บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) เข้าถือหุ้น 25% ในบริษัท ทีบีเอ็น ซอฟต์แวร์ จำกัด (TBN) ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์และผู้ให้คำปรึกษาด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน โดยใช้แพลตฟอร์มการออกแบบพัฒนาซอฟต์แวร์ Low Code Development Platform (LCDP)
การเข้าลงทุนในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการขยายธุรกิจของ BTS ไปสู่อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์โซลูชันที่มีการพัฒนารุดหน้าอย่างต่อเนื่อง TBN เริ่มดำเนินธุรกิจมาตั้งแต่ปี 51 โดยเป็นผู้ออกแบบพัฒนา และให้บริการซอฟต์แวร์ Low-Code รายแรกที่มีประสบการณ์มากที่สุดในประเทศไทย และเป็นผู้พัฒนาโซลูชันต่างๆ ผ่านซอฟต์แวร์ Mendix Low Code Development Platform (LCDP) ให้แก่บริษัทชั้นนำ และบริษัทข้ามชาติหลายแห่ง
ในฐานะที่ TBN เป็นตัวแทนจำหน่าย Mendix LCDP ในประเทศไทย จึงมีความเชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยี และไอทีโซลูชันด้วยการเขียนโค้ดทั้งแบบ Low-Code และแบบดั้งเดิม โดยซอฟต์แวร์ LCDP ช่วยให้ผู้ที่ไม่ใช่นักพัฒนาซอฟต์แวร์ (non-developer) สามารถสร้างแอปพลิเคชันโดยใช้ Graphic User Interface (การเขียนโปรแกรมโดยใช้ภาพ) แบบ drag-and-drop ที่แตกต่างจากวิธีการเขียนโค้ดดั้งเดิม ซึ่งช่วยให้นักพัฒนาที่ไม่มีเทคนิคเฉพาะทาง มีประสบการณ์เขียนโค้ดเพียงเล็กน้อย หรือไม่มีเลย สามารถทำงานร่วมกับผู้เขียนโค้ดได้ตั้งแต่การระดมความคิด และการพัฒนาไปจนถึงการติดตั้งปรับใช้ และการใช้งานจริง จึงเป็นการช่วยลดปัญหาการขาดแคลนนักพัฒนา ลดเวลาในการพัฒนา และที่สำคัญที่สุดคือเพิ่มความเร็วในการออกสู่ตลาด
นายปนายุ ศิริกระจ่างศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TBN กล่าวว่า การเป็นพันธมิตรกับ BTS ช่วยให้เราสามารถขยายกิจการด้านเทคโนโลยี Low-Code ไปยังกลุ่มองค์กรในอุตสาหกรรมอื่นๆ นอกเหนือจากภาคการเงิน ประกันภัย ไปถึงภาคการผลิตและค้าปลีกซึ่งเป็นฐานลูกค้าใหม่ของ TBN รวมถึงขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ
ตลอดจนการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ ทั้ง Artificial Intelligence (AI) Augmented Reality (AR) และ Virtual Reality (VR) มาผสมผสานเพื่อให้ได้โซลูชันที่เกิดประโยชน์สูงสุดแก่กลุ่มลูกค้าของ TBN เรามั่นใจว่าบีทีเอส กรุ๊ปฯ จะเป็นกำลังสนับสนุนที่แข็งแรงให้แก่ TBN ในการบุกเบิกธุรกิจใหม่ๆ ซึ่งเห็นได้จากความสำเร็จที่ BTS สร้างโอกาสทางธุรกิจร่วมกับบรรดาพันธมิตรทางธุรกิจ พร้อมทั้งเพิ่มการเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน
ในปี 64 TBN มีรายได้รวม 293 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36% เมื่อเทียบกับปี 63 ขณะที่กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) อยู่ที่ 102 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดย TBN สามารถสร้างฐานลูกค้าที่มีความหลากหลาย ตั้งแต่ธุรกิจค้าปลีก บริษัทการเงินและประกันภัย รวมถึงองค์กรที่เกี่ยวข้องกับภาครัฐ (เช่น Makro, SCB, KTC, CPF) ความสำเร็จ และผลงานอันโดดเด่นที่ผ่านมานั้นสะท้อนให้เห็นว่า TBN จะเจริญเติบโตแบบก้าวกระโดดในอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์โซลูชันอย่างแน่นอน พร้อมทั้งมีแผนจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์โซลูชันในภาพรวมจะขยายตัวด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 13% และในส่วนของเทคโนโลยี Low-Code คาดว่าจะเติบโตกว่า 30% โดยอุตสาหกรรมดิจิทัลโซลูชันจะขยายตัวครอบคลุมทั่วทั้งภาคเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม 4.0 ของประเทศไทย เสริมด้วยแรงหนุนจากความต้องการขององค์กรในการสร้างความทันสมัย (Modernisation) และการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (Digitisation)
นายสุรยุทธ ทวีกุลวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่สายการเงิน BTS กล่าวว่า เราเชื่อมั่นในแผนธุรกิจและแนวทางของ TBN และเชื่อว่าศักยภาพของตลาดในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี Low-Code นี้มีมากมายมหาศาล เราคาดว่าในอนาคต TBN จะเติบโตอย่างรวดเร็วในฐานะผู้บุกเบิก LCDP ในประเทศไทย และตั้งตารอที่จะสนับสนุน TBN ในการเสนอขายหุ้น IPO และโอกาสทางธุรกิจจะเกิดขึ้นในอนาคต การเข้ามาเป็นพันธมิตรในครั้งนี้จะส่งผลให้กิจการของเราขยายการเติบโตขึ้น สร้างความแข็งแกร่งให้เครือข่าย 3M (MOVE, MIX และ MATCH) ของเราอีกด้วย
BTS เชื่อว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นโอกาสที่ดีในการขยายธุรกิจให้เกิดความหลากหลาย เพราะการเข้าเป็นพันธมิตรกับ TBN หนึ่งในบริษัทซอฟต์แวร์โซลูชันชั้นนำ สอดคล้องกับกลยุทธ์ 3M ของบริษัท นอกจากนี้ จากการเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมดิจิทัลที่ดำเนินรุดหน้าแบบก้าวกระโดด จะช่วยเสริมกำลังให้บีทีเอส กรุ๊ปฯ สามารถคว้าโอกาสทางธุรกิจในแวดวงดิจิทัลโซลูชัน และสร้าง synergy ร่วมกับพันธมิตรอื่นๆ ได้ในอนาคต