นายกฯ เปิดโครงการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรม Smart Park รองรับ New S-curve เพิ่มการจ้างงาน สร้างรายได้ในพื้นที่ เน้นย้ำขับเคลื่อนธุรกิจตามแนวคิด BCG Economy มุ่งสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน เพื่อประโยชน์ของชาติและประชาชน
วันนี้ (31 มี.ค.) เวลา 10.45 น. ณ ศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี (PMOC) ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรม Smart Park (ผ่านระบบออนไลน์) ไปยังนิคมอุตสาหกรรม Smart Park จังหวัดระยอง ทั้งนี้ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงโครงการนิคมอุตสาหกรรม Smart Park เป็นโครงการภายใต้นโยบาย Thailand 4.0 การพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่เขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC ที่มีความมุ่งหวังร่วมกันให้เกิดการกระตุ้นและพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย เพื่อการขับเคลื่อนประเทศไปสู่ประเทศที่มีรายได้สูงในอนาคตโดยเร็วที่สุด ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นกลไกที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ รองรับการพัฒนากลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย หรือ New S-Curve ที่มีนวัตกรรมหรือการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิต อันจะก่อให้เกิดการขยายตัวในการลงทุนในอุตสาหกรรมต่อเนื่องประเภทอื่นๆ ในพื้นที่ EEC ต่อไป ทั้งนี้ หากโครงการนี้สำเร็จลุล่วง จะก่อให้เกิดประโยชน์ในพื้นที่ ทั้งการเป็นพื้นที่รองรับการลงทุนอุตสาหกรรมของประเทศโดยเฉพาะกลุ่ม S-Curve ตลอดจนมีส่วนในการพัฒนาพื้นที่และท้องถิ่น ให้เกิดการจ้างงาน สร้างเศรษฐกิจชุมชน เพิ่มรายได้แก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา รัฐบาลได้ดำเนินการขับเคลื่อนโครงการในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการดำเนินการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานหลัก ทั้งรถไฟความเร็วสูง สนามบินอู่ตะเภา ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด และท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของ EEC ที่จะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจ สังคม และยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น ตลอดจนช่วยยกระดับพื้นที่เศรษฐกิจภาคตะวันออกให้เป็นเขตเศรษฐกิจชั้นนำของภูมิภาคได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยขณะนี้โครงการต่างๆ ของ EEC มีความก้าวหน้าแล้วเสร็จตามแผนเป็นที่น่าพอใจ
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำให้ทุกภาคส่วนร่วมกันผลักดันและส่งเสริมการพัฒนาโครงการต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม และประชาชนคนไทยในทุกด้าน เพื่อทำให้ EEC และประเทศไทยเป็นจุดหมายสำหรับนักลงทุนและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่กำลังจะเดินทางเข้ามาประเทศไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นฟันเฟืองสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตาม การดำเนินโครงการต่างๆ ต้องคำนึงถึงความเชื่อมโยงในทุกมิติ และสร้างสมดุลในทุกด้านอย่างครอบคลุม ทั้งการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมมาขับเคลื่อนการทำงาน การดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ตามแนวคิดเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว หรือ BCG Economy คำนึงถึงเรื่องพลังงานสะอาดและการอยู่ร่วมกับชุมชน รวมทั้งการพัฒนาเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมควบคู่กันกับความเป็นอยู่ของประชาชนให้เป็นไปอย่างยั่งยืน โดยจะต้องคำนึงถึงความร่วมมือของคนในพื้นที่ ติดตามและประเมินผลอย่างต่อเนื่องไม่ให้เกิดผลกระทบกับประชาชน ซึ่งรัฐบาลมีเจตนาที่ดีในการพัฒนาประเทศเพื่อให้พ้นจากกับดักความยากจน แม้ในปัจจุบันจะต้องเผชิญกับสถานการณ์ปัญหาต่างๆ แต่ความร่วมมือกันของทุกคนในประเทศและกำลังใจที่เข้มแข็งในการต่อสู้กับปัญหาที่เกิดขึ้น จะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ประเทศมีความเข้มแข็งจากภายใน มีรากฐานที่มั่นคง และสามารถต่อสู้กับความท้าทายต่างๆ เพื่อพัฒนาประเทศต่อไปได้ในอนาคต
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวขอบคุณทุกภาคส่วนที่เป็นกลไกสำคัญที่จะร่วมกันผลักดันโครงการให้ประสบผลสำเร็จ “สร้างประโยชน์ให้ประเทศและประชาชน” ซึ่งนายกฯ เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของความสำเร็จที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และจะเป็นแรงผลักดันสำคัญต่อการพัฒนาประเทศให้เกิดความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน จากนั้น นายกรัฐมนตรีทำพิธีเปิดโครงการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรม Smart Park อย่างเป็นทางการ พร้อมถ่ายภาพร่วมกันในรูปแบบออนไลน์ และได้ส่งกำลังใจถึงผู้ร่วมงานและผู้เกี่ยวข้อง ณ นิคมอุตสาหกรรม Smart Park จังหวัดระยองด้วย เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนโครงการดังกล่าวให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนในพื้นที่ และร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศชาติต่อไป
ทั้งนี้ การดำเนินงานโครงการนิคมอุตสาหกรรม Smart Park นับเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ที่ได้รับการพัฒนาตามนโยบายรัฐบาลมุ่งสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ให้มีการต่อยอดกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีศักยภาพ ตั้งอยู่ที่ตำบลห้วยโป่ง อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง เนื้อที่ประมาณ 1,400 ไร่ กระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่และกระจายรายได้สู่ชุมชน มูลค่าโครงการประมาณ 2,370.72 ล้านบาท รองรับการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย (New S-Curve) โดยใช้เทคโนโลยีนวัตกรรมขั้นสูงที่ทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจและสังคม ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ (Aviation & Logistics) กลุ่มอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร (Medical Device) กลุ่มอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ (Robotics) และกลุ่มอุตสาหกรรมดิจิทัล (Digital) เป็นต้น กำหนดระยะเวลาก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี 2567