“สามารถ” ลั่นถ้าใครมีคลิป “ประวิตร” ไปพบ “ทักษิณ” จริงก็คงหลุดออกมาแล้ว หยิบยกม้าเฉียว หันซุย หลงกล โจโฉสุดท้ายต้องเสียเมือง ย้ำ “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” ไม่หลงกลอุบายตื้นๆ แบบนี้
วันนี้ (23 เม.ย.) นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม ได้โพสต์ข้อความใน Facebook ว่า เพื่อที่จะให้พ่อแม่พี่น้องประชาชนเข้าใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างถูกต้องและชัดเจน เพราะวันนี้สังคมกำลังสับสนมากกับกระแสข่าวว่า พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เดินทางไปประเทศไปพบอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นผู้ต้องหาหลายคดีของประเทศไทย และ ท่านพลเอก ประวิตร ได้ออกมาปฏิเสธเรื่องดังกล่าวแล้วว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใดก็ตาม
นายสามารถ กล่าวว่า ตนออกมาพูดเพื่ออยากจะยืนยันว่ากระแสข่าวดังกล่าว ไม่มีเหตุผลอะไรที่พลเอกประวิตร ต้องไปพบกับนายทักษิณ ชินวัตร เพราะท่านเป็นผู้ใหญ่และมีวุฒิภาวะรู้ว่าเป็นรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งไม่มีเหตุผลอะไรที่ท่านจะต้องไปพบกับนายทักษิณซึ่งเป็นนักโทษหรือผู้ต้องหาตั้งแต่ปี 2548 แล้ว ที่สำคัญ พลเอก ประวิตร ยังมีน้องชายที่รักเป็นนายกรัฐมนตรี ของประเทศไทยในปัจจุบันด้วย
ยุคนี้เป็นโลกไร้พรมแดน ถ้า พลเอก ประวิตร มีการพบกับนายทักษิณจริง ก็ต้องภาพหรือคลิปหลุดออกมาแล้ว เหมือนหลายครั้งที่ ส.ส. พรรคเพื่อไทยไปพบนายทักษิณ ก็จะมีภาพหลุดออกมาเป็นประจำ
ทั้งนี้ พลเอก ประวิตร ประกาศแล้วว่าไม่เจอทักษิณตั้งแต่ปี 2548 และไม่มีเหตุผลต้องเจอนักโทษ ผมจึงอยากบอกว่าถ้านายทักษิณ จะมาเจอท่าน ให้มาเจอที่เมืองไทยเท่านั้น และถ้าจะมอบตัวท่านก็ยินดีจะประสานงานให้ในฐานะที่ท่านเป็นรองนายกรัฐมนตรีดูแลด้านความมั่นคงของประเทศไทย ตนคิดว่าเรื่องนี้คนที่ปล่อยกระแสข่าวเพื่อหวังผลทางการเมืองในการเลือกตั้งเวทีผู้ว่าฯ และ ส.ก.กทม. รวมทั้งในการเลือกตั้งระดับชาติ
ผมคิดว่า การมาใส่ร้ายป้ายสีพลเอกประวิตรซึ่งเป็นบุคคลที่ผมเคารพ และมีการยุแยงให้ พลเอก ประวิตร กับ พลเอก ประยุทธ์ทะเลาะกัน ซึ่งเรื่องแบบนี้ผมยอมไม่ได้ เพราะเป็นการทำลายชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ นอกจากนี้ ยังสร้างความแตกแยก ระหว่าง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กับ พลเอก ประวิตร ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง และทำให้เกิดความสับสนในสังคมและประเทศไทยเป็นอย่างมาก”
ผมขอยกตัวอย่างในประวัติศาสตร์จีนสมัย 3 ก๊ก ม้าเฉียว เป็นนักรบที่เก่ง ไล่โจโฉจนต้องขี่ม้าหนี ถอดหมวกตัดเครา ถอดเสื้อคลุมหนี แต่ม้าเฉียวมีกุนซือที่เปรียบเสมือนมันสมอง ชื่อหันซุย ซึ่งหันซุยเป็นคนวางการรบให้ ทั้งยังเป็นพันธมิตรตั้งแต่ม้าเท้งผู้เป็นพ่อของม้าเฉียวนั่นเอง
ดังนั้น เมื่อม้าเฉียวกับหันซุยร่วมมือกัน จึงเป็นคู่ที่แข็งแกร่ง ซึ่งสามารถต้านทานกับโจโฉได้
แต่หากแยกทั้งคู่ออกจากกันล่ะ อะไรจะเกิดขึ้น
โจโฉใช้กลอุบายง่ายๆ ด้วยการเชิญชวนให้หันซุยออกมาเจรจากันในฐานะเพื่อนเก่าเพราะเคยคบหากันมาก่อนที่กลางสนามรบ โดยโจโฉก็เพียงแค่ไต่ถามเรื่องโน่นนี้ไปเรื่อยเปื่อยแล้วจึงกลับค่ายพัก เมื่อม้าเฉียวสอบถามว่าคุยอะไรกันหันซุยก็ว่าไปตามจริง แต่ม้าเฉียวก็ไม่เชื่อว่าโจโฉจะเพียงแค่นัดหันซุยไปคุยอะไรไร้สาระแบบนั้น แถมโจโฉยังตอกย้ำแผนการของตนอีกด้วยการส่งจดหมายที่มีข้อความไม่ชัดเจนราวกับเป็นรหัสลับอะไรบางอย่างมาให้ที่ค่ายของหันซุย
ม้าเฉียวนั้นระแวงหันซุยจนขีดสุดและในระหว่างที่กำลังทะเลาะกับหันซุยนั้น เขาก็ฟันแขนหันซุยจนขาด ทำให้ทัพเสเหลียงแตกกันเอง และตัวหันซุยจึงตัดสินใจสวามิภักดิ์ต่อโจโฉจริงๆ สุดท้ายม้าเฉียวต้องเสียเมือง เพราะหลงกลของโจโฉนั้นเอง
แปลว่า กลอุบาย ปล่อยข่าวลวงหลอกมีมาแต่โบราณนับพันๆ ปีแล้ว ดังนั้น ผมจึงขออกมายืนยันอีกเสียงว่า แผนจะทำลายบิ๊กป้อมกับบิ๊กตู่นั้นยาก เพราะทั้งสองคนนั้นรู้ทันกลอุบายตื้นๆ แบบนี้