xs
xsm
sm
md
lg

ส่อมาก่อน? โซเชียลขุด ผู้บริหารฝ่ายการตลาดแอปฯดัง เคยโพสต์หนุน “มิลลิ” เชื่อ “บิ๊กตู่-ดอน” ไม่ชักศึกเข้าบ้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ โซเชียลขุด ผู้บริหารฝ่ายการตลาดแอปฯดัง เคยโพสต์หนุน “มิลลิ” ขอบคุณข้อมูล-ภาพ จากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
หรือว่า นี่คือที่มา? “โซเชียล” ขุด ผู้บริหารฝ่ายการตลาดแอปฯดัง เคยโพสต์หนุน “มิลลิ” แร็ปเปอร์ขวัญใจ “สามนิ้ว” “อดีตบิ๊กข่าวกรอง” เชื่อมือ “บิ๊กตู่-ดอน” ไม่ตกหลุมพราง นาโต 2 “โรม” โหน “อากง” ปลุกแก้ ม.112

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น โซเชียลขุด ผู้บริหารฝ่ายการตลาดแอปฯดัง เคยโพสต์หนุน “มิลลิ”

โดยระบุว่า ยังไม่จบสำหรับประเด็นคลิปโปรโมตแคมเปญลดราคาสินค้าของลาซาด้า แต่มีเนื้อหาล้อเลียนเบื้องสูง และบูลลี่ผู้พิการ จนถูกสังคมแบนและแห่ปิดบัญชีใช้งาน

ล่าสุด ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ ดำรง นาวิกไพบูลย์ ได้โพสต์ภาพและข้อความว่า ความเห็นน่ารักๆ ของผู้บริหารลาซาด้าไทย ระดับ Cheif Marketing Officer เลยทีเดียว

ภาพ โพสต์ หนุน “มิลลิ” ขอบคุณภาพจาก บีบีซี ไทย
โดยภาพดังกล่าว เป็นภาพของผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Munthana (มัณฑนา) Poppy Lorgrailers (หล่อไกรเลิศ) ที่เคยโพสต์เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2565 แสดงความเห็นต่อเนื้อเพลงของมิลลิ แร็ปเปอร์สาวชาวไทย ที่ขึ้นร้องบนเวทีเทศกาลดนตรีระดับโลก Coachella 2022 ว่า เสาไฟกินรีต้นละแสน รถไฟไทยสมัย ร.5 ใช้มาแล้ว 120 ปี ซึ่งเฟซบุ๊ก ของ Munthana Poppy Lorgrailers (หล่อไกรเลิศ) ได้ระบุแคปชั่นว่า “จุกๆ นะจ๊ะ อย่าหาว่าเด็กสอน หึๆ พูดผิดตรงไหนให้เอาปากกามาวง”

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท ลาซาด้า จำกัด (ประเทศไทย) ในปัจจุบันมีชื่อว่า มัณฑนา หล่อไกรเลิศ ซึ่งจากนี้ก็ต้องติดตามว่า จะมีคำชี้แจงจากผู้ที่เกี่ยวข้องหรือไม่

ภาพ นายนันทิวัฒน์ สามารถ จากแฟ้ม
ขณะเดียวกัน นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า

“นาโต 2

มีเรื่องฮือฮาในสื่อ ที่คนมีชื่อเสียงหลายคนออกมาวิพากษ์วิจารณ์การเดินทางไปวอชิงตันของลุงตู่ ในทำนองว่า จะไปร่วมมือจัดตั้งนาโต 2 หรือจะชักศึกเข้าบ้าน

ต้องเล่าถึงเรื่องนาโต 2 ก่อน คำนี้ยังไม่มีอยู่พจนานุกรม ไม่มีการเอ่ยถึง ไม่อยู่ในหัวข้อเจรจา

ขออธิบายให้คนรุ่นหลังๆ ได้ทราบข้อมูลเก่า เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น

นาโตเป็นองค์กรความร่วมมือทางทหารและการเมืองที่สหรัฐฯและพันธมิตรจัดตั้งขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่สอง เพื่อต่อต้าน ยับยั้งการแผ่ขยายอิทธิพลของสหภาพโซเวียตในขณะนั้น หรือรัสเซียในวันนี้ ชื่อเต็มๆ คือ North Atlantic Treaty Organization NATO. ในขณะที่สหภาพโซเวียตก็มีกลุ่มองค์กรทางทหารชื่อ Warsaw Pact เช่นกัน แต่ต่อมาเมื่อคอมมิวนิสต์ล่มสลาย องค์กรวอร์ซอร์แพ็คก็ล่มไปสมาชิกวอร์ซอร์แพ็คหลายประเทศได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกนาโต

ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สหรัฐฯก็มาชวนหลายประเทศในเอเชียก่อตั้งองค์กรความร่วมมือทางทหาร ชื่อ ซีโต้ South East Asia Treaty Organization SEATO. ซึ่งไทยก็เป็นหนึ่งในประเทศสมาชิกของซีโต้

นอกจากนี้ ไทยมีความกังวลใจต่อการรุกคืบของคอมมิวนิสต์ในอินโดจีน จึงมีความตกลงร่วมมือทางทหารและการเมืองกับสหรัฐ ที่เรียกว่า สนธิสัญญาถนัด-รัสก์

ยิ่งกว่านั้น ในสมัยรัฐบาลทักษิณ รัฐบาลในขณะนั้น กระดี้กระด้ากับคำหวานหูว่า ไทยเป็นประเทศเดียวในเอเชียที่ได้รับสถานะ พันธมิตรนอกนาโต นักการเมือง สื่อมวลชนต่างหลงใหลได้ปลื้มกับพันธมิตรนอกนาโต

แล้วนาโต 2 มายังไง คนที่เอ่ยถึงคือเลขาธิการนาโต สโตเทนแบร์ก พูดเมื่อต้นเมษายน ว่า ควรมีการขยายบทบาทของนาโตมายังเอเชียแปซิฟิก เพื่อกดดันจีนที่ไม่ร่วมมือโดดเดี่ยวรัสเซีย

ไทยเป็นประเทศเล็ก ที่ต้องร่วมมือกันกับเพื่อนอาเซียน เพื่อสร้างอำนาจการต่อรอง ที่จะต้องมีการปรึกษาหารือกัน ไทยคงเลือกดำเนินนโยบายต่างประเทศแบบข้ามาคนเดียวไม่ได้

ประเทศไทยมีผลประโยชน์กับหลายประเทศและภูมิภาคทั่วโลก ทั้งทางด้านการค้า เศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศ รวมทั้งต้องดูแลความมั่นคงของประเทศด้วย ไทยคงไม่สามารถเลือกคบหรือปฏิเสธใครได้ ไทยคงไม่สามารถเลือกข้าง คบใครคนเดียว เทอีกคนทิ้ง ไทยคงต้องสร้างสมดุล ไม่ผูกพันทางทหารกับใครเพื่อเป็นศัตรูกับใคร ไทยต้องรักษาอธิปไตย ผลประโยชน์ ความมั่นคงของไทย และอาจต้องดำเนินนโยบายแบบไผ่ลู่ลม

ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศต้องเริ่มต้นด้วยการทูต การเจรจา การผูกมิตร การมีผลประโยชน์ร่วมกัน ไม่ใช่สงคราม ไทยคงต้องรับฟังทุกปัญหา และนำกลับมาปรึกษาหารือกัน ทั้งในส่วนที่ผลประโยชน์ของไทยและเพื่อนบ้านอาเซียน

การร่วมมือทางทหารคงไม่ใช่เจอกันทีเดียวจบ ต้องผ่านกระบวนการทั้งหน่วยงานความมั่นคง สภาความมั่นคงฯ ต้องหารือกัน

ลุงตู่ ลุงดอน ผ่านงานความมั่นคงมานาน และมีประสบการณ์เกี่ยวกับความมั่นคงอย่างดี ไม่ตกหลุมพรางง่ายๆ หรอก

คนไทยอาจคิดต่างกันได้ แต่ต้องไม่แตกแยก ในภาวะที่การเมืองระหว่างประเทศตึงเครียดมาก เราควรจะร่วมมือกันเป็นหนึ่งเดียว

ภาพ นายรังสิมันต์ โรม ขอบคุณข้อมูล-ภาพจากทวิตเตอร์ Rangsiman Rome @RangsimanRome
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ทวิตเตอร์ Rangsiman Rome
@RangsimanRome ของนายริงสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความระบุว่า

“อากงจากไปแล้ว 10 ปี สังคมเปลี่ยนไปมากแม้แต่ความคิดเรื่องสถาบันฯ

แต่ที่ไม่เปลี่ยนคือมาตรา 112

ถ้ากฎหมายล้าหลังยังดื้อดึงอยู่กับที่ ก็มีแต่จะฉุดรั้งกระบวนการยุติธรรม-สถาบันหลัก ไม่ให้ก้าวตามสังคมด้วย จนวันหนึ่งก็จะขาดสะบั้นจากกันในที่สุด

112 ต้องแก้ และพรรคก้าวไกลจะร่วมแก้ด้วย”

แน่นอน, ประเด็นทั้งหมด ล้วนเกิดจากความเห็นต่างทางการเมือง และการแสดงออกทางการเมือง ที่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญหน้ากับปัญหานี้มาหลายปี นับแต่นักวิชาการบางกลุ่มออกมาปลุกกระแสต่อต้าน ม.112 ก่อนที่จะมาร่วมตัวกันตั้งพรรคการเมือง เพื่อต่อสู้ในสภา และ ยังปลุกคนรุ่นใหม่ลงสู่ท้องถนน เพื่อชุมนุมเรียกร้อง “ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์” จนกระทั่งเยาวชนคนรุ่นใหม่จำนวนมาก ถูกจับกุมฟ้องร้องในข้อหาตาม ป.อาญา ม.112

แล้วเกิดปรากฏการณ์ขัดแย้งแตกแยกขึ้นในสังคมไทยอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะการออกมาสนับสนุนการต่อสู้ทางความคิดของทั้งฝ่ายต้องการปฏิรูปสถาบันฯ และฝ่ายปกป้องสถาบันฯ และที่ปรากฏชัด ก็คือ การเคลื่อนไหวในโลกโซเชียล หรือสื่อสังคมออนไลน์นั่นเอง

ที่สำคัญคือ การทำผิดกฎหมาย ม.112 ของฝ่ายที่ต้องการปฏิรูปสถาบันฯ นับวันจะรุนแรงขึ้น และท้าทายต่อคนไทยส่วนใหญ่ จนถูกตอบโต้อย่างรุนแรงเช่นกัน

อย่างกรณีคลิปโปรโมตแคมเปญลดราคาสินค้าของลาซาด้า แต่มีเนื้อหาล้อเลียนเบื้องสูง คือ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด เพราะถูกต่อต้านอย่างรุนแรง และเชื่อว่า จะไม่ใช่กรณีสุดท้าย

ทั้งยังเป็นสัญญาณเตือนได้เป็นอย่างดีว่า หลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องเร่งหาทางแก้ไข หาไม่แล้ว ปัญหาใหญ่ของประเทศ อาจไม่ใช่แค่เรื่องปากท้องชาวบ้าน และเศรษฐกิจของประเทศ เพราะที่อาจทำให้ประเทศไทยแตกเป็นเสี่ยงเข้าสักวันอาจเป็นเรื่องนี้ก็เป็นได้ หรือว่าไม่จริง!?


กำลังโหลดความคิดเห็น