รมช.คลัง ยัน ประมูลท่อส่งน้ำอีอีซี เป็นไปตามขั้นตอน แจงเลื่อนเซ็นสัญญาวันนี้ เพื่อตรวจสอบ เผย เจ้าใหม่ให้ผลประโยชน์รัฐอื้อ ถามอีสท์วอเตอร์ 30 ปี ที่ผ่านมาเงินหายไปไหน โยน กก.บห.เช็กบิล “พิเชษฐ” หลังรวมหัวให้ข้อมูลฝ่ายค้าน
วันนี้ (3 พ.ค.) นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณี นายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ เตรียมจะนำประเด็นการประมูลโครงการท่อส่งน้ำในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ หรือ อีอีซี มาร่วมอภิปรายไม่ไว้วางใจกับฝ่ายค้าน ว่า คงไม่มีอะไร กรมธนารักษ์ ได้ทำทุกอย่างตามขั้นตอนแล้ว การให้ข้อมูลที่ไม่ใช่ความจริง ถ้าพูดแบบส่วนตัวก็ว่าไป ยืนยันว่า รัฐบาลไม่ได้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท อีสท์วอเตอร์ จำกัด (มหาชน) เพราะการประปาส่วนภูมิภาค ถือหุ้นอยู่ 40% ดังนั้น จึงเป็นบริษัทเอกชน ไม่ใช่รัฐวิสาหกิจ เลยไม่สามารถไปเอื้ออะไรได้ การแข่งขันราคาก็เห็นโดยชัดเจนว่า บริษัทที่แพ้ประมูลได้ให้ประโยชน์กับรัฐในระยะเวลา 30 ปี ประมาณ 24,000 ล้านบาท ส่วนบริษัทที่ชนะประมูล ให้ผลประโยชน์กับรัฐ 25,600 ล้านบาท จากนี้จะดำเนินการอย่างไรก็เป็นสิทธิที่จะทำ
ส่วนกรณีที่กรมธนารักษ์เลื่อนการเซ็นสัญญาในวันนี้ออกไป เกี่ยวข้องกับการนำเรื่องดังกล่าวมาเกี่ยวข้องกับประเด็นทางการเมืองหรือไม่นั้น นายสันติ กล่าวว่า เมื่อกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง เห็นกระแสความไม่เข้าใจ ก็คงไปตรวจสอบดูอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้เกิดความเข้าใจ เพราะตลอด 30 ปีที่ผ่านมา บริษัทที่ได้รับสัมปทาน จ่ายผลประโยชน์ให้กับรัฐ 552 ล้านบาท เมื่อกรมธนารักษ์เปิดประมูลใหม่ บริษัทที่แข่งขันให้ผลประโยชน์กับรัฐ 25,000 ล้านบาท แตกต่างกันมากกว่ากี่เท่าก็คำนวณไม่ถูก ต้องถามบริษัทที่แพ้ประมูลว่า ในอดีต 30 ปีที่ผ่านมา เงินเหล่านี้ไปไหนหมด ซึ่งเป็นข้อสำคัญที่ต้องไปตรวจสอบ
ส่วนกรณีที่ นายพิเชษฐ เป็น ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ แต่กลับมาตรวจสอบเลขาฯ พรรค นั้น นายสันติ กล่าวว่า นายพิเชษฐ เพิ่งมาอยู่ใหม่ การที่มาระบุว่า เป็นหัวหน้ากลุ่มนั้นกลุ่มนี้ ทั้งที่ใน พปชร.ไม่มีกลุ่ม จึงไม่อยากไปวิจารณ์
ส่วนจะมีบทลงโทษหรือไม่ เพราะอาจจะทำให้พรรคเสื่อมเสีย นายสันติ กล่าวว่า เรื่องนี้อยู่ที่กรรมการบริหารพรรค และยังไม่รู้จะนำเข้าที่ประชุมเมื่อไหร่
เมื่อถามว่า มีความพร้อมในการชี้แจงประเด็นนี้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจอย่างไร นายสันติ กล่าวว่า ตนพร้อมอยู่แล้ว แต่ในเมื่อมีข้อทักท้วง 2-3 ประเด็น ที่ปรากฎ ในฐานะรัฐก็จะต้องนำข้อมูลเหล่านั้นมาตรวจสอบดู ว่า สิ่งที่ได้ดำเนินการไป การแข่งขันต่างๆ ตรงไปตรงว่าหรือไม่ โดยเฉพาะกรณีที่บริษัท อีสท์วอเตอร์ ฟ้องร้องต่อศาลปกครอง ขอให้คุ้มครองถึง 3 ครั้ง และศาลปกครองก็ยกคำร้องทั้งหมด โดยให้เหตุผลว่า การที่กรมธนารักษ์ยกเลิกการประมูลในครั้งแรก ทำถูกต้องแล้วตามสิทธิและหน้าที่ ข้อมูลเหล่านี้คณะกรรมการได้รายงานตนแล้ว
ส่วนจะเป็นผู้ชี้แจงเรื่องนี้ในสภาเองหรือไม่ นายสันติ กล่าวว่า ต้องดูว่า คณะกรรมการที่อธิบดีกรมธนารักษ์ตั้งขึ้นนั้น ตรวจสอบว่ามีข้อผิดพลาดหรือไม่
เมื่อถามถึงเจตนาของการออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ ในช่วงเวลานี้ มีจุดประสงค์อื่นนอกจากการอภิปราย หรือไม่ นายสันติ กล่าวว่า ตนว่าสื่อก็ทราบอยู่แล้ว ว่า การที่ออกมาเปิดประเด็นเหล่านี้จริงหรือไม่ เช่น การบอกว่า อีสท์วอเตอร์ เป็นรัฐวิสาหกิจ แล้วทำไมกระทรวงการคลัง กรมธนารักษ์ ไม่ดูแล ต้องถามว่า อีสท์วอเตอร์เป็นรัฐวิสาหกิจหรือไม่
ทั้งนี้ กรณีที่ นายพิเชษฐ ไปร่วมกับฝ่ายค้านในการให้ข้อมูล จะทำให้นายพิเชษฐยังสามารถอยู่กับพรรคพลังประชารัฐได้หรือไม่ นายสันติ กล่าวว่า ให้สื่อช่วยคิดแล้วกัน