักการภายใน ไม่ดำรงสภาพขับเคลื่อนอีกต่อไป แต่ว่าคนเสื้อแดงต้องไปต่อ การต่อสู้ทางการเมืองต้องไปต่อ ดังนั้น พรรคการเมืองแต่ละพรรคเมื่อเขาหันมาเห็นพลังนี้ เขาก็อยากที่จะชวนพลังนี้เข้าไปร่วมแนวทาง ร่วมอุดมการณ์ทางการเมือง ซึ่งผมคิดว่าเป็นสิทธิ์ที่ทุกพรรคทำได้
พรรคเพื่อไทย เขาประกาศชวนคนเสื้อแดงกลับมาจับมือ กลับมาสู้ด้วยกันใหม่ เขาก็พูดถูกของเขานะครับ เพราะว่าในความเป็นจริงมันสู้ด้วยกันมาตลอดสิบกว่าปี ในทุกย่างก้าวของคนเสื้อแดงก็สัมพันธ์กับย่างก้าวของในการต่อสู้ของพรรคเพื่อไทยอย่างปฏิเสธไม่ได้
ในขณะที่พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นพรรคก้าวไกล เสรีรวมไทย ประชาชาติ หรือใดๆ ก็ตาม ถ้าเขาอยากจะสื่อสารกับคนเสื้อแดง อยากจะชวนพลังนี้ไปมีส่วนร่วมในทางการเมืองกับพรรคเหล่านั้นด้วย ผมก็ถือว่าเป็นสิทธิที่ไปหวงห้ามทักท้วงเขาก็ไม่ได้เหมือนกัน เพราะว่าถึงที่สุดคนเสื้อแดงจะเป็นคนตัดสินใจ
สิ่งที่ผมนอกจากไม่รู้สึกสูญเสียแล้ว เป็นความภูมิใจของผมก็คือว่า วันนี้เราเดินมาถึงจุดที่คนเสื้อแดงเนื้อหอมขนาดที่ทุกพรรคการเมืองของฝ่ายประชาธิปไตยเรียกหา คนเสื้อแดงเนื้อหอมขนาดที่ทุกพรรคการเมืองในฝ่ายประชาธิปไตยเห็นว่าเป็นพลังที่มีคุณค่า อยากที่จะชวนไปร่วมงานด้วย
อย่างไรก็ตาม นะครับ ช่วงเวลาของการเลือกตั้งมันยังมีเวลาอีกระยะหนึ่ง ดังนั้น ผมคิดว่าพลังของคนเสื้อแดง นอกเหนือจากการรับรู้สัญญาณจากทุกพรรคแนวร่วมว่าอยากจะร่วมพลังกันด้วย พลังของคนเสื้อแดงยังอยากรู้ต่อว่า ถ้าเดินไปทางไหนแล้วจะไปไหนกัน ถ้าเดินไปกับพรรคเพื่อไทย เราจะไปไหนกันต่อ เดินไปกับก้าวไกล กับประชาชาติ กับเสรีรวมไทย กับต่างๆ เราจะไปไหนกันต่อ ซึ่งก็เป็นการบ้านให้แต่ละพรรคนั่นแหละครับ ในการที่จะต้องมีคำตอบ มีคำอธิบาย เพราะเวลาจะกา เวลาจะตัดสินใจนี่ ถ้าสุดทางนี่อีกเกือบปีนะครับ ถ้ามันเกิดเปลี่ยนแปลงกันเสียก่อน ก็นับเวลาเป็นหลักเดือน
ดังนั้น เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่ทั้งสองฝ่ายก็ต้องคิด พรรคการเมืองก็ต้องคิด ฝ่ายคนเสื้อแดงก็ต้องคิด แต่ว่าพอมาถึงจุดนี้มันพิสูจน์ยืนยันได้อย่างหนึ่ง ว่า คนเสื้อแดงต่อสู้กันมา เอาล่ะครับ ในการกระทำ ในกระบวนการขับเคลื่อนมันมีทั้งถูกทั้งไม่ถูก มันไม่มีกระบวนการต่อสู้ไหนสมบูรณ์แบบ แต่หลักยืนมันถูกแน่ๆ ผมยืนยัน เพราะว่าถ้าหลักยืนไม่ถูก จะไม่สามารถยืนมาได้จน 15 ปีเหมือนวันนี้ และจะไม่สามารถยืนมาได้จนพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยทุกพรรคต้องยื่นมือมาหา ไม่ใช่มายื่นมือหาผม หาคนที่เรียกว่าแกนนำนะครับ แต่ยื่นมือมาหาพลังที่เรียกว่าคนเสื้อแดง ซึ่งผมคิดว่านี่แหละครับยิ่งใหญ่กว่า
คือ ผมพูดมาตลอดทุกการปราศรัยทุกการสัมภาษณ์ในประเด็นนี้ ว่า การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่มันจะเดินถูกทาง มันต้องเดินแล้วประชาชนใหญ่ขึ้นนะครับ แล้วแกนนำเล็กลง ขบวนการต่อสู้ใดที่อ้างว่าสู้เพื่อประชาธิปไตยแต่เดินแล้วแกนนำใหญ่ขึ้นๆ ใหญ่จนแตะต้องไม่ได้ แล้วประชาชนเล็กลงๆ มากขึ้นเรื่อยๆ ผมว่าเดินผิดทาง
ทีนี้ขบวนการคนเสื้อแดง ไม่ได้พูดเข้าข้างพี่น้องที่ร่วมสู้กันมานะครับ แต่ผมว่าผมเห็นภาพนี้ คือ แกนนำล้มหายตายจากไปก็มี ขายจิตวิญญาณไปก็มี เหยียบย่ำหัวใจพี่น้องที่ต่อสู้ไปด้วยกันก็มี หรือยังคงดำรงอยู่ แต่ว่าในสถานการณ์ที่ผ่านมาก็ทำให้บทบาทหรือสถานะของตัวเองที่อยู่ในขบวนมันแตกต่างออกไป แต่ว่าสำหรับประชาชนแข็งแกร่งขึ้นตลอดมา ผ่านความเจ็บปวด ผ่านความสูญเสียมามากมาย แต่ว่าขึ้นชื่อว่าคนเสื้อแดงวันนี้ มันถูกพิสูจน์ทราบในหลายมุมแล้วว่า หลักการที่สู้มันถูก
แล้วสิ่งที่คนเสื้อแดงพูดกันตั้งแต่ปี 49, 50 ไปเปิดเทปย้อนดูมันยังใช้ได้ในวันปัจจุบัน มันไม่เหมือนขบวนการต่อสู้ของอีกฝ่ายหนึ่งนะ ที่ถ้าไปเปิดเทปย้อนดูตั้งแต่วันแรกๆ ที่สู้ วันปัจจุบันนี่บางคนอยากเอาปี๊บคลุมหัวด้วยซ้ำไปนะครับ ว่า พูดไปแบบนั้นได้ยังไง ยกเว้นคนที่สุดโต่งจริงๆ ก็ดันกันไป
ดังนั้น ผมก็คิดว่าอะไรที่มันจะเป็นการสื่อสารของพรรคการเมืองสู่ประชาชน โดยเฉพาะคนเสื้อแดง มันเป็นเวทีของทุกพรรค เป็นสิทธิโดยชอบ ส่วนการตัดสินใจของคนเสื้อแดงก็เป็นสิทธิโดยชอบเหมือนกัน ก็มีสิทธิเชียร์กัน มีสิทธิเชิญชวนกัน มีสิทธิอธิบายเหตุผล มีสิทธิอธิบายประวัติศาสตร์ มีสิทธิอธิบายอนาคตด้วยกันนั่นแหละ นี่คือ วิถีของฝ่ายประชาธิปไตย!
แล้วสิ่งที่น่าสนใจอีกอย่าง ซึ่งผมติดตามและผมเห็นว่าเป็นสัญญาณที่ดี ก็คือ เราดูสิ่งที่เกิดขึ้นวันที่พรรคเพื่อไทยประกาศรับ คุณบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ เข้ามาแล้วประกาศว่าเป็นว่าที่ผู้สมัคร มีปฏิกิริยาทันทีนะครับ แล้วคนที่แสดงปฏิกิริยาแทบ 100% เท่าที่ผมรู้จัก เสื้อแดงทั้งนั้น แล้วพรรคเพื่อไทยก็ต้องกลับลำเหมือนกัน คุณบุญจงก็ประกาศถอนตัว นี่มันก็เป็นสัญญาณว่าคนเสื้อแดงไม่ง่ายนะครับ เป็นคนเรียบๆ พื้นๆ แต่ไม่ใช่อะไรก็ได้ แล้วพรรคการเมืองแบบพรรคเพื่อไทยเขาก็รับฟังเร็ว เขาก็กลับตัวทันที นี่ก็เป็นสัญญาว่าเออ! ประชาชนก็ส่งเสียงได้ พรรคการเมืองก็รับฟังได้ กลับตัวได้
ฉันใดฉันนั้นเช่นเดียวกัน ถ้ามันเกิดขึ้นกับพรรคอื่น แล้วคนเสื้อแดงเขาทักท้วง แต่ละพรรคเขาก็คงจะมีปฏิกิริยาตอบสนองที่ดีกลับออกมา ก็ต้องตามดูกันต่อไปนะครับ ผมคิดว่าสิ่งที่กำลังเป็น ถ้าใครเป็นคนเสื้อแดงที่เคยต่อสู้ด้วยกันมา ถึงที่สุดอาจจะเลือกยืนคนละพรรค เป็นไปได้เพราะพรรคมันเยอะเดี๋ยวนี้ แล้วก็มันจะบอกว่าห้ามเด็ดขาด ถ้าเป็นเสื้อแดงต้องพรรคโน้นพรรคนี้อย่างเดียว ห้ามไปพรรคไหน ใครจะไปพูดได้อย่างนั้น
แต่ว่าให้ภูมิใจไว้เถอะว่า ไอ้ความเป็นคนเสื้อแดงที่เคยถูกเขาเหยียดหยาม เคยถูกเขาปรามาส เคยถูกเขาไม่ให้ค่า บอกว่าเป็นพวกรับจ้าง บอกว่าเป็นพวกทำไร่ไถนาเรียกว่าไอ้ควายแดง วันนี้มันดูสดใสขึ้นมาแล้วในสายตาของคนจำนวนมาก วันนี้คราบไคลที่ถูกป้ายมันถูกชะล้างด้วยความจริง มันถูกชะล้างด้วยกาลเวลา แล้วถ้าหากสิ่งเหล่านี้มันจะเป็นคุณค่า มันเป็นคุณค่าของประชาชนธรรมดาทุกคนที่เคยออกมาสู้ ไม่ได้เป็นคุณค่าของแกนนำ ไม่ได้เป็นคุณค่าขององค์กรนำใดๆ แกนนำก็ต้องพิสูจน์ตัวเองกันต่อไปล่ะครับว่าใครใช่/ใครไม่ใช่
แต่สำหรับประชาชนคนธรรมดาที่สู้มือเปล่าหัวใจเดียวมาตลอด ผมว่าพิสูจน์แล้วว่าใช่ แล้วก็ของแท้ครับ”
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน นายธันวา ไกรฤกษ์ ทีมโฆษกพรรคสร้างอนาคตไทย โพสต์ข้อความถึง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำคนเสื้อแดงว่า โพสต์นี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ
“พี่เขาร่ายมาหลายย่อหน้า ว่า วันนี้เสื้อแดง “เนื้อหอม” มีแต่คนต้องการตัว
อยากบอกว่า พรรคไหนจะดึงพี่เขาไป เพราะหวังจะได้มวลชน โดยคิดจะปูนบำเหน็จเก้าอี้ รมต.ให้แกอีก ก็ช่วยบอกให้ประชาชนทราบแต่เนิ่นๆ ด้วยนะครับ
ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่า ได้คนๆ นี้ไป แล้วจะแลนด์สไลด์อยู่รึเปล่า ซึ่งในขณะที่พิมพ์อยู่ มีประโยคนึงมันดังก้องในหัวผม คือประโยคที่ว่า “เผาเลยพี่น้อง ผมรับผิดชอบเอง” !!”
แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจ ก็คือ การย้อน รำลึก “19 พฤษภา” ของคนเสื้อแดง ในปัจจุบัน ทำไมแตกต่างกันเหลือเกิน บางคนเจ็บปวด บางคนอ้างเป็นกลุ่มพลังที่เนื้อหอม พร้อมเอาไปขายกับทุกพรรค สร้างค่าสร้างราคาราวกับผักปลา?
น่าเห็นใจคนเสื้อแดง เพราะจนถึงวันนี้ แม้ถูกหลอกเสียจนยับเยิน แล้วก็เททิ้งไม่ไยดี แต่คนพวกเดิมก็ยังมีความพยายามที่จะหลอกใช้อีก โดยไม่คิดแม้แต่น้อยว่า คนเสื้อแดงจะรู้สึกอย่างไร? อย่างที่ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล บอกว่า เลือกตั้งทีก็เรียกใช้ที ก็นับว่าจริงของเขา
ส่วนที่ “ณัฐวุฒิ” เห็นว่า “เนื้อหอม” ก็คงจะหอมแต่เฉพาะช่วงใกล้เลือกตั้ง ต้องการ “แลนด์สไลด์” หรือ ได้ชัยชนะอย่างถล่มทลาย หรือไม่ ก็ลองคิดดูแล้วกัน!