นายสมชาย แสวงการ ประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา แถลงภายหลังการประชุมกรรมาธิการฯ ว่า ได้พูดคุยกรณีที่ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 แถลงและตั้งข้อสังเกตการทำหน้าที่ของกรรมาธิการฯ ในการไปลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ได้แนะนำตำรวจในการหาข้อเท็จจริงกรณีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม โดยยืนยันว่าการทำงานของกรรมาธิการฯ เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติและข้อบังคับของวุฒิสภา ไม่ได้แทรกแซงหรือสั่งการใดตามที่ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 แถลงข่าวหรือสงสัย
ประธานกรรมาธิการฯ กล่าวว่า เมื่อมารดาของแตงโมร้องเรียนขอให้กรรมการสอบหาข้อเท็จจริงให้เกิดความกระจ่างให้เป็นธรรม กรรมาธิการฯ จึงส่งเรื่องร้องเรียนดังกล่าวให้สำนักเลขาธิการวุฒิสภาตรวจสอบคำร้องทุกข์ ซึ่งเป็นไปตามระเบียบ และขอให้กรรมมาธิการดำเนินการตามอำนาจและหน้าที่ และกรรมาธิการฯ ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าคดีนี้เป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจเกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน อีกทั้งการทำหน้าที่ของกรรมาธิการฯ ตระหนักถึงหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติและการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ตามรัฐธรรมนูญ จึงแจ้งให้ผู้แทนทุกหน่วยงานที่มาให้ข้อมูล ขอให้ข้อมูลเท่าที่จะเปิดเผยได้และไม่กระทบกับรูปคดี
ทั้งนี้ มั่นใจว่าคณะกรรมาธิการทำหน้าที่ภายใต้กรอบอำนาจตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติคำสั่งเรียกของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ข้อบังคับการประชุมวุฒิสภาและระเบียบสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาโดยไม่ได้แทรกแซงการทำหน้าที่ของตำรวจหรือหน่วยงานใด ไม่ว่าโดยตรงหรือทางอ้อม เป็นข้อเสนอแนะที่เป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่สั่งการ กรรมาธิการศึกษารอบคอบทั้งรัฐธรรมนูญพระราชบัญญัติคำสั่งมาเรียก และระเบียบการรับเรื่องราวร้องทุกข์รวมทั้งวันที่ไปสภอ.นนทบุรีก็ไม่สั่งการใดๆ โดยสรุปการให้ข้อเสนอแนะข้อคิดเห็นการแถลงข่าวของกรรมาธิการ หากเจ้าหน้าที่หรือหน่วยปฏิบัติเห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานและเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี สามารถนำไปใช้ได้ แต่ไม่ไม่จำเป็นต้องดำเนินการตามที่เสนอ สุดแล้วแต่ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่” นายสมชาย กล่าว
นายสมชาย กล่าวว่า วันนี้ (28มี.ค.) นายนิติธร ล้ำเหลือ มายื่นเรื่องขอให้กรรมการทำงานต่อ ซึ่งตนไม่ได้ชักชวนนายนิติธร มา และเมื่อรับเรื่องมาแล้วก็ส่งให้สำนักเลขาธิการวุฒิสภาตรวจสอบ ขณะเดียวกัน จะนำเรื่องที่มารดาของแตงโมจะมายื่นในวันนี้เช่นกัน แล้วจะนำไปพิจารณาร่วมกันในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ ถือเป็นสิทธิ์ของผู้ที่มายื่นและถอนเรื่องแต่ในประสบการณ์ทำงานในสภามา 15 ปี ไม่เคยมีผู้มายื่นแล้วขอถอน มีแต่ กรรมาธิการฯ ไม่รับเรื่อง แต่ถ้าเพื่อประโยชน์สาธารณะ หากสังคมมีความทุกข์ ความสนใจในกระบวนการยุติธรรมก็เป็นเรื่องที่กรรมาธิการจะต้องตรวจสอบ และเห็นว่ากรณีที่เกิดขึ้นไม่ใช่คดีหมิ่นประมาทแต่เป็นเรื่องของการเสียชีวิต
ขณะที่แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ กรรมาธิการฯ เชื่อว่า น.ส.ภัทรธิดา ไม่เสียชีวิตฟรีแน่นอน และมั่นใจว่าจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในกระบวนการยุติธรรม ขอให้รอดูต่อไป เพราะยังมั่นใจในข้อมูลหลักฐานที่ได้เห็น