xs
xsm
sm
md
lg

เจอของแข็ง! ท้า “หมอปลา” บุกวัดธรรมกาย จับธัมมชโย“ประวิตร” ซัด หัวเราะเหยียด หลวงปู่แสงป่วยอัลไซเมอร์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพจากเฟซบุ๊ก Nopadol Prompasit
งานเข้าอย่างแรง! ชาวเน็ต จี้ “หมอปลา” แน่จริงบุกวัดธรรมกาย จับธัมมชโย “ประวิตร” นักข่าวอาวุโส ซัดแหลก หมอปราบผี หัวเราะเหยียดหลวงปู่แสง “ป่วยอัลไซเมอร์” “ไพศาล” จี้สอบ “แก๊งสึกพระ” มีขบวนบ่อนทำลาย?

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง จากกรณีหมอปลา ได้บุกเข้าตรวจสอบ “หลวงปู่แสง ญาณวโร” พระเกจิชื่อดัง อายุ 98 พรรษา และป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ ที่อาศัยอยู่ในที่พักสงฆ์ พื้นที่บ้านดงสว่าง ต.โคกนาโก อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร จนทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก ว่า เหตุใดถึงไม่ตรวจสอบข้อมูลให้ดีก่อน

อย่างไรก็ตาม ด้านหนึ่งต้องให้เครดิต “หมอปลา” ที่ช่วยการปกป้องพระพุทธศาสนา จับพระนอกรีตมาโดยตลอด ทำให้มีชาวเน็ตหลายคน ออกมาเชียร์ให้หมอปลา บุกไปที่วัดธรรมกาย เพื่อจับธัมมชโยให้ได้

โดยหนึ่งในนั้น นายนพดล พรหมภาษิต อดีตเลขาธิการ ศชอ. ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Nopadol Prompasit ว่า ขอเรียกร้องให้หมอปลาเข้าไปตรวจสอบวัดธรรมกาย และช่วยตามจับธัมมชโยให้ได้ นอกจากนั้นยังโพสต์อีกว่า "โหนกระแสไม่แตะ lazada ฉันใด หมอปลาก็ไม่แตะธรรมกายฉันนั้น"

ภาพจากทวิตเตอร์ Pravit Rojanaphruk
ขณะที่ “ประวิตร โรจนพฤกษ์” นักข่าวอาวุโส ประจำข่าวสดภาคภาษาอังกฤษ ตำหนิหมอปลา หัวเราะเหยียดหลวงปู่แสงป่วยอัลไซเมอร์ โดยได้ทวิตข้อความทางทวิตเตอร์ Pravit Rojanaphruk ว่า "อัลไซเมอร์คืออาการป่วย ควรเห็นใจยิ่ง แต่พอหมอปลาได้ยินว่าหลวงปู่แสงเป็นอัลไซเมอร์กลับหัวเราะเหยียด >สังคมไทยยังต้องเรียนรู้ที่จะเห็นใจคนป่วยอีกมาก ไม่ว่าเป็นอัลไซเมอร์ ต้องนั่งรถเข็น ฯลฯ #ป #หลวงปู่แสง #แบนลาซาด้า #คนป่วย #แบนLazada #อัลไซเมอร์ #หมอปลา"

ภาพ นายไพศาล พืชมงคล
นอกจากนี้ นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วย รองนายกฯ (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ได้โพสต์เฟซบุ๊ก “Paisal Puechmongkol” ระบุว่า ขบวนการนารีพิฆาตพระ

1.ระยะปีเศษมานี่ มีเหตุการณ์ พระสงฆ์ถูกกล่าวหา ในทางมิดีมิร้ายหลายครั้ง เป็นเหตุการณ์แปลกๆ จนพระสงฆ์ต้องสึกออกไปหลายรูปแล้ว ทำให้ต้องตั้งข้อสังเกตว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งพบว่ามีทั้ง 2 ประเภทคือ พระไม่เป็นพระจริงๆ อย่างหนึ่ง และพระที่ถูกข้อกล่าวหาและสึกออกไป แบบแปลกๆอีกอย่างหนึ่ง

2.จากการติดตามปรากฏว่า ทุกเรื่องจะมี 2 ขั้นตอน
~ ขั้นตอนแรก จะเป็นการรวบรวม สร้างหลักฐาน ว่าพระประพฤติ ไม่ถูกต้อง มีการบันทึก คลิปต่างๆไว้
~ ขั้นตอนที่ 2 จะเป็นขบวนการ ที่ประหลาดมากคือไม่ได้เป็นเจ้าพนักงาน โดยตรงที่มีหน้าที่
แต่เป็นคนภายนอก และมีสื่อมวลชน บางประเภทเข้าร่วม จากนั้นก็ยกทีมกันไปแฉพระโดยมีการออกข่าวเรื่องล่วงหน้า ตีเป็นกระแส ในที่สุดพระก็สึกออกไป

กระบวนการที่ 2 นี้ เป็นชาวพุทธหรือไม่? มีประวัติเป็นมาอย่างไร? และมีอำนาจหน้าที่อย่างไร?

จึงเป็นเจ้ากี้เจ้าการ รับเรื่องที่อ้างว่ามีการร้องเรียน แล้วไปจัดการกันเอง ทั้งที่มีสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติเป็นเจ้าของเรื่องอยู่แล้ว รัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีที่รับผิดชอบ กิจการพระศาสนาก็มีอยู่แล้ว!!!!

เห็นเรื่องดังขึ้นมาพระก็สึกออกไปแล้ว และทุกเรื่อง จะมีเรื่องผลประโยชน์เกี่ยวข้องทั้งสิ้น!!!

3.เกิดกระแสตีกลับขึ้น ก็จากกรณีหลวงปู่แสง ซึ่งเป็นพระสายปฏิบัติในสายของพระอาจารย์มั่น ซึ่งเป็นเสาหลัก ของพระปฏิบัติในประเทศไทย หากเสาหลักนี้ล้มลงแล้ว พระพุทธศาสนาก็จะเสื่อมสลายไปจากประเทศไทย อย่างรุนแรง
ที่เกิดเป็นกระแสตีกลับ ก็เพราะว่า

~ หลวงปู่แสงท่านมีอายุ 105 ปีแล้ว แต่ในทะเบียน แจ้งอายุน้อยกว่าอายุจริง ว่าอายุเกือบร้อยปีเท่านั้น แม้ปานนั้นแล้วก็เห็นได้ชัดว่า โดยสภาพร่างกายไม่อยู่ในฐานะ ที่จะล่วงเกินทางเพศกับผู้ใดอีก

~ ปรากฏความชัดว่าหลวงปู่แสงท่านประสบอุบัติเหตุ เมื่อช่วงอายุ 87 และเป็นโรคอัลไซเมอร์หลงๆลืมๆ ยิ่งมีอายุมากขึ้น ความทรงจำ และความหลงเลือนก็เกิดมากขึ้น ตามประสาผู้มีอายุมากขนาดนั้น
และอาการที่กระทำต่อกรณีที่เกิดขึ้นก็เป็นรูปแบบเดียวกันกับที่ท่านปฏิบัติต่อคนอื่น ลักษณะความเคยชิน

~ กรณีเกิดเหตุที่นำมาเป็นข่าวกันนั้นเห็นได้ชัดว่ามีการจับฉากร่วมมือ ระหว่างผู้เป็นอุปฐากดูแลหลวงปู่แสงกับพวกที่เอาสตรี ขึ้นไปถ่ายทำคลิปวีดีโอ

ซึ่งทำการต่อหน้าคนหลายคน ผิดวิสัย ของผู้ที่คิดล่วงเกินทางเพศผู้อื่น ตรงนี้คงเกิดขึ้นเพราะบาปกรรมบันดาลให้เป็นไปก็ได้
ตรงนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นการสมรู้กันจัดฉาก และมีเรื่อง เกี่ยวกับการดื่มปัสสาวะซึ่งไม่ได้เกี่ยวกันเลย และในเรื่องดื่มปัสสาวะนั้น แต่โบราณมา ก็มีการดื่มกัน แม้มหาตมะคานธีหรือเนห์รูก็ดื่มปัสสาวะ พระสงฆ์หลายรูปก็ดื่มปัสสาวะเพราะเป็นยาอย่างหนึ่ง ผมเองก็เคยเขียนเรื่องนี้ไว้ในหนังสืออายุวัฒนะนานมาแล้ว แต่พวกไม่รู้ความก็ไปเขียนเรื่องผิดๆให้เข้าใจผิด

ให้ไปศึกษาดูคำว่า"น้ำมูถเน่า"ในพระวินัยดูก็จะเข้าใจได้

ในขณะที่กฎระเบียบของวัดก็ชัดเจนว่าห้ามสตรีเข้าไปใกล้พระ

เหตุการณ์แบบนี้ เพียงสังเกตนิดเดียวก็เห็นชัดว่าเป็นการสมรู้กันจัดฉาก

~ มีข่าวว่าหลวงปู่แสงมีเงินฝากในบัญชีถึง 57 ล้าน ซึ่งเป็นเรื่องที่ลูกศิษย์ลูกหาทำกันเองทั้งสิ้น เพราะอายุขนาดนี้จะไปเปิดบัญชีได้อย่างไร จะนำเงินเข้าฝากได้อย่างไร? การจัดฉากเรื่องนี้อาจจะเกี่ยวข้อง กับความต้องการหรือผลประโยชน์ในเงิน 57 ล้านนี้ก็ได้!!!!

ดังนั้น เมื่อเกิดเหตุขึ้นแล้ว จึง ถึงเวลาแล้วที่จะต้องตรวจสอบขบวนการสึกพระครั้งนี้สักครั้งหนึ่ง
ตรวจสอบถึงประวัติความเป็นมาของผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ว่าเป็นชาวพุทธหรือไม่? มีประวัติความเป็นมาอย่างไร? มีอาชีพอะไร? อาศัยฐานะและเครือข่ายอะไร จึงไปทำหน้าที่สึกพระไม่หยุดไม่หย่อน!!!!

และกรณีหลวงปู่แสงนี้จะต้องตรวจสอบถึงผู้ใกล้ชิดและที่มาของข่าวสารทั้งหมดที่นำมาออกสื่อ

เพราะนี่เป็นเบาะแสสำคัญ ที่แสดงให้เห็นว่าอาจมีการสมรู้กัน ถ้าหากผลการตรวจสอบ มีข้อเท็จจริงชัดเจนประการใดแล้ว ก็อาจจะมีอานิสงส์ในการปกป้องพระพุทธศาสนา โดยบังเอิญก็ได้

แน่นอน, ดูเหมือนเรื่อง “หมอปลา” บุกวัดหลวงปู่แสง จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ไม่แต่เฉพาะผลกระทบที่เกิดขึ้นกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง รวมทั้งสร้างความสงสัยให้กับสังคมอย่างมาก เกี่ยวกับข้อกล่าวหาที่สุดพิสดาร

หากแต่ยังนับว่าท้าทายอย่างยิ่ง หาก “หมอปลา” กล้าที่จะรับคำท้าชาวเน็ต บุกวัดพระธรรมกาย จับธัมมชโยให้ได้ ซึ่งแม้แต่กองปราบปรามก็ยังยอมถอย เพราะสำคัญเหนืออื่นใด กรณีนี้ได้กลายเป็นศรัทธาเลือกข้างและฝังลึกไปเรียบร้อย

ยิ่งกว่านั้น ยังมีข้อสงสัยที่ต้องตรวจสอบอย่างที่ “ไพศาล” ชี้ให้เห็น ว่า มีขบวนการบ่อนทำลายทางศาสนาเกิดขึ้นหรือไม่ เพราะพักหลังมีเหตุให้ชวนสงสัยอยู่ไม่น้อย

ส่วนทั้งหมดจะเกิดขึ้นหรือไม่ ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิดต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น