xs
xsm
sm
md
lg

ยับครับนาย!...ตำรวจขออภัยโดนจับโป๊ะภาพบาดแผลใบพัดทิพย์ “ก๊อบกูเกิล” เทียบแตงโม ถูกจี้ถามถึงกับลุกหนี **“สองลุง” คนหนึ่งเท... คนหนึ่งง้อ พรรคเล็กที่กำลังกลับมามีพลังต่อรองในศึกซักฟอก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว

**ยับครับนาย!...ตำรวจขออภัยโดนจับโป๊ะภาพบาดแผลใบพัดทิพย์ “ก๊อบกูเกิล” เทียบแตงโม ถูกจี้ถามถึงกับลุกหนี

ไม่แผ่วเลยสำหรับขาวโซเชียล และต้องปรบมือดังๆ ให้กับการทำหน้าที่ “นักสืบ” ชนิดไม่ปล่อยผ่านแม้แต่น้อย ในคดีการเสียชีวิตของ น.ส.นิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ “แตงโม” ดาราสาวชื่อดัง หลังจากตำรวจตำรวจภูธรภาค 1 (ภ.1) แถลงสรุปสำนวนคดีไปเมื่อวันก่อน ท่ามกลาง “ความไม่ศรัทธา” ของสังคม ต่อการทำงานของตำรวจ ที่ “พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข” ผบ.ตร. กระโดดลงมาคุมคดีเอง เคยบอกว่าจะทำให้ทุกข้อกังขา มลายสิ้นให้หายสงสัยกันกลับยิ่งตอกย้ำ “เงื่อนงำ” ของคดีมีมากกว่าเดิม

จากที่โลกโซเชียล “จับโป๊ะ” ภาพเปรียบเทียบบาดแผลของแตงโม กับภาพลักษณะเดียวกันที่ตำรวจเอามาโชว์ ปรากฏว่า ชาวเน็ตไปสืบค้นแล้วพบว่า เป็นภาพข่าวของ

“เดอะซัน” สำนักข่าวชื่อดังของอังกฤษ เมื่อปี 2019 ซึ่งเจ้าของบาดแผลเป็นหญิงอายุ 21 ปี ได้รับแผลมาระหว่างที่กำลังเต้นรำในงานสังสรรค์ที่โรงแรมในเมืองสแตฟฟอร์ด โดยไม่รู้สาเหตุว่าเกิดจากอะไร

 พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข
คำถามของชาวเน็ต ก็คือ บาดแผลของหญิงสาวชาวอังกฤษรายนั้น ไม่ได้เกิดจาก “ใบพัดเรือ” หรือ “ใบพัดทิพย์” แล้วตำรวจเอามาเปรียบเทียบกันได้อย่างไร ?

เมื่อกระแส “โป๊ะแตก” กลายเป็นประเด็นร้อนไปทั่วสังคม เวลาต่อมา ตำรวจภูธรภาค 1 (ภ.1) โดย “พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร” ผบช.ภ.1 พร้อมด้วย “พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม” ผบก.สส.ภ.1, “พล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล” ผบก.ภ.จ.นนทบุรี และ “พ.ต.อ.วรชาติ แสนคำ” รอง ผบก.สส.ภ.1 จึงมานั่งเรียงแถวแถลงร่วมกันอีกครั้ง

“พ.ต.อ.วรชาติ” เปิดเผยว่า ภาพที่นำมาอธิบายนั้น มีลักษณะบาดแผลเป็นรูปโค้งเว้า โดยในวันแถลงสรุปสำนวน ตำรวจใช้คำว่า “บาดแผลโค้งเว้า” ที่มีลักษณะเดียวกัน เนื่องจากมีข้อจำกัดทางกฎหมายจึงไม่สามารถนำเสนอภาพบาดแผลจากศพได้ โดยเมื่อได้รับการเย็บแล้ว จึงมีลักษณะโค้งเว้าเป็นรูปตัวเอส โดยทีมงานต้องการจะนำเสนอภาพในลักษณะดังกล่าวว่า มีลักษณะบาดแผลอย่างไร โดยสามารถค้นหาภาพบาดแผลที่เกิดจากใบพัดเรือได้ โดยใช้คำว่า “boat propeller wound”

พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร
นอกจากนี้ ตำรวจยังได้ศึกษาถึงบาดแผลที่เกิดจากใบพัดเรือ ลักษณะต่างๆ โดยพบว่า หากโดนใบพัดเรือเฉี่ยว หรือเพียงเล็กน้อย จะมีบาดแผลลักษณะคล้ายก้างปลา หากถูกใบพัดเรือฟันลึกมากขึ้น จะมีบาดแผลลักษณะเป็นรูปตัวเอส แต่หากลึกมากกว่านี้ จะมีความโค้งมากกว่าตัวเอส ซึ่งตำรวจไม่สามารถบิดเบือนข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานต่างๆ ได้ จึง “ต้องขออภัย” ที่นำภาพที่ไม่อ้างอิงถึงแหล่งข้อมูลมาใช้ ส่งผลให้ทำให้ข้อมูลไม่ครบถ้วน จนทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน

ตำรวจยังย้ำว่า เจตนาที่นำภาพบาดแผลมาเปรียบเทียบ ก็เพื่อให้เห็นถึงลักษณะบาดแผลที่คล้ายรูปตัวเอสเท่านั้น ไม่ได้ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด

ขณะที่ “พล.ต.ท.จิรพัฒน์” บอกว่า เรื่องนี้ไม่ส่งผลกระทบ เนื่องจากสาระสำคัญในคดีไม่ได้เปลี่ยนแปลง

นิดา พัชรวีระพงษ์
“พล.ต.ต.วสันต์” กล่าวว่า เหตุที่ต้องการนำภาพต่างๆ มาเปรียบเทียบนั้น เพื่อนำเสนอภาพบาดแผลที่มีลักษณะคล้ายตัวเอสเท่านั้น

คำอธิบายดังกล่าวแทบจะฟังไม่ขึ้น เห็นได้จากปฏิกิริยาของหลายๆ คน ที่ดูไลฟ์สดตำรวจแถลงครั้งนี้ แสดงความเห็นว่า ยิ่งแถลงยิ่งเหมือน “แถ” ซะมากกว่า และ ไฮไลต์จุดพีก ก็ถูกพูดถึงกันมาก ก็มาถึง เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่า กังวลหรือไม่ว่าจะเป็นการนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดแถลงข่าว กลับไม่ตอบคำถาม แต่กลับสิ้นสุดการแถลงข่าว และเดินออกจากห้องประชุมในทันที

งานนี้ เล่นเอาชาวเน็ต และ โลกโซเชียล ที่กำลังติดตามฟังข่าวส่ายหัวไปตามๆ กัน พรัอมๆ กับคณะทัวร์ส่งข้อความรัวๆ ลงตำรวจ บ้างว่าความเข้าใจของสังคมเวลานี้ เห็นว่า เรื่องการเปรียบเทียบแผล ไม่ใช่ความคลาดเคลื่อน แต่คือการ “บิดเบือนคดี” คนทำสำนวน ตำรวจที่เกี่ยวข้องทั้งหลาย มีโทษอะไรบ้างหรือ ?

ขนาดคดีที่เป็นที่จับตาอย่างมากของสังคม ก็ยังอุตส่าห์สะเพร่า หละหลวมได้ถึงเพียงนี้ ไม่แปลกใจที่แม้จะสรุปสำนวนคดีไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คนจำนวนมากก็ยังค้างคาใจไม่เชื่อตำรวจ

ภาพข่าวของเดอะซัน ที่ตำรวจนำมาประกอบการแถลงสรุปคดี
จากโป๊ะแตกเรื่องนี้แสดงว่าโกหกแล้ว 1 แล้วจะมี 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10 มั้ยนะ? หรือทั้งหมดคือเรื่องโกหก !

“พล.ต.อ.สุวัฒน์” ผบ.ตร. ทราบแล้วเปลี่ยน ตร.ทำคดีครวญมา...ยับอีกแล้วครับนาย! ตอนนี้ไม่มาแบ่งแสงกันเหมือนแรกเริ่มบ้างเลย หรือพอจบไม่สวย ขายหน้าประชาชีท่านก็หวนไปใช้ฉายา “ผบ.หลบฉาก” อีกแล้วหรือ !!


**“สองลุง” คนหนึ่งเท... คนหนึ่งง้อ พรรคเล็กที่กำลังกลับมามีพลังต่อรองในศึกซักฟอก

หลังมีข่าวว่าฝ่ายค้านเตรียมลอบบี้ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล 30 เสียง โหวตไม่ไว้วางใจ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยกรัฐมนตรี ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะมีขึ้นในสมัยประชุมนี้ ...แน่นอนว่า 30 เสียงที่ว่านั้น เป้าหมายย่อมอยู่ที่บรรดา ส.ส.พรรคเล็ก และพรรคเศรษฐกิจไทย ที่มี “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” เป็นเลขาธิการพรรค

แต่ “บิ๊กป้อม” ก็ออกมายืนยันแล้วว่า “เศรษฐกิจไทย” เป็นพรรคฝ่ายรัฐบาล ย่อมไม่โหวตไปในทิศทางเดียวกับฝ่ายค้าน

ขณะเดียวกัน ข่าวนี้ดูเหมือนจะไปเข้าทางพรรคเล็ก จึงเห็นความเคลื่อนไหวของกลุ่มนี้ โดยเมื่อสองวันก่อน (27 เม.ย.) ส.ส.กลุ่ม 16 และแกนนำพรรคเล็ก พรรคจิ๋ว ประมาณ 15 คน ก็นัดรับประทานอาหารกลางวัน ที่ร้านอาหารเชฟแมน ย่านราชดำริ ผู้ที่มาร่วม อาทิ “พิเชษฐ สถิรชวาล” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร. ในฐานะหัวหน้ากลุ่ม 16 “คฑาเทพ เตชะเดชเรืองกุล” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อชาติไทย “พีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทรักธรรม “ดำรงค์ พิเดช” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย “ปรีดา บุญเพลิง” ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคครูไทยเพื่อประชาชน เป็นต้น... มีการเชิญ “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ในฐานะ ผอ.พรรคพลังประชารัฐ มาร่วมโต๊ะด้วย

สุชาติ ชมกลิ่น ร่วมโต๊ะแกนนำพรรคเล็ก
บรรดาแกนนำพรรคเล็ก บอกว่า นัดกินข้าวเพื่อคุยกันเรื่องกฎหมายลูก เกี่ยวกับการเลือกตั้ง โดยเฉพาะเรื่องสูตรการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ว่าจะหารด้วย 100 หรือ 500 จึงต้องเชิญ “เสี่ยเฮ้ง” มาร่วมด้วย เพราะอยากรู้ว่าท่าทีของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นแกนนำรัฐบาล จะสนับสนุนแบบใด

เมื่อมีภาพ “เสี่ยเฮ้ง” มาร่วมวง ยอมถูกมองว่า “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี คงส่งให้มาเจรจาหลังมีข่าวจะมีดีลล้มรัฐบาล ... และงานนี้อาจมีการ “แจกกล้วย” ซื้อใจกันไว้ก่อน
ประเด็นนี้ “ดำรงค์ พิเดช” หัวหน้าพรรครักษ์ผืนป่าฯ บอกอย่างไว้เชิงว่า การจะลงมติอย่างไรนั้น ต้องรอฟังการอภิปรายของฝ่ายค้าน และฟังการชี้แจงของรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายก่อน ... ขณะที่ “พีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค” ยอมรับว่า “นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้ประสานมายังพวกตน เพื่อขอเข้ามาพูดคุย และขอข้อมูลที่จะนำไปใช้ในการอภิปราย ส่วนเรื่องยกมือนั้น จะมีการนัดพูดคุยกันอีกครั้ง ในช่วงกลางเดือน พ.ค.

ขณะที่ “เสี่ยเฮ้ง” บอกว่า กลุ่มพรรคเล็กที่เชิญมานั้น เขาเป็นพรรคร่วมรัฐบาลอยู่แล้ว ยกมือให้รัฐบาลทุกครั้งอยู่แล้ว “ไม่มีดีลแจกกล้วย” เราต้องให้เกียรติ ซึ่งกันและกัน รู้ว่าใครเป็นใคร ... เราคุยกันแบบสัจจะ ลูกผู้ชาย คุยกันตรงๆ ไม่ได้มีอะไรอ้อมค้อม ... ผมไม่มีกล้วย และผมไม่ได้มีสวนกล้วย!!

เมื่อ “เสี่ยเฮ้ง” ไม่มีกล้วย หลังอาหารเที่ยงมื้อนั้น บรรดาแกนนำกลุ่มพรรคเล็กจึงยกขบวนไปที่ มูลนิธิป่ารอยต่อฯ เพื่อขอพบ “บิ๊กป้อม” โดยบอกว่าจะไปรดน้ำขอพรเนื่องในเทศกาลสงกรานต์

พีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค - ดำรง พิเดช
เมื่อไปถึงปรากฏว่า “บิ๊กป้อม” ติดธุระ ไม่มีเวลามาพบ...จึงมีข่าวตามมาว่า แกนนำพรรคเล็กโดนเท !!

“พีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค” บอกว่า ที่ต้องการพบ “บิ๊กป้อม” ก็เพียงแค่ อยากให้ช่วยสื่อสาร เรื่องความเดือดร้อนของพรรคเล็กถึงนายกฯ เมื่อโดนเทก็มีน้อยใจบ้างนิดหน่อย ต่อไปนี้ ถ้ามีอะไรที่จะสื่อสารไปถึง “บิ๊กตู่” คงต้องผ่านไปทาง “เสี่ยเฮ้ง” ให้ช่วยดำเนินนการให้ ...และเท่าที่ได้พูดคุยกันคาดว่าจะได้พบนายกฯ ในช่วงกลางเดือนหน้า

ส่วนฝ่ายค้าน ยังไม่ได้ติดต่อมา เพียงแต่มีข่าวว่า “นพ.ชลน่าน” บอกว่า ถ้าจะล้มนายกฯ จะต้องมี 30 เสียง เท่าที่ตนประเมินคือ จากพรรคเศรษฐกิจไทย 16 เสียง พรรคเล็ก14 เสียง แต่พวกตนพรรคเล็กมีเกิน 14 เสียง ที่ชัดเจนคือ18 เสียง

“ก่อนจะยกมือสนับสนุนนายกฯ เราขอฟังการอภิปรายก่อน ถ้าฝ่ายค้านไม่มีข้อมูลหนักแน่นพอ เราก็ต้องทำตามที่รับปากไว้กับนายกฯ แน่นอนพวกเราไม่ได้เรียกเงินจากนายกฯ เพราะหากเรียกเงิน จะมาประกาศสนับสนุนทำไม”

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้เห็นภาพความสัมพันธ์ระหว่างพรรคเล็ก กับรัฐบาลว่า “บิ๊กป้อม” แม้จะเป็น “ผู้จัดการรัฐบาล” แต่ไม่ให้ราคาพรรคเล็กสักเท่าไร จึงเทกันต่อหน้าต่อตา ... ขณะที่ “บิ๊กตู่” ที่ต้องการไปต่อ และกำลังร้อนใจที่ตกเป็นเป้าการอภิปราย ยังต้องการความมั่นใจในเสียงสนับสนุนจากกลุ่มนี้ ย่อมมีท่าทีที่เปิดกว้างพร้อมจะพบปะพูดคุยกัน

ภาพที่ออกมาจึงเป็นว่า “บิ๊กป้อม” เท แต่ “บิ๊กตู่” ง้อ




กำลังโหลดความคิดเห็น