xs
xsm
sm
md
lg

“ไชยา” จ่อเรียกแจง กมธ.ประมูลท่อส่งน้ำอีอีซี บุก ส.งบฯ ทวงเอกสารนายกฯใช้งบ “ยุทธพงศ์” ชง 5 ชื่อ ป.ป.ช.ฟัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ส.ส.หนองบัวลำภู พท. เชิญหลายหน่วยงาน แจง กมธ. ปมประมูลท่อส่งน้ำอีอีซี สัปดาห์หน้า-จ่อบุก “ส.งบฯ” ทวงเอกสารใช้งบกลาง 64-65 แก้โควิด-ฟื้นเศรษฐกิจ ของ นายกฯ “ยุทธพงศ์” เตรียมส่ง 5 ราย ให้ ป.ป.ช.เชือดหลังจบซักฟอก

วันนี้ (4 พ.ค.) นายไชยา พรหมา ส.ส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย ฐานะประธานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า ตนได้รับเรื่องร้องเรียนจาก นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ต่อกรณีการประมูลเพื่อหาผู้ดำเนินการในโครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก (อีอีซี) มูลค่า 2 หมื่นล้านบาท ที่ส่อไม่โปร่งใส และมีปัญหาในการประมูลแล้วเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม ได้ทำหนังสือเพื่อเชิญบุคคลมาให้ข้อมูลและรายละเอียดในการประชุม กมธ. วันที่ 11 พฤษภาคม เวลา 09.30 น. อาทิ กรมธนารักษ์, เลขาธิการอีอีซี, กรรมการผู้ดำเนินการเกี่ยวกับการประกวดราคา และยังมีหน่วยงานอื่นๆ อาทิ สตง. เป็นต้น อย่างไรก็ดี ในการเชิญดังกล่าวเพื่อสอบถามรายละเอียดและข้อมูลที่เกิดขึ้น

“ผมยืนยันว่า การตรวจสอบของ กมธ. ยึดหลักความถูกต้อง ไม่ใช่ตรวจสอบเพราะสถานการณ์หรือเป็นประเด็นร้อนทางการเมืองเพื่อทำลายฝ่ายใด ทั้งนี้ ยืนยันว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ไม่มีการตั้งธงใดๆ” นายไชยา กล่าว

เมื่อถามถึงการเลื่อนการเซ็นสัญญาประมูลท่อส่งน้ำอีอีซี กับ บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด มองว่า มีนัยใดแอบแฝงหรือไม่ นายไชยา กล่าวว่า ตามการชี้แจงของ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง บอกว่า เพื่อความโปร่งใส และรักษางบประมาณแผ่นดิน พอฟังได้ แต่ในข้อเท็จจริงต้องตรวจสอบอีกครั้ง หากไม่มีประเด็นที่ถูกสังคมตั้งประเด็นสงสัยในความโปร่งใส ทำไมถึงต้องเลื่อนการลงนาม

นายไชยา กล่าวด้วยว่า สำหรับการตรวจสอบรัฐบาลด้านการใช้งบประมาณนั้น ยังมีประเด็นที่ กมธ.ติดตามต่อเนื่อง คือ การใช้งบกลาง ปี 2564-2565 เพื่อแก้ไขปัญหาโควิด-19 โดยที่ผ่านมา กมธ.ได้เชิญเจ้าหน้าที่สำนักงบประมาณเข้าชี้แจง แต่ไม่มีความชัดเจนไม่มีเอกสารใด มาแสดงให้ที่ประชุมพิจารณา ทั้งนี้ เอกสารเกี่ยวกับการใช้เงินงบกลาง ตามอำนาจของนายกรัฐมนตรีไม่ใช่งบลับและไม่ใช่เงินส่วนตัวของนายกฯ ดังนั้น จึงต้องเปิดเผยและตรวจสอบได้ ดังนั้น ในวันที่ 18 พฤษภาคม กมธ. ทั้งคณะจะเดินทางไปที่สำนักงบประมาณ สำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อขอเอกสารที่เคยขอไป และพร้อมจะนั่งรอเพื่อให้ได้เอกสารตามที่ขอ

“การแก้ปัญหาโควิดของรัฐบาล ทั้งจากการใช้งบกลาง และตาม พ.ร.ก.กู้เงิน มีมูลค่ามหาศาล และทำให้ประเทศเป็นหนี้จำนวนมหาศาล แต่ผลสัมฤทธิ์ของการแก้ปัญหาที่ผ่านมาพบไม่สามารถแก้ไขได้ อาทิ การใช้งบประมาณเพื่อจัดซื้อยาฟาวิพิราเวียร์ ที่กระทรวงสาธารณสุข เคยชี้แจงว่า ไม่ขาด มีในสต๊อก เดือนประมาณ 20 ล้านเม็ด แต่ข้อเท็จจริงพบว่าชาวบ้านที่ป่วยด้วยโรคโควิด-19 แพทย์ไม่จ่ายยาฟาวิพิราเวียร์ให้ ทำให้ชาวบ้านต้องซื้อเองที่ร้านขายยา ทั้งที่ยาฟาวิพิราเวียร์เป็นยาที่ต้องใช้คำสั่งของแพทย์ รวมถึงการใช้เงินเพื่อแก้ไขเศรษฐกิจในช่วงโควิด-19 แต่พบว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้นไม่ดีขึ้น” นายไชยา กล่าว

นายไชยา ย้ำด้วยว่า การใช้เงินงบประมาณของรัฐบาลเพื่อแก้ปัญหาโควิด และปัญหาเศรษฐกิจจะเป็นหนึ่งในประเด็นที่ฝ่ายค้านจะนำไปอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลแน่นอน เพราะต้องการสอบถามถึงการใช้งบประมาณจำนวนมาก เพื่อแก้ไขโรคระบาด แต่ผลสัมฤทธิ์นั้นไม่ดี เช่นเดียวกับการใช้เงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่พบว่าล้มเหลว

ด้าน นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีกรมธนารักษ์เลื่อนการลงนามสัญญากับบริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด ในการบริหารโครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก มูลค่า 2.5 หมื่นล้านบาท ว่า เมื่อยังไม่มีการลงนามสัญญา คงต้องชะลอเรื่องที่จะยื่นเอาผิดผู้เกี่ยวข้องในโครงการดังกล่าว 5 ราย ต่อ ป.ป.ช.ไว้ก่อน อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 3 พ.ค.ได้ไปยื่นเรื่องต่อ นายไชยา พรหมา ส.ส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมาธิการศึกษาและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ให้ตรวจสอบ 8 ความโปร่งใส การดำเนินโครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก ยืนยันต้องเอาคนผิดมาติดคุกให้ได้ ไม่จบแค่การตั้งคณะกรรมการตรวจสอบของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เท่านั้น

“สิ่งที่มีความผิดปกติชัดเจน คือ เหตุใดไม่มีการเปิดประมูลโครงการแบบอีบิดดิ้งให้ทุกบริษัทเข้ามาแข่งขันกัน แต่กลับใช้วิธีเรียกมาแค่ 5 บริษัท ในการแข่งขันเสนอราคา และสรุปให้บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด เป็นผู้ชนะ เพราะถ้าเปิดให้บริษัทใหญ่อื่นๆ อย่าง บริษัท อิตาเลียนไทย บริษัท ช.การช่าง หรือ บริษัท ซิโน-ไทย เข้าร่วมประมูลด้วย อาจจะเสนอราคามากว่าบริษัท วงษ์สยาม ให้ผลประโยชน์ต่อรัฐบาล เรื่องนี้ถ้าไม่มีความผิดปกติ นายกฯคงไม่สั่งถอยให้กลับมาตรวจสอบก่อน เชื่อว่าเป็นประเด็นที่ล้มรัฐบาลได้”

นายยุทธพงศ์ ยังกล่าวถึงการยื่นเอาผิดต่อ ป.ป.ช.นั้น คงต้องรอหลังจากเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี ที่จะยื่นเอาผิดต่อป.ป.ช. เพราะมีผู้อยู่ในข่าย 5 ราย ได้แก่ 1. พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล 2. นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง 3. นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง 4. คณะกรรมการที่ราชพัสดุ 6 คน ที่ลงมติรับรองให้บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง เป็นผู้ชนะประมูล 5. นายยุทธนา หยิมการุณ อดีตอธิบดีกรมธนารักษ์ ที่เร่งรีบให้เปิดซองประกวดราคาในวันที่เกษียณอายุราชการ 30 ก.ย. 2564 ถ้าจะทำให้โปร่งใสจริง ต้องเปิดให้มีการประมูลใหม่ โดยเรียกบริษัทใหญ่อื่นๆ ทุกบริษัทมาร่วมประมูลด้วย ส่วนการรับประทานอาหารร่วมกับกลุ่ม 16 นั้น ยังมีอยู่แน่นอน เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลอภิปรายไม่ไว้วางใจ


กำลังโหลดความคิดเห็น