xs
xsm
sm
md
lg

อนาถใจ! ชี้ “พรรคเก่า” แพแตก “พรรคนายทุน” เหมือนลูกจ้าง ไม่มีปากเสียง “สมชัย” แซะ “อุ๊งอิ๊ง” อำมหิตกับลุง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรือ “อุ๊งอิ๊ง” ขณะโชว์วิสัยทัศน์ในที่ประชุมใหญ่เพื่อไทย จากแฟ้ม
“อดีตบิ๊กข่าวกรอง” ชี้ ความแตกต่าง “พรรคเก่า” กำลังแพแตก “พรรคนายทุน” นักการเมืองเหมือนลูกจ้าง ไม่มีปากเสียง “เทพไท” มอง “อุ๊งอิ๊ง” เห็น “ทักษิณ” คิดแต่เรื่องครอบครัว “สมชัย” แซะ “อำมหิตต่อลุงแก่” ในรัฐบาล
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (25 เม.ย. 65) นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Nantiwat Samart หัวข้อ “ความแตกต่าง”

โดยระบุว่า “พรรคการเมืองที่เก่าแก่ของไทย กำลังอยู่ในช่วงสั่นไหว เลือดไหลออกไม่หยุด อดีตนักการเมืองที่มีชื่อเสียงและเคยสร้างชื่อให้พรรคทยอยเดินออกจากพรรค หัวหน้าพรรคเหมือนหมดพลัง หมดมนต์ขลังที่จะเหนี่ยวรั้งคนเหล่านั้นเอาไว้

แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกๆ ที่พรรคเก่าแก่เกิดเหตุแพแตก เป็นแต่เพียงฉายหนังซ้ำ 10 มกรา แกนนำพรรคหลายคนชวนกันออกจากพรรคล็อตใหญ่มาแล้ว

ปรากฏการณ์นี้ เป็นเครื่องชี้ว่า พรรคเป็นที่รวมของคนต่างความคิดแต่อุดมการณ์ใกล้เคียงกันมาอยู่ร่วมกัน เมื่อคิดต่างกัน ก็ตัวใครตัวมันแยกกันไป

ภาพ นายนันทิวัฒน์ สามารถ “อดีตบิ๊กข่าวกรอง” จากแฟ้ม
การเมืองไทยคงเหมือนสภาพการเมืองในเอเชีย ที่บูชานับถือตัวบุคคล นิยมบุคคลที่มีคุณลักษณะดี พูดดี พูดเก่ง อาจรวมโกหกเก่งด้วย มีบุคลิกภาพโดดเด่น Charisma leader อุดมการณ์มาทีหลัง

จะให้เหมือนพรรคนายทุน พรรคเสี่ยได้ยังไง นักการเมืองที่อยู่ในพรรคนั้นๆ เป็นเหมือนลูกจ้าง ไม่มีปากไม่มีเสียง สิ้นเดือนก็มารับเงินเดือน ทำตามนายสั่ง ต้องนอบน้อมต่อเจ้าของพรรคและลูกๆ

วันดีคืนร้าย เจ้าของพรรคก็ส่งน้องส่งลูกมาเป็นนายกฯ ไม่ทันจะมีเลือกตั้ง หรือมีกลิ่นว่าจะยุบสภา ก็ประกาศแลนด์สไลด์ จะคุมเสียงข้างมาก ประสบการณ์ไม่ต้องมี คอยแต่พูดคำสวยๆ ตามสคริปต์ที่มีคนเขียน

นี่คือความแตกต่าง”

ภาพ นายเทพไท เสนพงศ์ จากแฟ้ม
ขณะเดียวกัน เทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า

“เมื่อวาน (24 เมษายน) ผมได้นั่งดูการประชุมใหญ่ของพรรคเพื่อไทย ด้วยความสนใจ และได้ลุ้นบทบาทการขึ้นเวทีของคุณแพทองธาร ชินวัตร หรือ น้องอุ๊งอิ๊ง พอๆ กับการนั่งลุ้นของคุณทักษิณ ชินวัตร และ คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จากดูไบ ซึ่งต้องยอมรับความจริงว่า คุณแพทองธาร มีพัฒนาการทางการเมืองเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ถ้าเปรียบเทียบกับตอนที่คุณยิ่งลักษณ์ เข้าการเมืองใหม่ๆ คุณแพทองธาร ฉายแวว มีบทบาทเด่นกว่า และมีหน่วยก้านทางการเมือง ที่ดีกว่าคุณยิ่งลักษณ์มาก

การขึ้นเวทีปราศรัยของคุณแพทองธาร เห็นได้ว่า มีการพูดจาได้ฉะฉาน แสดงบทบาทบนเวทีพร้อมที่จะเป็นผู้นำทางการเมืองได้อย่างสบายๆ และเชื่อว่า คุณแพทองธาร จะเป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคเพื่อไทย อย่างแน่นอน ห้วงเวลาต่อจากนี้ ไปจนถึงการเลือกตั้งทั่วไปในปีหน้า ก็จะทำให้คุณแพทองธาร มีพัฒนาการและความแข็งแกร่งทางการเมืองมากยิ่งขึ้น สมกับที่คุณทักษิณได้คาดหวัง และวางแผนไว้

ส่วนตัวเชื่อว่า คุณแพทองธาร จะเป็นผู้นำตัวจริงของพรรคเพื่อไทย ตามที่คุณทักษิณได้วางแผนไว้ ถ้าย้อนไปดูการเคลื่อนไหวทางการเมืองของคุณทักษิณ ในอดีตที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ก็เป็นการส่งเสริมบทบาทของคนในครอบครัว วงศ์วานหว่านเครือของตัวเองทั้งสิ้น เช่น

1. ส่งเสริมให้มีบทบาทในตำแหน่ง ส.ส. มี นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ หรือ เจ๊แดง น้องสาว นายพายัพ ชินวัตร น้องชาย น.ส.ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ ฯลฯ

2. สนับสนุนให้ก้าวสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทั้ง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขย และนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว เคยสนับสนุนคนอื่นอย่าง นายสมัคร สุนทรเวช แต่ก็ผิดหวัง เพราะควบคุม สั่งการไม่ได้ดั่งใจ

3. ผลักดันจนมีการแต่งตั้ง พลเอก ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ญาติผู้พี่ ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการทหารสูงสุด ทั้งที่เป็นนายทหารที่มาจากเหล่าทหารช่าง ไม่ใช่สายคุมกำลังตามที่ยึดปฏิบัติกันมา

4. โยกย้าย แต่งตั้ง พลตำรวจเอก เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ พี่ชายคุณหญิงพจมาน อดีตภรรยาของคุณทักษิณ ขึ้นเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โอนย้ายพลตำรวจเอก วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเดิม ไปเป็นเลขาธิการสภาความั่นคงแห่งชาติ แทน นายถวิล เปลี่ยนศรี จนเป็นที่มาของศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้นางสาวยิ่งลักษณ์ พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

“การสืบทอดอำนาจทางการเมือง ไม่ใช่มีเฉพาะคณะรัฐประหารเท่านั้น แต่การสืบทอดทางการเมืองภายในพรรคการเมือง ก็เกิดขึ้นได้เช่นเดียวกัน บุคคลอื่นๆ ที่อยู่ในพรรค ก็เป็นได้แค่นั่งร้าน หรือเบ๊ เพื่อรับใช้และสนับสนุนคนในตระกูลชินวัตรเท่านั้น ขอจงอย่าแปลกใจเลย ที่มีการแต่งตั้งให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ก้าวขึ้นเป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เพื่อก้าวสู่บันไดขั้นต่อไป คือ นายกรัฐมนตรีของประเทศ จากคนในครอบครัวตระกูลชินวัตรอีกคนหนึ่ง” (จากสยามรัฐออนไลน์)

ภาพ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร จากแฟ้ม
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน นายสมชัย ศรีสุทธิยากร สมาชิกพรรคเสรีรวมไทย และอดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม และหัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทย โชว์วิสัยทัศน์ในการประชุมใหญ่สามัญประจำของพรรคเพื่อไทย ว่า คนเขียนบทให้คุณอุ๊งอิ๊ง ช่างอำมหิต ต่อลุงแก่ๆ ในคณะรัฐบาลยิ่งนัก

ฟัง 5 ข้อ ที่ อุ๊งอิ๊ง พูดปิดท้ายในการประชุมใหญ่พรรคเพื่อไทย ประกอบด้วย

1. สร้าง application แบบ real time เพื่อวิเคราะห์ปัญหาในระดับหมู่บ้าน

2. สร้าง soft power ระดับหนึ่งคน หนึ่งครอบครัว เพื่อแก้จน

3. ใช้ Ai เพื่อการเกษตร

4. สร้าง Digital Government แบบจริงจัง

5. เตรียมคนไทยสู่ยุค Metaverse

เป็น script ที่โหดเหี้ยมมาก แม้ว่า การพูดแบบไม่มีโพเดียม อาจสร้างความเครียดและใช้พลังมากเป็นพิเศษ และอาจอธิบายบางจุดไม่กระจ่างนัก จนดูเหมือนบางช่วงจะอึดอัดต่อคนฟัง

แต่การเลือกคนวัย 35 ปี มาพูดให้เกิดการเปรียบเทียบกับลุงอายุมากกว่าเกือบเท่าตัว ที่ยังเรียก ข้าวเหนียวมะม่วง เป็น software ถือว่า อำมหิตมาก.(จากแนวหน้า)

แน่นอน, ประเด็นที่น่าคิด ก็คือ “การเมืองไทย” กำลังอยู่ในช่วงวิกฤตอย่างเห็นได้ชัด

เพราะพรรคการเมืองแต่ละพรรค ถ้าไม่กำลังขัดแย้งแตกแยกภายใน มีการย้ายพรรคอยู่ตลอดเวลา หรือเผชิญปัญหาวิกฤตศรัทธา อย่างกรณีพรรคประชาธิปัตย์

ก็ต้องเจอกับสภาพของพรรคการเมืองแบบ “นายทุน” แบบ “เถ้าแก่” อย่างที่ “อดีตบิ๊กข่าวกรอง” ชี้ให้เห็น ว่า ส.ส.ก็เหมือนลูกจ้าง ไม่มีปากมีเสียง ต้องรอฟังคำสั่งจาก “นายใหญ่”

นอกจากนั้น ก็มีแต่พรรคการเมืองใหม่ และพรรคขนาดเล็ก ที่ยังต้องลุ้นว่า จะได้ ส.ส.กี่คน จะได้เข้ามามีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองมากน้อยแค่ไหน?

อีกเรื่องที่น่าสนใจ กรณี “อุ๊งอิ๊ง” โชว์วิสัยทัศน์ “แคนดิเดตนายกฯ” พรรคเพื่อไทย ซึ่งมองได้นับแต่การนำไปเปรียบกับ “ปู-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ซึ่งแทบไม่เห็นอะไรที่โดดเด่น นอกจากความเป็น “น้องทักษิณ” และการได้เป็นนายกฯ ก็เพราะกระแส “ทักษิณ” ที่ “บุญเก่า” ยังเพียงพอที่จะหนุนเสริมน้องสาวได้ แต่ “อุ๊งอิ๊ง” ฉายแววทางการเมือง และดูเหมือนมีความพร้อมมากกว่า

แต่ความแตกต่างระหว่าง “ปู-ยิ่งลักษณ์” กับ “อุ๊งอิ๊ง” ก็คือ กระแส “ทักษิณ” ไม่เหมือนเดิม และประชาชนก็ก้าวหน้าไปกว่า ที่จะจมอยู่กับอดีตของ “ทักษิณ” แล้ว หรืออาจเหลือ “คนรักทักษิณ” อยู่บ้าง แต่ก็คงไม่เหมือนเดิม เพราะสถานการณ์เปลี่ยนไปมากแล้ว

ดังนั้น สิ่งที่ “อุ๊งอิ๊ง” จะต้องทำนับแต่วันนี้จนถึงวันเลือกตั้งปีหน้า คือ การสร้างปรากฏการณ์ของตัวเอง ที่เป็นกระแส “อุ๊งอิ๊ง” ไม่ใช่ “กินบุญเก่าพ่อ” อีกต่อไป

คำถามก็คือ จะทันการณ์หรือไม่เท่านั้นเอง


กำลังโหลดความคิดเห็น