“พิชิต ไชยมงคล” นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ยิงหมัดตรง 13 ปี “ทักษิณ” ต้มมวลชนเปื่อย แนะ คนเสื้อแดงสรุปบทเรียน “ดร.เสรี” ซัดแกนนำยุคนเผาเมืองยังสะเออะจัดงานรำลึก 10 เมษา “เต้น-ตู่” แตกยับ ครวญ “ปมทรยศ”
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (11 เม.ย.) นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำกลุ่มประชาชนคนไทย (ปท.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า
“12 ปี 10 เมษา และ 13 ปี จากเสียงปืนนัดแรก สู่สักแต่พูดของทักษิณ
10 เมษายน ให้มีเหตุการณ์น่าจดจำในหลายมุม
ก่อนหน้าเหตุการณ์ ชายชุดดำ ยิงปะทะเจ้าหน้าที่ทหาร เมื่อวันที่ 10 เมษา 53 นั้น
30 มีนา 52 ทักษิณ โฟนอิน มาที่ชุมนุมประกาศถ้าเสียงปืนดังนัดแรก จะเดินนำประชาชนเข้ากรุงเทพฯด้วยตัวเอง
ผ่านมา 13 ปี ทักษิณนอกจากไม่เดินนำแล้ว ยังเปลี่ยนชื่อเป็น โทนี่ หนีสัจจะวาจาตัวเองเสียนี่
เขายิงกัน เสียงปืนแตกไม่รู้กี่รอบ ก็ไร้เงาทักษิณ
น่าจะมีการจัดงาน 13 ปี คนขี้ลืมน้ำลายตัวเองกันบ้าง ผ่านทักษิณพูดมา 1 ปี
10 เมษา 53 ก็เป็นวันที่ เอก ธนาธร ถูกทหารยิงด้วยกระสุนยาง เจ็บนะ
10 เมษา 53 ก็เป็นวันที่ พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม โดนยิงด้วยระเบิด แต่คนนี้เสียชีวิตจริง
10 เมษา 53 ผ่านมา 12 ปี ไม่ว่าจะอธิบายในมุมไหน คนที่หลอกประชาชนมากที่สุด คือ ทักษิณ ชินวัตร และที่สำคัญ หลอกให้คนตายแทนตัวเอง สุดท้ายเกิดวลี ส่งผมถึงฝั่งแล้ว
12 ปี สรุปบทเรียนคนเสื้อแดง เสนอว่า ไม่ใช่แค่บทเรียนจากทหาร แต่ประชาชนคนเสื้อแดงต้องสรุปบทเรียนจากคนชื่อ ทักษิณ ชินวัตร ด้วย
12 ปี จึงเป็นปีที่ต้องทบทวน นักการเมืองที่ยังเป็นทาสรับใช้ระบอบ ทักษิณ ชินวัตร อยู่นั่นเอง
ทั้งนักการเมืองที่แอบรับใช้ แต่ประกาศเป็นอิสระ ในการเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม. ที่จะมาถึงในเร็วๆ นี้
ผมใช้คำว่า ระบอบทักษิณ เพราะนักการเมือง หรือผู้สมัครผู้ว่าฯ หลายคน ยังสายสัมพันธ์กับ ทักษิณ อยู่
และต้องทบทวน การเมืองระดับประเทศ ที่ส่งลูกสาวมาเป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย คนไร้สัจจะอย่างทักษิณ จะทำให้เราเชื่อ อุ๊งอิ๊ง ว่าไม่ทำเพื่อพ่อได้อย่างไร
อย่าบอกให้มองข้ามหรือก้าวข้ามทักษิณไปนะครับ
มันจะมองข้ามได้ไง อุ๊งอิ๊ง เป็นหลักฐานที่อธิบายเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี
ถ้าจะมองข้าม ผมเสนอให้ อย่าเลือกพรรคหรือพวกทักษิณทุกสนามเลือกตั้ง
เริ่มที่เลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ ก่อนเลยครับ”
ขณะเดียวกัน ดร.เสรี วงษ์มณฑา ผู้ร่วมก่อตั้งสถาบันทิศทางไทย บรรณาธิการบริหาร เพื่อวางกลยุทธ์สื่อสาร ศบค. โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เรื่องนี้ด้วยว่า
“แกนนำไพร่ยุให้คนเผาบ้านเผาเมือง เมื่อนายของไพร่ได้เป็นนายกฯ ไพร่ได้เป็นอำมาตย์ดำรงตำแหน่งเป็นเสนาบดี ทั้งๆ ที่ไม่มีความสามารถอะไรเลยที่เหมาะกับตำแหน่ง
ยังสะเออะออกมาจัดงานรำลึกการกระทำของตนเอง มันคือการประจานตัวเองว่า มี DNA ที่นิยมความรุนแรง ทำลายโอกาสของประเทศชาติ”
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน วานนี้ (10 เม.ย.) ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา แยกคอกวัว ถนนราชดำเนิน แกนนำคนเสื้อแดงร่วมจัดงานรำลึกเหตุการณ์ 10 เมษา 2553 #ยุติธรรมไม่มี 12 ปี เราไม่ลืม มีประชาชนและแกนนำคนเสื้อแดงเดินทางมาอย่างคับคั่ง อาทิ นางธิดา ถาวรเศรษฐ, นพ.เหวง โตจิราการ, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ และ นายวรชัย เหมะ เช่นเดียวกับคณะ ส.ส.เพื่อไทย อาทิ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย, น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด เป็นต้น โดยพิธีรำลึกเริ่มตั้งแต่ 13.00 น. มีการถวายสังฆทาน กลุ่มมวลชน พรรคการเมือง วางหรีดและดอกไม้ พร้อมกับกล่าวรำลึกถึงเหตุการณ์
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า จัดกิจกรรมเพื่อรำลึกถึงความสูญเสียของประชาชนจากการล้อมปราบของเจ้าหน้าที่ เพื่อประกาศต่อสังคม โศกนาฏกรรมนี้ยังไม่มีการชำระความจริง ยังไม่มีกระบวนการยุติธรรมดำเนินการกับคนทำความผิด ที่ใช้กำลังปราบปรามประชาชน ให้มารับผิดชอบตามกฎหมาย เราไม่มีเจตนาตอกลิ่มความขัดแย้ง หรือมีเงื่อนไข หรือเติมเงื่อนไขความแตกแยกในสังคมให้ลุกลามบานปลาย ต้องการรักษาแผลเก่า ไม่ให้เป็นแผลอักเสบเรื้อรังของสังคม
นายณัฐวุฒิ กล่าวด้วยว่า หากไม่มีความยุติธรรมให้ประชาชนผู้สูญเสีย ก็จะเป็นหลักประกันให้ผู้มีอำนาจว่า สามารถใช้กำลังปราบปรามประชาชนได้อีกในอนาคต เพราะมีตัวอย่างที่ลอยนวล และหลีกหนีความผิดได้ ความขัดแย้งของสังคมไทยที่มากขึ้นทุกวัน ไม่สามารถคาดเดาได้ว่า ในอนาคตอาจจะมีการเคลื่อนไหว ต่อสู้ของประชาชน ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นอีก อาจเกิดเหตุการณ์แบบวันที่ 10 เม.ย. 2553 ได้อีกครั้ง ตราบที่ฝ่ายรัฐเชื่อมั่น ทำแล้วไม่ต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย...
วันเดียวกัน ที่อาคารพีซทีวี ซอยรามอินทรา 40 อีกสถานที่หนึ่งของการจัดงานรำลึก 12 ปี 10 เมษายน 2553 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า วันนี้ครบรอบที่เป็นรอบจริงๆ คือ 12 ปี ที่เป็น 12 ปี แห่งความสูญเสีย ตลอดระยะเวลา ถ้านับขบวนการคนเสื้อแดงถอยไปอีก 3 ปี คือ ปี 2550 ตลอดระยะก็รวมเป็น 15 ปี ที่เราปรากฏตัวตนกันอยู่ในประเทศนี้ ทุกกระบวนการที่สามารถไปเรียกร้องหาความเป็นธรรม ไม่ว่าจะเป็นประเทศไทยหรือที่ใดของโลก เราได้ทำหน้าที่อย่างครบถ้วน เพียงแต่ว่าไม่เคยมีที่ไหนสามารถให้ความยุติธรรมกับพี่น้องคนเสื้อแดงได้ นี่เป็นความสูญเสียที่ใหญ่มากที่สุด ความตายและความสูญเสียของคนเสื้อแดงนั้น เป็นความสูญเสียที่มากที่สุดตั้งแต่ประเทศไทยนี้เคยตั้งมา
นายจตุพร ยังกล่าวว่า ความจริงตั้งแต่ปี 2535 ถึงปี 2553 มาถึงปี 2565 จุดยืนไม่เคยย้ายไปจากตัวของตนเองเลย เป็นภูมิต้านทานต่ำกับคุก แน่นอนที่สุดพอขยับที ไอ้พวกนี้วางแผนขังทุกที ในขบวนการแกนนำคนเสื้อแดงทั้งหมด เป็นคนที่ถูกดำเนินคดีมากที่สุด เข้า-ออกคุกมากที่สุด และก็ถูกกล่าวหาทั้งที่เข้า-ออกคุก
“ถ้าคนมันจะทรยศ มันจะเข้าคุกออกคุกถึง 5 ครั้งหรือ ไอ้คนที่ไม่เคยทรยศ ไม่เคยเข้าคุกเลย ผมอยู่ในสนามตั้งแต่วัยเด็กอายุ 20 เศษ จนถึงวันนี้ช่วงปลายของชีวิต ก็ต้องเลือกในการต่อสู้ ยกที่แล้วขับไล่ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็รู้ว่าลงมือวันไหน พวกนี้วางแผนขังแล้วก็ไม่ผิดคาด วันนี้ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ ฟัง ผมขอร้องว่าอย่าลาออก ประเทศชาติยังเหลือความฉิบหายให้คุณทำอีกได้มากพอสมควร เพราะจุดจบอำนาจต้องรู้จักคำว่านรกมีจริง”...
แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ คนไทยต่างรู้ดีว่า ใครอยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดง เคลื่อนไหวเพื่ออะไร แม้กระทั่งแกนนำทุกคนก็มีความใกล้ชิดพรรคการเมือง รวมทั้งการรับบงการในการขับเคลื่อนการชุมนุม การตัดสินใจนำม็อบ เพราะมีการเจรจาหลายรอบ และไม่เป็นผล เพียงเพราะคนที่อยู่เบื้องหลังคอยชี้นำการตัดสินใจ
และที่สำคัญ มวลชนคนเสื้อแดงที่ออกมาร่วมเคลื่อนไหว ก็คือ มวลชนในพื้นที่ฐานเสียงทางการเมืองของบางพรรคเป็นส่วนใหญ่ เรื่องนี้ทุกคนก็รู้เช่นกัน
แม้กระทั่งวันนี้ คนที่รับไม่ได้กับการถูกหลอก และได้ยุบเลิกหมู่บ้านเสื้อแดงไปแล้ว รวมทั้งได้จัดตั้งหมู่บ้านเทิดไท้องค์ราชัน เพื่อปกป้องสถาบันฯขึ้นมาแทน แม้ว่า เรื่องนี้จะมีการจัดตั้งทางการเมืองเช่นกันก็ตาม แต่การ “สารภาพ” ของแกนนำเหล่านี้ ก็พูดชัดว่า “ผิดหวัง” กับการถูกหลอกของบางคนที่อยู่เบื้องหลัง
เพราะฉะนั้น การที่คนเสื้อแดง “ถูกหลอก” ออกมาต่อสู้เพื่อให้ใครบางคนที่อยู่เบื้องหลัง ได้อำนาจกลับคืนมา แล้วเสียชีวิต บาดเจ็บจำนวนมาก ถ้าถามคนไทยอย่างตรงไปตรงมา ใครควรมีส่วนรับผิดชอบเป็นคนแรก แม้การปราบปรามด้วยความรุนแรงเกินกว่าเหตุหรือไม่ ก็ต้องตรวจสอบอย่างจริงจังเช่นกัน
เพราะถ้าเรียกร้องความเป็นธรรมอย่างแท้จริง ก็ต้องเปิดอกคุยกัน และเปิดโปงคนที่อยู่เบื้องหลังออกมา แล้วเอาทุกอย่างมากางบนโต๊ะ สะสางกันทีละประเด็น ก็จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายได้อย่างแท้จริง
เพียงแต่ “เต้น-ตู่” กล้าหรือไม่ที่จะแฉความจริง “ที่แท้จริง” ว่าใครอยู่เบื้องหลังตัวจริงเสียงจริง และม็อบ “เพื่อใคร” กันแน่ อย่าได้แต่โกหกตัวเอง ว่า “เพื่อประชาธิปไตย” อยู่เลย!?