ศาลรัฐธรรมนูญตีตกคำร้อง “วิรัช” ภรรยาและน้องเมีย ขอตีความคำสั่งศาลฎีกาฯให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.เหตุทุจริตคดีฟุตซอลขัด รธน. ชี้ อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอื่น พร้อมไม่รับปม “ชลิตา” ขอวินิจฉัย พ.ร.ก.ฉุกเฉินขัด รธน.
วันนี้ (30 มี.ค.) ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเป็นเอกฉันท์ไม่รับคำร้องกรณี นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นางทัศนียา รัตนเศรษฐ ส.ส.นครราชสีมา นางทัศนาพร เกษเมธีการุณ ส.ส.นครราชสีมา พรรคพลังประชารัฐ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 213 ว่า การที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ประทับรับฟ้องในคดีทุจริตโครงการก่อสร้างสนามฟุตซอลเป็นเหตุให้ผู้ร้องทั้ง 3 ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่เป็นการกระทำที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 188 หรือไม่โดยศาลฯ เห็นว่า กรณีเป็นเรื่องที่อยู่ในระหว่างการพิจารณาพิพากษาคดีของศาลอื่นตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญมาตรา 47(4) ซึ่งมาตรา 46 วรรคสามบัญญัติให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาผู้ร้องทั้ง 3 ไม่อาจยื่นคำร้องดังกล่าวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 213 ได้
ขณะเดียวกัน มีมติเป็นเอกฉันท์ไม่รับคำร้องกรณี นางสาวชลิตา บัณฑุวงศ์ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 213 ว่า พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 มาตรา 5 มาตรา 9 มาตรา 11 มาตรา 12 ตามมาตรา 16 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 3 วรรคสองมาตรา 26 วรรคหนึ่งมาตรา 29 วรรคหนึ่งและวรรคสองและมาตรา 197 หรือไม่ โดยศาลฯเห็นว่าเป็นกรณีที่รัฐธรรมนูญหรือกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญได้กำหนดกระบวนการร้องหรือผู้มีสิทธิขอให้ศาลพิจารณาวินิจฉัยไว้เป็นการเฉพาะแล้วตาม พ.ร.ปว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 47(2) ซึ่งมาตรา 46 วรรคสาม บัญญัติให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณา ผู้ร้องไม่อาจยื่นคำร้องดังกล่าวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 213 ส่วนที่อ้างว่ามีการละเมิดที่ไม่ได้เป็นผลมาจาก พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 โดยตรงเป็นกรณีที่มีเหตุมาจากการบังคับใช้ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 15) ลงวันที่ 25 ธ.ค. 63 ข้อ 3 ไม่ใช่บทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ออกโดยองค์กรซึ่งใช้อํานาจนิติบัญญัติ กรณีไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขตาม พ.ร.ป.วิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 48 ประกอบมาตรา 47 ดังนั้น ผู้ร้องไม่อาจยื่นคำร้องดังกล่าวตามมาตรา 213
ส่วนกรณีประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 ว่า สมาชิกภาพของนายสำลี รักสุทธี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101(6) ประกอบมาตรา 98(10) หรือไม่ ศาลฯอภิปรายเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยและให้สำนักงานฯเสนอประเด็นพิจารณาวินิจฉัยแต่จะได้กำหนดประเด็นพิจารณาวินิจฉัยในคราวประชุมครั้งถัดไป
อย่างไรก็ตาม ก่อนการประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ แจ้งว่า นายวรวิทย์ กังศศิเทียม ประธานศาลรัฐธรรมนูญ นายปัญญา อุดชาชน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ลาการประชุม
เนื่องจากเดินทางไปต่างจังหวัด จึงเป็นกรณีประธานสารคดีไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้มติที่ประชุมตุลาการศาลซึ่งมีองค์คณะในการนั่งพิจารณาและในการทำคำวินิจฉัยไม่น้อยกว่า 7 คนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 211 วรรคหนึ่งที่ประชุมจึงมีมติเลือกนายทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทำหน้าที่แทนประธานศาลรัฐธรรมนูญ ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 18 วรรคสี่